ปีกหงส์ตัวเก่ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (Trent Alexander-Arnold)

ปีกหงส์ตัวเก่ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์

เทรนต์ จอห์น อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (เกิด 7 ตุลาคม 1998) เขาเป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษ โดยลงเล่นในตำแหน่งแบ็คขวาให้กับสโมสร ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษและทีมชาติอังกฤษ

อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ คือผลผลิตของระบบทีมเยาวชนของสโมสร ลิเวอร์พูล ซึ่งมีโอกาสลงประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อปี 2016 ด้วยวัยเพียง 18 ปี โดยเขาลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ไปแล้วกว่า 50 นัดและยังเคยคว้ารางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรอย่างต่อเนื่องในปี 2017 และ 2018 นอกจากนี้เขายังเคยลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษทุกชุดนับตั้งแต่ชุดอายุไม่เกิน 16 ปีจนถึง 21 ปี ก่อนที่จะมีโอกาสประเดิมสนามให้กับทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2018 และเขายังเป็นหนึ่งในขุนพลชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 อีกด้วย

เส้นทางอาชีพตั้งแต่เริ่ม

ลิเวอร์พูล

ชีวิตในช่วงต้นและการค้าแข้ง

ชีวิตในช่วงต้นและการค้าแข้ง

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เกิดที่เวสต์ดาร์บี้ ในเมือง ลิเวอร์พูล เขาเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนประถมคาทอลิกเซนต์ แม็ทธิวส์ จากนั้นเมื่อตอนเขาอายุ 6 ขวบ สโมสร ลิเวอร์พูล ได้เป็นเจ้าภาพในการจัดค่ายฤดูร้อนซึ่งโรงเรียนของเขาถูกรับเชิญให้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ โดยชื่อของเขาถูกสุ่มขึ้นมาจากหมวกให้เข้าร่วมกิจกรรม และในค่ายนี้เองที่ทำให้เขาได้พบกับ เอียน บาร์ริแกน โค้ชทีมเยาวชนของ ลิเวอร์พูล ผู้ซึ่งเสนอโอกาสให้เขาเข้าร่วมระบบทีมเยาวชนของสโมสร เขาเริ่มต้นฝึกซ้อมเป็นเวลาสองถึงสามครั้งต่อสัปดาห์และหลังจากนั้นเขาได้เป็นกัปตันทีมรุ่นอายุไม่เกิน 16 และ 18 ปี ภายใต้การคุมทีมของเพพินจ์ ลินจ์เดอร์ นอกจากนี้ในช่วงเวลาดังกล่าว เขายังต้องแบ่งเวลาให้กับการศึกษาอีกด้วย ต่อมาในปี 2015 เขาถูกเลือกและถูกกล่าวถึงในหนังสืออัตชีวประวัติของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม ลิเวอร์พูล ว่าจะมีอนาคตที่สดใสกับทีมอย่างแน่นอน ขณะที่ในฤดูกาล 2015-16 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ถูกเลือกเข้ามาสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสร โดยกุนซือเบรนแดน ร็อดเจอร์ สำหรับการเตรียมทีมในช่วงพรีซีซั่นที่จะต้องลงสนามอุ่นเครื่องกับ สวินดอน ทาวน์ โดยเขามีโอกาสลงประเดิมสนามในเกมนี้และคว้าชัยชนะไปได้ด้วยสกอร์ 2-1

