ค้นประวัติ มิชี่ บาตชูอายี่ หัวหอกผู้โหยหาต้นสังกัดถาวร

ค้นประวัติ มิชี่ บาตชูอายี่ หัวหอกผู้โหยหาต้นสังกัดถาวร

มิชี่ บาตชูอายี่-อาตุนก้า (Michy Batshuayi-Atunga) หรือที่แฟนบอลรู้จักกันดีในนาม มิชี่ บาตชูอายี่ เขาเป็นนักฟุตบอลชาวเบลเยี่ยมที่ลงเล่นในตำแหน่งศูนย์หน้าให้กับ คริสตัล พาเลซ ด้วยสัญญายืมตัวจาก เชลซี รวมถึงการเป็นผู้เล่น ทีมชาติเบลเยี่ยม อีกด้วย บาตชูอายี่ เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 1993 ปัจจุบันอายุ 25 ปี เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ สตองดาร์ด ลีแอช เมื่อปี 2011 และทำประตูให้กับต้นสังกัดแรกไปทั้งหมด 44 ลูกจาก 120 เกมในทุกรายการ และจากผลงาน 21 ประตูใน เบลเยี่ยม โปร ลีก ฤดูกาล 2013-14 ก็ทำให้เขาครองตำแหน่งรองดาวซัลโว พร้อมคว้ารางวัล อีโบนี่ ชู ที่มอบให้กับนักเตะสายเลือดแอฟริกันผู้ทำผลงานโดดเด่นที่สุดในลีกของ เบลเยี่ยม หลังจากนั้นเขาก็ได้ย้ายไปอยู่กับ โอลิมปิก มาร์กเซย ด้วยค่าตัว 4.5 ล้านปอนด์ และช่วยให้ทีมผ่านเข้าไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ เฟร้นช์ คัพ 2016 จนกระทั่งเดือนกรกฎาคมปีนั้นเขาก็ตกลงเซ็นสัญญาไปร่วมทีม เชลซี ด้วยค่าตัว 33 ล้านปอนด์ ก่อนจะเป็นผู้ยิงประตูชัยในนัดที่ช่วยให้ทีมทำแต้มทิ้งขาดจนคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้ในซีซั่นเปิดตัว บาตชูอายี่ ยังทำประตูในนัดเปิดตัวกับ ทีมชาติเบลเยี่ยม ได้จากการลงเตะกับ ไซปรัส ในเดือนมีนาคม 2015 เขายังมีส่วนร่วมในทีมที่ผ่านเข้าไปจนถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายใน ยูโร 2016 และมีรายชื่ออยู่ในทีมที่คว้าอันดับ 3 ใน ฟุตบอลโลก 2018

เส้นทางในระดับสโมสร

สตองดาร์ด ลีแอช

บาตชูอายี่ เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ สตองดาร์ด ลีแอช

หลังจากลืมตาดูโลกใน กรุงบรัซเซลส์ การพเนจรบนเส้นทางสายลูกหนังของ บาตชูอายี่ ก็เริ่มต้นขึ้นจาก RFC Evere, RUSA Schaarbeek, เอฟซี บรัซเซลส์, อันเดอร์เลชท์ และย้อนกลับมา เอฟซี บรัซเซลส์ เป็นรอบที่ 2 ก่อนจะมาลงเอยกับ สตองดาร์ด ลีแอช เขาประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของ สตองดาร์ด ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2011 จากเกมที่บุกไปพ่ายให้กับ เกนท์ 4-1 โดยถูกเปลี่ยนลงไปแทน ฟร้องค์ แบร์ริเย่ร์ กองกลางชาวฝรั่งเศสในช่วง 7 นาทีสุดท้าย ก่อนที่อีก 6 วันให้หลังจะมีโอกาสลงเล่นใน เบลเยี่ยม โปร ลีก เป็นครั้งสุดท้ายในซีซั่นเปิดตัว จากการถูกเปลี่ยนตัวแทนที่ อาลอยส์ นง ศูนย์หน้าชาวแคเมอรูน ในนาทีสุดท้ายของเกมที่ทีมเปิดรัง สต๊าด มัวริซ ดูฟราสเน่ ถล่ม เควี เมเชเลน 3-0 บาตชูอายี่ ออกสตาร์ทซีซั่นใหม่ด้วยการเป็นตัวสำรองที่ไม่ถูกใช้งานในเกม เบลเยี่ยม ซูเปอร์ คัพ ที่พ่ายให้กับ เกงค์ 1-0 เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2011 เขาสามารถเบิกสกอร์แรกในชีวิตค้าแข้งได้จากประตูเดียวที่เกิดขึ้นในเกมที่ออกไปเยือน เอฟซี โคเปนเฮเก้น ในรายการ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก และช่วยให้ทีมผ่านเข้าสู่น็อคเอาท์ หลังจากนั้นอีก 2 วันเขามายิงเบิ้ลได้ในนัดที่เฉือนเอาชนะ ลีร์เซ่ 2-1 ในรายการ เบลเยี่ยม คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศเลกแรก แต่สุดท้ายทีมของเขากลับตกรอบไปด้วยสกอร์รวม 5-4 ก่อนจะมายิงประตูแรกใน จูปิแลร์ ลีก ได้ในเกมที่เปิดบ้านถล่ม เบียร์ช็อต 6-1 เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2012

