ดาวยิงฟอร์มร้อน ซิโร อิมโมบิเล่ (Ciro Immobile)

ดาวยิงฟอร์มร้อน ซิโร อิมโมบิเล่

ซิโร อิมโมบิเล่ เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวอิตาลีด้วยส่วนสูง 185 เซนติเมตร ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองหน้าให้กับสโมสร ลาซิโอ้ ในเซเรียอา รวมถึงมีชื่อติดอยู่ในนักเตะทีมชาติอิตาลีด้วย

ประวัติโดยรวม

เขาเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพเป็นครั้งแรกกับสโมสรซอเรนโต้ในปี 2009 จากนั้นจึงถูกสโมสร ยูเวนตุส ซื้อตัวเข้ามาร่วมทีม แต่ในช่วงเวลานั้นเขายังไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมได้จึงถูกปล่อยให้ยืมตัวออกไปเล่นกับสโมสรอื่นถึง 3 สโมสร ก่อนจะมีโอกาสย้ายอย่างถาวรไปเล่นให้กับสโมสร เจนัว ในปี 2012 ต่อมาเขาได้ย้ายไปเล่นให้กับสโมสรคู่อริของอดีตทีมเก่า ยูเวนตุส ของเขา นั่นคือสโมสร โตริโน่ ในปี 2013

ซึ่งในสโมสร โตริโน่ นี้ เขาได้รับรางวัลนักเตะผู้ทำประตูสูงสุดของฤดูกาลในกัลโซ่เซเรียอา โดยเขายิงไปได้ 22 ประตูจากการลงเล่น 33 นัด หลังจากนั้นไม่นานเขาได้ยุติบทบาทการค้าแข้งกับสโมสร โตริโน่ โดยถูกขายให้กับสโมสรดังของลีกเยอรมัน นั่นก็คือ สโมสร โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัว 18 ล้านยูโร อย่างไรก็ตามเขาค้าแข้งอยู่กับ ดอร์ทมุนด์ ได้ไม่นานนัก ก็ได้ย้ายมาเล่นให้กับสโมสร เซบีย่า ในสเปนในปี 2015 ซึ่ง เซบีย่า นั้นเขายังไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้จึงถูกปล่อยให้สโมสร โตริโน่ ยืมตัวกลับไปเล่นในลีกอิตาลีอีกครั้งหนึ่ง และในเดือนกรกฎาคม 2016 นี้เองที่เขาถูกสโมสร ลาซิโอ้ ซื้อตัวไปร่วมทีมอย่างถาวร และที่ ลาซิโอ้ นี่เองเขาได้ระเบิดฟอร์มอีกครั้งจนได้รับรางวัลนักเตะที่ยิงประตูสูงสุดของลีก ด้วยผลงาน 29 ประตูจากการลงเล่น 33 นัด นับเป็นครั้งที่สองในชีวิตที่เขาได้รับรางวัลนี้ สำหรับในทีมชาตินั้นเขาได้รับโอกาสลงเล่นในฐานะนักเตะทีมชาติอิตาลีเป็นครั้งแรกในปี 2014 รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งของผู้เล่นที่ไปแข่งฟุตบอลโลกปี 2014 และฟุตบอลยูโร 2016 ด้วย

ประวัติการค้าแข้ง

ประวัติการค้าแข้ง

ซอเรนโต้ และ ยูเวนตุส

“ซิโร อิมโมบิเล่” เกิดในเมือง ตอเร่ แอนนูซิเอต้า จังหวัดหนึ่งในกรุงเนเปิลส์ และเริ่มเล่นฟุตบอลในทีมเยาวชนของโรงเรียน “ตอเร่ แอนนูซิเอต้า 88” ก่อนจะเปลี่ยนชื่อทีมมาเป็น “มาเรีย โรซ่า” และท้ายสุดเขาเล่นให้กับทีมเยาวชนของสโมสร “ซาเลอนิทานา” ยังไงก็ตาม ในช่วงเวลานั้นเขายังไม่ประสบความสำเร็จนักก่อนจะย้ายมาเล่นให้กับ สโมสร ซอเรนโต้ และเขาก็ไม่ทำให้สโมสรผิดหวัง ในลีก U17 ฤดูกาล 2007-2008 เข้ายิงได้ 30 ประตูให้กับต้นสังกัด ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นนั้นเป็นที่ประทับใจต่อสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง ยูเวนตุส ซึ่งต่อมาก็ได้ซื้อตัวนักเตะวัย 18 ปีนี้ด้วยค่าตัว 80,000 ยูโร

ในเวลานั้น “ซิโร อิมโมบิเล่” เล่นให้กับลีกเยาวชนของอิตาลีในตำแหน่งกองหน้าโดยมีคู่หูคนสำคัญคือ “อายุป ดาอุด” ซึ่งได้ช่วยกันทำผลงานจนทีมสามารถคว้าแชมป์ลีกเยาวชนได้ โดย “ซิโร อิมโมบิเล่” ยิงได้ 5 ประตูในทัวร์นาเม้นต์นั้น