ฤดูกาล 2016 ถึงปัจจุบัน จุดพลิกผัน

หลังจากการมีส่วนร่วมกับทีมในช่วงทัวร์พรีซีซั่นที่สหรัฐอเมริกา อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มีโอกาสลงสนามในเกมทางการให้กับทีมเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2016 ในเกมเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไปได้ 2-1 ในการแข่งขันอีเอฟแอล คัพ รอบ 4 โดยในเกมนี้เขาโดนใบเหลืองในครึ่งเวลาแรกจากการทำฟาล์วใส่ เบน เดวิส ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนตัวออกให้ นาธาเนียล ไคลน์ แบ็คขวาตัวจริงลงเล่นแทนในนาทีที่ 68 ต่อมา สตีเว่น เจอร์ราร์ด อดีตกัปตันทีม ลิเวอร์พูล ยังยืนยันว่า อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จะกลายเป็นผู้เล่นระดับสูงได้ หลังจากที่เขาได้ลงประเดิมสนามและมีชื่อติดอยู่ในทีมยอดเยี่ยมของอีเอฟแอล คัพในรอบนั้น ซึ่งเป็นเกมที่เขาได้ประสานงานร่วมกับ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์

วันที่ 8 พฤศจิกายน ลิเวอร์พูล ได้ประกาศขยายสัญญายาวของเขาออกไป จากนั้นเขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมอีเอฟแอล คัพ รอบถัดมาและสามารถทำแอสซิสต์แรกของตัวเขาเองได้ หลังจ่ายบอลให้ ดิว็อค โอริกี้ ยิงประตูขึ้นนำได้ในชัยชนะ 2-0 เหนือ ลีดส์ ยูไนเต็ด นอกจากนี้เขายังได้รับรางวัลแมนออฟเดอะแมตช์อีกด้วย ต่อมาเขามีโอกาสลงประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม โดยถูกส่งลงเป็นตัวสำรองคนสุดท้ายในเกมถล่ม มิดเดิลสโบรช์ 3-0 และยังออกสตาร์ทเป็นตัวจริงครั้งแรกในเกมที่เสมอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2017 จากนั้นในเดือนพฤษภาคม เขาถูกประกาศให้เป็นผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรและของพรีเมียร์ลีก โดยในฤดูกาลนั้น เขาลงเล่นไปทั้งสิ้น 12 นัดในทุกรายการให้กับทีม

ในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล 2017-18 แบ็คขวาตัวจริงของทีมอย่าง ไคลน์ ได้รับอาการบาดเจ็บหลังอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลให้ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มีโอกาสที่ดีในการลงสนามสลับสับเปลี่ยนกับ โจ โกเมซ ในช่วงต้นซีซั่น จากนั้นในวันที่ 15 สิงหาคม 2017 เขาทำประตูแรกของเขาให้กับทีมได้จากการสังหารฟรีคิกในเกมเอาชนะ ฮอฟเฟ่นไฮม์ 2-1 ในการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบเพลย์ออฟนัดแรก จากประตูนี้ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่มีอายุน้อยที่เป็นอันดับสามในประวัติศาสตร์สโมสรที่สามารถทำประตูในรายการยุโรปได้ หลังจาก ไมเคิล โอเว่น และ เดวิด แฟลร์คลัฟ เคยทำเอาไว้ และในระหว่างการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มนี้ เขาสามารถทำประตูได้อีกครั้งในชัยชนะ 7-0 เหนือ มาริบอร์ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ซึ่งส่งผลให้เป็นชัยชนะในเกมเยือนมากที่สุดของการแข่งขันรายการนี้ และมากที่สุดของสโมสรจากอังกฤษอีกด้วย จากนั้นเขาทำประตูอีกครั้งโดยเป็นประตูแรกในพรีเมียร์ลีก นัดบ็อกซิ่งเดย์ ซึ่งถล่ม สวอนซี ไป 5-0 ที่แอนฟิลด์