บาตชูอายี่ มาถูกไล่ออกจากสนามเป็นครั้งแรกหลังถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองระหว่างครึ่งเวลาแรก ก่อนจะได้รับใบแดงโดยตรงในนาทีที่ 64 จากการไปย่ำใส่หน้าอกของ เยรูน ซิแมอิส กองหลังดีกรีทีมชาติเบลเยี่ยม ในเกมที่พ่ายให้กับ เกงค์ 3-2 และส่งผลให้เขาถูก ราชสมาคมฟุตบอลเบลเยี่ยม สั่งแบนยาว 4 นัดในเวลาต่อมา ในช่วงต้นของฤดูกาลถัดมา เขาถูกใบแดงอีกครั้งในนัดที่เฉือนเอาชนะ มุสครง 3-2 จากรายการ เบลเยี่ยม คัพ รอบที่ 6 เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2012 หลังไปตีศอกใส่ เบนฌาแม็ง เดอลากูรต์ จนทำให้เขาโดนแบนไปอีก 2 นัดตามระเบียบ ตลอดซีซั่นนั้นเขายิงไปทั้งหมด 12 ประตูจาก 26 นัด ซึ่งรวมไปถึงการเหมาคนเดียว 2 เม็ดที่ช่วยให้ทีมพลิกแซง โลเคอเรน เป็น 4-3 ในฤดูกาล 2013-14 บาตชูอายี่ ยิงประตูในซีซั่นสั่งลากับ สตองดาร์ด ไปทั้งหมด 21 ลูกจาก 34 เกม ซึ่งรวมไปถึงการทำแฮตทริกแรกในชีวิตด้วยการรัวใส่ ออสเทนเด้ จากชัยชนะนอกบ้าน 4-2 จนทำให้ครองตำแหน่งรองดาวซัลโว พร้อมกับรับรางวัล อีโบนี่ ชู ประจำปีนั้นไปครอง

โอลิมปิก มาร์กเซย

บาตชูอายี่ ก็ตัดสินใจเซ็นสัญญาย้ายทีมไปอยู่กับ โอลิมปิก มาร์เซย

หลังสร้างชื่อเสียงในบ้านเกิดได้อย่างเต็มตัว บาตชูอายี่ ก็ตัดสินใจเซ็นสัญญาย้ายทีมไปอยู่กับ โอลิมปิก มาร์เซย ด้วยค่าตัว 4.5 ล้านปอนด์ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2014 และมาเปิดตัวให้กับต้นสังกัดใหม่ในนัดเปิดฤดูกาลที่เสมอกับ บาสเตีย 3-3 โดยถูกเปลี่ยนตัวลงไปแทน ดิมิทรี ปาเยต ในช่วง 11 นาทีสุดท้าย เขาทำประตูแรกได้ในเกม เฟรนช์ ลีก คัพ ที่ทีมบุกไปพ่าย แรนส์ 2-1 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม และต้องรอจนถึงวันที่ 23 พฤศจิกายนถึงจะยิงประตูแรกใน ลีกเอิง ได้จากเกมที่เปิดรัง สต๊าด เวโลโดรม ไล่อัด บอร์กโดซ์ 3-1 โดยเป็นผู้ยิงประตูปิดท้ายหลังใช้เวลาอยู่ในสนามไม่ถึง 20 นาที

ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2015 เขาถูก มาร์เซโล่ บิเอลซ่า กุนซือเลือดฟ้าขาว ส่งลงมาแก้เกมโดยการเปลี่ยนตามตำแหน่งกับ อองเดร-ปิแอร์ ฌีญัก ก่อนที่เขาจะใช้เวลาในช่วงไม่ถึงครึ่งชม.สุดท้ายยิงเบิ้ลจนตามตีเสมอ แซงต์ เอเตียน มาเป็น 2-2 เขายังมายิง 2 เม็ดได้อีกในการพบกับ ตูลูส และ ล็องส์ ก่อนจะจบฤดูกาลแรกด้วยการซัดไปทั้งหมด 9 ประตูจาก 26 นัดในลีกโดยที่มักจะได้รับบทบาทเป็นตัวสำรองเสียเป็นส่วนใหญ่

ในวันที่ 23 สิงหาคม 2015 เขายิงเปิดหัวฤดูกาลใหม่ด้วยการเหมาคนเดียว 2 ลูกในเกมที่เฝ้าบ้านถล่ม ทรัวส์ 6-0 หลังจากนั้นไม่นาน แวงซองต์ ลาบรูน ประธานสโมสรโอแอ็ม ก็ได้ออกมากล่าวว่า

“ไม่มีสโมสรระดับท็อป 15 ของโลกที่ใดที่ไม่ให้ความสนใจกับ บาตชูอายี่ เขาคือหนึ่งในผู้เล่นที่กำลังเป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในตลาดนักเตะ มีข้อเสนอถึงตัวเขามากมายในช่วงซัมเมอร์ แต่เขาไม่ต้องการจะย้ายไปไหน เขากำลังพิสูจน์ตัวเองในสนาม และหากสโมสรใดก็ตามที่ต้องการตัวเขาก็ต้องยอมควักกระเป๋าราว 50 ล้านยูโร”

ในระหว่างช่วงพักเบรกครึ่งฤดูกาล บาตชูอายี่ ทำประตูไปแล้ว 11 ลูกจาก 19 เกม โดยตกเป็นรองเพียงแค่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทีมจ่าฝูง ในขณะที่พวกเขารั้งอยู่ในอันดับที่ 10 ท้ายที่สุดแล้วเขายิงได้ทั้งหมด 17 ประตูจาก 36 นัดในลีก และบวกเพิ่มได้อีก 2 ลูกจาก 5 นัดในรายการ เฟร้นช์ ลีก คัพ ที่ทีมพ่ายให้กับ เปแอสเช ในนัดชิงชนะเลิศ 4-2 เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2016

เชลซี

เชลซี ที่ยื่นข้อเสนอมูลค่า 40 ล้านยูโร ซื้อ บาตชูอายี่

มีรายงานข่าวในช่วงเดือนเมษายน 2016 ว่า เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กำลังวางแผนที่จะดึงตัว บาตชูอายี่ มาร่วมวงฟาดแข้งอยู่ใน พรีเมียร์ลีก ด้วยข้อเสนอ 35 ล้านยูโร หลังจากนั้น 2 เดือนต่อมา คริสตัล พาเลซ ทีมคู่แข่งร่วมเมืองก็ยื่นข้อเสนอเป็นจำนวน 38 ล้านยูโร โดยมี ยูเวนตุส ทีมแชมป์ เซเรีย อา กระโดดเข้ามาแจมในดีลนี้ด้วย แม้ มาร์กเซย จะเลือกตอบรับข้อเสนอของ พาเลซ หากแต่ บาตชูอายี่ กลับไม่ต้องการที่จะย้าย จึงกลายเป็นโอกาสของ เชลซี ที่ยื่นข้อเสนอมูลค่า 40 ล้านยูโร (33.2 ล้านปอนด์) เสียบแทนเข้าไป จนทำให้ โอแอ็ม เปิดไฟเขียวและทางตัวนักเตะที่อยู่ระหว่างการแข่งขัน ยูโร 2016 ก็ยอมปลีกตัวไปเข้ารับการตรวจร่างกาย และแล้วในวันที่ 3 กรกฎาคม บาตชูอายี่ ก็กลายเป็นนักเตะ สิงห์บลูส์ หลังบรรลุข้อตกลงในสัญญายาว 5 ปี และกลายเป็นผู้เล่นคนแรกในการเสริมทัพของ อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือป้ายแดงที่ออกมากล่าวหลังเข้ารับตำแหน่งว่า เขามีความมุ่งหวังที่จะพาทีมกลับไปคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก และผ่านเข้าไปเล่นในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง ในขณะที่ บาตชูอายี่ ก็ออกมาเสริมว่าเขารู้สึกกระหายที่จะได้ลงเล่นร่วมกับ ออสการ์ มิดฟิลด์ชาวบราซิล ก่อนที่เขาจะได้ออกเดินทางร่วมกับทีมในช่วงปรีซีซั่นที่ ออสเตรีย และได้ลงสนามเป็นครั้งแรกในเกมอุ่นเครื่องกับ โวล์ฟสแบร์เกอร์ ก่อนจะทำประตูแรกได้ในแมตช์กระชับมิตรนัดถัดมาที่ถล่มทีมท้องถิ่นไป 8-0