วันที่ 4 เมษายน 2018 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำสถิติกลายเป็นผู้เล่นอังกฤษที่มีอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแปดทีมสุดท้ายและสามารถเอาชนะคู่แข่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 3-0 จากผลงานในนัดดังกล่าวส่งผลให้เขาคว้าแมนออฟเดอะแมตช์ไปครอง รวมทั้งได้รับคำชื่นชมจากสื่อถึงความสามารถในการประกบตัว ลีรอย ซาเน่ ปีกของ แมนฯซิตี้ อยู่หมัด จากนั้นเขายังสร้างความประทับใจอีกครั้งในการลงเป็นตัวสำรองในเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในนัดที่สอง ซึ่งช่วยให้ทีมสามารถเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์รวม 5-1 พาทีมผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ต่อมาวันที่ 10 พฤษภาคม เขาคว้ารางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรจากผลงานอันโดดเด่นในการลงเล่นทั้งรายการในประเทศและรายการยุโรป แม้ว่าจะเป็นซีซั่นที่สองของเขากับทีมเท่านั้น ในอีกหนึ่งเดือนถัดมา เขายังทำสถิติเป็นผู้เล่น ลิเวอร์พูล ที่มีอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ แม้ว่าจะจบลงด้วยการพ่ายแพ้ไป 3-1 ก็ตาม จากนั้นในเดือนกรกฎาคม จากบทสรุปหลังจบฤดูกาลทำให้เขาถูกเสนอชื่อในการประกาศรางวัลโกลเด้นบอย แต่สุดท้ายกลายเป็น มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ กองหลังดาวรุ่งของ อาแจ็กซ์ ที่คว้ารางวัลนี้ไปครอง

ในช่วงเริ่มต้นของฤดูกาลถัดมา เขามีโอกาสลงสนามนัดที่ 50 ให้กับสโมสรในเกมที่ลงเล่นเป็นตัวจริงและเฉือนเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไปได้ 2-1 ซึ่งเป็นการลงเล่นเจอคู่แข่งทีมเดียวกันกับนัดที่เขาลงประเดิมสนามนัดแรกให้กับทีมเมื่อสองปีก่อน จากนั้นในเดือนตุลาคม เขาเป็นหนึ่งในสิบนักเตะที่ถูกเสนอชื่อเข้ารับรางวัลโคปา โทรฟี่ ซึ่งเป็นรางวัลของฟร็องซ์ ฟุตบอล สำหรับมอบให้นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมที่มีอายุไม่เกิน 21 ปี ซึ่งเขาได้รับการโหวตให้อยู่ในอันดับที่หก โดยมีนักเตะชื่อดังอย่าง ไมเคิล โอเว่น เดนิส ลอว์ และ พาเวล เนดเวด โหวตให้ จากนั้นในอีกหลายเดือนต่อมา เขายังถูกจัดอันดับจากรายงานของ CIES ให้อยู่ในฐานะฟูลแบ็คที่มีมูลค่าในการย้ายทีมที่คุ้มค่าที่สุดในโลก

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2019 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กลายเป็นผู้เล่นที่มีอายุน้อยที่สุดด้วยวัยเพียง 20 ปี 143 วัน ที่สามารถทำแอสซิสต์ได้ถึงสามลูกในหนึ่งเกม หลังจากแอสซิสต์ให้ ซาดิโอ มาเน่ สองครั้งและให้ เวอร์จิล ฟาน ไดฟ์ อีกหนึ่งครั้งในเกมที่เอาชนะ วัตฟอร์ด ไปได้ 5-0

ทีมชาติอังกฤษชุดเยาวชน

เส้นทางทีมชาติ

ทีมชาติอังกฤษชุดเยาวชน

อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลงเล่นในเกมทีมชาติระดับเยาวชนครั้งแรกในศึกฟุตบอลโลก 2015 ชุดอายุไม่เกิน 17 ปีที่ประเทศชิลี ต่อมาในวันที่ 7 ตุลาคม 2016 เขาทำสองประตูให้กับทีมชาติอังกฤษ ชุดอายุไม่เกิน 19 ปี ในเกมที่เอาชนะโครเอเชียไปได้ 3-1 จากนั้นเขาทำได้อีกหนึ่งประตูในเกมที่พ่ายแพ้ต่อ เวลส์ ไป 3-2 ในเดือนพฤศจิกายน โดยเขาเป็นผู้ทำประตูแรกได้ ส่วนอีกหนึ่งประตูมาจากการทำเข้าประตูตัวเองของ มาร์ค แฮร์ริส ขณะที่ในวันที่ 24 มีนาคม 2017 เขาทำสองประตูในเกมที่เอาชนะทีมชาติสเปน 3-0 ในการแข่งขันรอบคัดเลือกของศึกยูโร 2017 ชุดอายุไม่เกิน 19 ปี แต่ต่อมาเขากลับไม่ได้มีส่วนร่วมกับทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว เนื่องจากต้นสังกัด ลิเวอร์พูล ได้เจรจากับทีมชาติอังกฤษเพื่อขอเก็บตัวเขาไว้สำหรับการเตรียมทีมในซีซั่นถัดไป และในท้ายที่สุดอังกฤษก็สามารถเอาชนะโปรตุเกสได้ในนัดชิงชนะเลิศและคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ

ในอีกหนึ่งเดือนต่อมา เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษ ชุดอายุไม่เกิน 21 ปีเป็นครั้งแรก สำหรับเตรียมทีมลุยศึกยูโร ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี ซึ่งต้องพบกับทีมชาติเนเธอร์แลนด์และทีมชาติลัตเวีย โดยเขามีโอกาสประเดิมนัดแรกในวันที่ 5 กันยายน ซึ่งคว้าชัยชนะไปได้ 3-0 ที่ บอร์นมัธ

ทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่

ในเดือนมีนาคม 2018 ขณะที่เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดอายุไม่เกิน 21 ปี อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ถูกเรียกตัวให้ไปฝึกซ้อมกับทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกสำหรับลงเล่นเกมกระชับมิตรกับอิตาลีและเนเธอร์แลนด์ และหลังจากนั้นเขาก็มีชื่ออยู่ในทีมของ แกเร็ธ เซาต์เกต สำหรับลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 จากนั้นเขาได้รับโอกาสให้ลงสนามเป็นครั้งแรกในวันที่ 7 กรกฎาคม 2018 ซึ่งเป็นเกมนัดกระชับมิตรกับทีมชาติคอสตาริกาที่ เอลแลนด์ โร้ด และเอาชนะไปได้ 2-0 โดยก่อนเกมการแข่งขันนัดนี้ เขาได้รับพระราชทานเสื้อแข่งขันจากพระหัตถ์ของเจ้าชายวิลเลียม ยุคแห่งเคมบริดจ์อีกด้วย หลังจากนั้นเขาได้ลงประเดิมสนามในศึกฟุตบอลโลกเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ในเกมที่พ่ายแพ้ต่อเบลเยี่ยมไป 1-0 แต่ทั้งสองทีมก็สามารถผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอ้าท์ได้สำเร็จ โดยนัดดังกล่าวเป็นเพียงนัดเดียวที่เขามีโอกาสได้ลงเล่น ขณะที่ในรอบน็อคเอ้าท์กับโครเอเชียในรอบรองชนะเลิศ และในนัดชิงอันดับที่สามกับเบลเยี่ยม เป็นคีแรน ทริปเปียร์ ที่ได้ลงเล่นในตำแหน่งแบ็คขวาทั้งหมด

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2018 ในระหว่างเกมกระชับมิตรซึ่งเป็นแมตช์เกียรติยศของ เวย์น รูนี่ย์ ซึ่ง อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ สามารถทำประตูแรกในเกมทีมชาติชุดใหญ่ได้สำเร็จ ซึ่งทีมชาติอังกฤษสามารถเอาชนะทีมชาติสหรัฐอเมริกาไปได้ 3-0 ที่เวมบลีย์ และจากประตูดังกล่าวซึ่งเขาสามารถทำได้ในวัยเพียง 20 ปี 39 วัน ส่งผลให้ตัวเขากลายเป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล ที่มีอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้ทีมชาติอังกฤษ นับตั้งแต่ ไมเคิล โอเว่นเคยทำเอาไว้เมื่อปี 1999