ในวันที่ 15 สิงหาคม เขาลงประเดิมสนามในนัดเปิดฤดูกาลจากการเป็นตัวสำรองในช่วง 5 นาทีสุดท้าย และช่วยแผลงฤทธิ์ด้วยการทำทางให้ ดีเอโก้ คอสต้า ยิงประตูชัย 2-1 เหนือ เวสต์แฮม ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ จนกระทั่งอีก 5 วันต่อมา เขาถูกเปลี่ยนลงมาแทนที่ ออสการ์ และทำประตูแรกของตนเองได้ในเกมที่บุกไปเฉือนเอาชนะ วัตฟอร์ด 2-1 บาตชูอายี่ มาได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงครั้งแรกในเกม อีเอฟแอล คัพ รอบสามเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม โดยจัดการเหมาคนเดียว 2 ประตูที่ช่วยให้ทีมเอาชนะ บริสตอล โรเวอร์ส ไปแบบหวุดหวิด 3-2 จนมาถึงช่วงท้ายฤดูกาลในวันที่ 12 พฤษภาคม 2017 ในขณะที่ เชลซี ต้องการประตูชัยเพื่อคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก จนเวลาผ่านพ้นมาถึงนาทีที่ 82 เขาก็มีโอกาสโฉบเข้าสไลด์บอลผ่านมือ เบน ฟอสเตอร์ นายทวารของ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน และกลายเป็นประตูที่ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เป็นสมัยที่ 6 เขาได้รับโอกาสลงสนามในเกมลีก 2 นัดที่เหลือและยิงเพิ่มได้อีก 3 ลูก จากประตูตอนช่วงต้นครึ่งหลังในเกมที่เฉือนเอาชนะ วัตฟอร์ด ไปแบบสุดมันส์ 4-3 และ 2 ประตูจาก 2 นาทีในช่วงท้ายเกมปิดฤดูกาลที่เปิดบ้านถล่ม ซันเดอร์แลนด์ 5-1 จนทำให้เขาฝากผลงานในซีซั่นแรกด้วยการยิงไปทั้งหมด 5 ประตูจากการลงสนามในเกม พรีเมียร์ลีก 236 นาที หรือคิดเป็นอัตราส่วนได้ที่ 1 ประตูจากทุกๆ 47 นาที บาตชูอายี่ มาทำแฮตทริกแรกให้กับ เชลซี ได้ในเกม อีเอฟแอล คัพ รอบ 3 ที่เปิดบ้านถล่ม น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 5-1 เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2017 และมายิงได้อีกในสัปดาห์ต่อมาจากบทบาทซูเปอร์ซับช่วงท้ายเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่บุกไปเอาชนะ แอตเลติโก มาดริด 2-1 หลังฉลองการลงสนามเป็นนัดที่ 50 ในช่วงกลางเดือนมกราคม 2018 ด้วยการทำได้ 1 ประตูในเกม เอฟเอ คัพ รอบ 3 นัดรีเพลย์กับ นอริช ซิตี้ เขาก็มาบวกเพิ่มอีก 2 ประตูในเกมรอบที่ 4 จากชัยชนะ 3-0 เหนือ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ภายในรัง เดอะ บริดจ์ ตอนช่วงใกล้ๆสิ้นเดือนมกราคม

ยืมตัวไป โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

บาตชูอายี่ ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยสัญญายืมตัวไปจนจบฤดูกาล

ในวันที่ 31 มกราคม 2018 บาตชูอายี่ ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยสัญญายืมตัวไปจนจบฤดูกาล 2017-18 โดยมีโอกาสได้ประเดิมสนามในอีก 3 วันต่อมาจากการออกไปเยือน เอฟซี โคโลญจน์ และทำได้ถึง 2 ประตู โดยประตูที่ 3 ที่เขายิงเข้าไปถูกจับให้เป็นลูกล้ำหน้าด้วยการตัดสินผ่าน VAR อย่างไรก็ตามเขาก็ยังช่วยทำได้อีก 1 แอสซิสต์จนทำให้ต้นสังกัดใหม่คว้าชัยชนะไปด้วยสกอร์ 3-2 จากผลงานในนัดแรกทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ยิงประตูได้มากกว่า 1 ลูกในนัดเปิดตัว บุนเดสลีกา นับตั้งแต่ที่ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ผู้ที่เขาย้ายเข้ามาแทนที่เคยทำไว้เมื่อปี 2013 ก่อนที่ บาตชูอายี่ จะยิงได้อีกในนัดถัดมาที่ทีมเปิดบ้านเอาชนะ ฮัมบูร์ก 2-0 ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ บาตชูอายี่ โชว์ฟอร์มร้อนซัดเบิ้ลในเกม ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ที่เปิดรัง ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค เฉือนเอาชนะ อตาลันต้า 3-2 ก่อนที่ทีมจะต้องเดินทางไปลงเตะที่ อิตาลี ในเลกสอง ซึ่งภายหลังการแข่งขันที่จบลงด้วยผลเสมอ 1-1 ที่ทำให้ เสือเหลือง ได้ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย เขาได้ยื่นคำร้องไปว่าได้ยินการทำเสียงลิงเพื่อล้อเลียนตัวเขาระหว่างเกมจากกองเชียร์เจ้าถิ่น ทาง ยูฟ่า จึงเข้ามาดำเนินการตรวจสอบในช่วงเดือนมีนาคม ก่อนที่ทั้งสองทีมจะถูกปรับเงินจากการปล่อยให้แฟนบอลจุดพลุไฟและใช้วิธีการก่อกวนจากข้างสนามในรูปแบบต่างๆ แต่ข้อร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเหยียดผิวกลับถูกปล่อยให้ตกไป จนทำให้เขาออกมากล่าวโจมตีการทำงานของ ยูฟ่า ในเวลาต่อมา ในช่วงกลางเดือนเมษายน หลังการบุกไปพ่ายแพ้ให้กับ ชาลเก้ 04 ทีมคู่ปรับ 2-0 เขาก็มีอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าจนต้องปิดฤดูกาลไปโดยปริยาย โดยฝากผลงานการลงสนามใน บุนเดสลีกา ทั้งหมด 10 นัดไว้ที่ 7 ประตู
ยืมตัวไป บาเลนเซีย

ในวันที่ 10 สิงหาคม 2018 บาตชูอายี่ ตัดสินใจย้ายข้ามฟากไปอยู่กับ บาเลนเซีย ด้วยสัญญายืมตัวตลอดทั้งฤดูกาล 2018-19 จนกระทั่ง 10 วันให้หลังเขามีโอกาสลงสนามใน ลา ลีกา เป็นนัดแรกโดยถูกเปลี่ยนลงไปแทนที่ การ์ลอส โซเลร์ ในนาทีที่ 76 จากเกมที่เปิดรัง เมสตาย่า เสมอกับ แอตเลติโก มาดริด 1-1 หลังจากนั้นเขาได้รับโอกาสลงสนามด้วยการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกับผู้เล่นในแดนหน้าอย่าง โรดริโก้, ซานติ มีน่า และ เควิน กาเมโร่ ก่อนจะมาทำประตูแรกได้ในเกมลีกที่เสมอกับ เซลต้า บีโก้ 1-1 และกลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ยิงประตูได้ทั้งในลีกสูงสุดของ ฝรั่งเศส, อังกฤษ, เยอรมัน และ สเปน ภายในศตวรรษที่ 21