รูปแบบการเล่น อเล็กซานเดอร์

รูปแบบการเล่น

อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เป็นผู้เล่นตำแหน่งฟูลแบ็คที่มีพรสวรรค์รวมทั้งมีความฉลาดหลักแหลมและความเข้าใจในเกม อีกทั้งยังมีการผ่านบอลที่ยอดเยี่ยม โดยเป็นผลมาจากการฝึกฝนและลงเล่นในตำแหน่งกองกลางเมื่อครั้งยังเล่นอยู่ในทีมเยาวชน นอกจากนี้ยังมีทีเด็ดจากการสังหารฟรีคิกอีกด้วย ขณะที่ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เขาถูกจับไปเล่นริมเส้นด้านขวาเป็นส่วนใหญ่ซึ่งทำให้เขาสามารถวิ่งสอดจากแถวสองขึ้นไปได้บ่อยครั้ง เขายังมีการเปิดบอลจากด้านข้างที่แม่นยำและทำงานอย่างหนักในการเติมเกมรุก ทำให้เขามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการเล่นเกมแบบสวนกลับซึ่งเป็นรูปแบบหลักของทีม

ชีวิตส่วนตัว

อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เป็นหลานชายของ จอห์น อเล็กซานเดอร์ อดีตนักเตะ มิลวอลล์ และ เร้ดดิ้ง และอดีตเลขานุการสโมสรของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นอกจากนี้ โดรีน คาร์ลิ่ง คุณยายของเขายังเคยเป็นอดีตคนรักของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนที่เธอจะย้ายไปยังนิวยอร์คและแต่งงานในที่สุด ดังนั้น อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จึงสามารถเลือกเล่นให้กับทีมชาติสหรัฐอเมริกาได้ ก่อนที่เขาจะเลือกประเดิมสนามให้กับทีมชาติอังกฤษ เขายังมีพี่ชายและน้องชายอีกสองคนคือ ไทเลอร์ พี่ชายซึ่งอายุมากกว่าเขา 4 ปีและเป็นเอเย่นต์ส่วนตัวของเขาด้วย ส่วนน้องชายคือ มาร์เซล มีอายุน้อยกว่าเขา 3 ปี

นอกเหนือจากด้านฟุตบอลแล้ว อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังทำงานอาสาสมัครโดยเป็นทูตให้กับงานการกุศลของสโมสร ลิเวอร์พูล โดยโครงการ ”หนึ่งชั่วโมงเพื่อผู้อื่น (An Hour for Others)” ของเขาเป็นการค้นหาสมาชิกผู้ด้อยโอกาสทางสังคมเพื่อแบ่งปันอาหารและวัตถุดิบรวมทั้งของเล่น สำหรับการยังชีพและการเรียนรู้ นอกจากนี้เขายังให้การสนับสนุนงานการกุศลต่างๆ นับตั้งแต่ได้รับการแนะนำโดยคุณแม่ของเขาเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่น ขณะช่วงที่ยังลงเล่นให้กับทีมเยาวชน เขาและ ครีส โอเว่นส์ เพื่อนร่วมทีมให้คำสัญญาต่อกันว่าจะสนับสนุนซึ่งกันและกันหากคนใดคนหนึ่งสามารถก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่และเป็นนักเตะอาชีพได้สำเร็จ

เขายังเป็นนักเล่นหมากรุกตัวยง โดยเขาได้คำแนะนำให้เล่นกีฬานี้จากคุณพ่อของเขาตั้งแต่ยังเด็ก และในปี 2018 เขาได้เล่นในเกมรับเชิญพบกับ แม็กนัส คาร์ลเซ่น ดีกรีแชมป์โลกหมากรุก โดยการแข่งขันนัดดังกล่าวเป็นการช่วยโปรโมตแคมเปญการแข่งขันหมากรุกอีกด้วย และในท้ายที่สุดเขาพ่ายแพ้ไปหลังจากเดินหมากได้เพียง 17 ตา แต่ยังมากกว่า บิล เกตส์ ซึ่งลองเล่นกับ คาร์ลสัน เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้นถึง 8 ตา

ชีวิตส่วนตัว อเล็กซานเดอร์