ยืมตัวไป คริสตัล พาเลซ

คริสตัล พาเลซ รับเซ้ง บาตชูอายี่ ต่อไปจนจบฤดูกาล

หลังจากยิงได้รวมกัน 3 ประตูจากทุกๆรายการตลอดครึ่งฤดูกาลแรกใน สเปน พอถึงช่วงเปิดตลาดเดือนมกราคม 2019 บาเลนเซีย ก็ตัดสินใจยกเลิกสัญญายืมตัว จนทำให้ คริสตัล พาเลซ ทีมที่ บาตชูอายี่ เคยปฏิเสธไปเมื่อก่อนหน้านี้ยื่นมือเข้ามารับเซ้งต่อไปจนจบฤดูกาล เขามาเปิดตัวให้กับ อินทรีผงาด ในเกมที่เอาชนะ ฟูแล่ม 2-0 ด้วยการถูกส่งลงมาในช่วง 8 นาทีสุดท้าย และจากจังหวะยิงของเขาก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทีมได้ประตูย้ำชัยจากการเข้าซ้ำจ่อๆของ เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์
เส้นทางในระดับทีมชาติ แม้ บาตชูอายี่ มีสิทธิ์ที่จะลงเล่นให้กับ ทีมชาติคองโก ตามเชื้อสายที่มาจากทางพ่อและแม่ แต่ในเดือนมีนาคม 2015 เขาก็ออกมาปฏิเสธโอกาสดังกล่าวพร้อมกับย้ำว่า แม้เขาจะตระหนักถึงความสำคัญของสายเลือดชาวคองโกที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายก็ตาม แต่เขาก็ยังจะขอเลือกเล่นให้กับ ทีมชาติเบลเยี่ยม

บาตชูอายี่ ลงสนามให้กับ เบลเยี่ยม เป็นนัดแรกเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2015 ในเกม ยูโร 2016 รอบคัดเลือกที่พบกับ ไซปรัส โดยถูกเปลี่ยนลงไปแทนที่ คริสติยอง เบนเตเก้ ในนาทีที่ 77 และทำประตูแรกได้จากลูกปิดกล่องของทีมที่ไล่ถล่มผู้มาเยือน 5-0 หลังอยู่ในสนามได้เพียงแค่ 3 นาที เขาถูกเลือกให้ติดอยู่ใน 23 ขุนพลที่ออกเดินทางไปลงแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ที่ ฝรั่งเศส ก่อนจะได้ประเดิมสนามในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่พบกับ ฮังการี โดยหลังจากถูกเปลี่ยนลงไปในนาทีที่ 76 ก็สามารถทำประตูที่ 3 ให้ทีมได้ด้วยสัมผัสแรกจากการทำทางให้ของ เอแด็น อาซาร์ ในชัยชนะอันท่วมท้น 4-0 ระหว่างการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก บาตชูอายี่ สามารถยิงได้ 1 ประตูที่ช่วยให้ทีมคว้าชัยชนะ 4-3 เหนือ บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ในขณะที่ ปีศาจแดงแห่งยุโรป ตีตั๋วผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ กุนซือทีมชาติเบลเยี่ยม ตัดสินใจใส่ชื่อของเขาลงในลิสต์ที่จะเข้าร่วมแข่งขัน เวิลด์ คัพ ที่ รัสเซีย โดยในระหว่างรอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 2 กับ ตูนิเซีย หลังจากมีโอกาสประเดิมสนามในนาทีที่ 68 แม้เขาจะพลาดโอกาสบวกสกอร์เพิ่มให้ทีมไปหลายครั้งแต่สุดท้ายก็สามารถยิงประตูย้ำชัยได้ในเกมที่จบลงด้วยผลลัพธ์ 5-2

สไตล์การเล่น

ในเดือนธันวาคม 2015 โฟร์โฟร์ทู นิตยสารลูกหนังชื่อดังได้ทำการเปรียบเทียบ บาตชูอายี่ ถึงเรื่องความเร็ว, ความแข็งแกร่ง, การหาพื้นที่ และการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม ว่ามีความละม้ายคล้ายคลึงกับ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา แม้เขาจะมีส่วนสูง (185 ซม.) ที่น้อยกว่า ตำนานศูนย์หน้าชาวไอวอรี่ โคสต์ (189 ซม.) ก็ตาม

ชีวิตส่วนตัว

บาตชูอายี่ มีนิคเนมประจำตัวว่า “Batsman” อันมีที่มาจาก แบ็ทแมน ซูเปอร์ฮีโร่ขวัญใจของเขา ในขณะที่ อารอน เลย่า อิเซก้า น้องชายแท้ๆของเขาที่เลือกใช้นามสกุลของแม่แทน ก็เป็นนักฟุตบอลอาชีพที่เล่นในตำแหน่งศูนย์หน้ากับ ตูลูส ในปัจจุบัน โดยที่เขาเริ่มต้นเส้นทางลูกหนังกับ อันเดอร์เลชท์ ก่อนจะย้ายมาอยู่กับ มาร์กเซย ด้วยสัญญายืมตัวเพียงหนึ่งเดือนหลังการจากไปของพี่ชาย