ในวันที่ 14 มีนาคม 2009 “ซิโร อิมโมบิเล่” ได้รับโอกาสลงเล่นในลีกเซเรียอาเป็นครั้งแรกในแมตท์ที่สโมสร ยูเวนตุส เปิดบ้านเอาชนะสโมสร โบโลน่า ไป 4 ประตู ต่อ 1 โดยเขาได้ลงเล่นในฐานะตัวสำรองที่ลงไปเปลี่ยนแทนที่กัปตันของสโมสร ยูเวนตุส ในเวลานั้น นั่นคือ อเล็กซานโดร เดลปิเอโร่ ในนาทีที่ 89

ต่อมาในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2009 “ซิโร อิมโมบิเล่” ได้รับโอกาสลงเล่นในศึกยูโรเปี้ยนเป็นครั้งแรก และก็ทำหน้าที่ตัวสำรองที่ลงไปเปลี่ยนแผนที่กองหน้ากัปตันทีมอย่าง อเล็กซานโดร เดลปิเอโร่ อีกครั้งหนึ่ง ในแมตท์ที่พบกับสโมสร บอร์กโดซ์ จากฝรั่งเศส

ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2010 เขาสามารถทำแฮตทริกแรกของเขาได้ในนัดที่พบกับสโมสร เอ็มโปลี และในฤดูกาลนั้น ยูเวนตุส คว้าแชมป์ลีกได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน

ออกไปเล่นให้กับสโมสร เซียน่า และ กรอสเซโต ด้วยสัญญายืมตัว

ในวันที่ 1 มิถุนายน 2010 “ซิโร อิมโมบิเล่” และเพื่อนร่วมทีมของเขา ลูก้า มาโรเน่ ได้ถูกปล่อยให้สโมสร เซียน่า ยืมตัวไปหลังจากที่ต้นสังกัดของเขาต้องหล่นไปเล่นในลีกเซเรียบี ซึ่ง ณ เวลานั้นสโมสร ยูเวนตุส เลือกใช้งานนักเตะอย่าง นิโคโล จิอานเน็ตติ, ลีโอนาโด้ สปินาซโซลา และมิดฟิลด์ชาวออสเตรีย มิเชล บูชเชล ที่ยืมตัวมา ส่งผลให้ตัวของ “ซิโร อิมโมบิเล่” ไม่ค่อยได้รับลงเล่นในทีมชุดใหญ่ จนในเดือนมกราคม 2011 เขาจึงตัดสินใจออกจากสโมสร เสียหน้าหลังจากลงเล่นไปได้เพียง 4 นัดและทำได้ 1 ประตู

หลังจากที่เขาได้ออกจากสโมสร เซียน่า เขาได้รับการติดต่อยืมตัวทันทีจากสโมสร กรอสเซโต ทีมในลีกเซเรียบี ในฤดูกาล 2010-2011 ซึ่งเขาได้รับโอกาสในการลงเล่นเป็นครั้งแรกให้กับสโมสรในวันที่ 29 มกราคม 2011 ในนัดที่ไปเอาชนะสโมสร วีเซนซ่า คาลซิโอ ด้วยสกอร์ 0-1 ซึ่งตลอดฤดูกาลนี้เขาได้ลงเล่นไปทั้งหมด 16 นัดให้กับสโมสร และกลับมายังสโมสรเดิม ยูเวนตุส ในวันที่ 30 มิถุนายน 2011

ซิโร อิมโมบิเล่ มาจากสโมสร ยูเวนตุส

ถูกยืมตัวไปยังสโมสร เปสคาร่า

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2011 ทางสโมสร เปสคาร่า ได้แถลงการณ์ออกมาว่าได้ตกลงยืมตัว ซิโร อิมโมบิเล่ มาจากสโมสร ยูเวนตุส เป็นผลสำเร็จ โดยเขายิงประตูแรกให้กับสโมสรได้ในวันที่ 26 สิงหาคม ใน Map ประเดิมสนามของเขาที่พบกับ เฮลลาส เวโรน่า จนสิ้นสุดครึ่งฤดูกาลแรกของ ปี 2011-12 “ซิโร อิมโมบิเล่” ยิงไปได้ 14 ประตู

ในวันที่ 30 มกราคม 2012 ทางสโมสร เจนัว ได้ออกมายืนยันว่าได้จ่ายเงินจำนวน 4 ล้านยูโร เพื่อถือสิทธิ์ครึ่งนึงของนักเตะจาก ยูเวนตุส และจากปัญหาเรื่อง 13 นักเตะที่ดูจะยุ่งเหยิง เขาก็ยังสามารถช่วยให้สโมสร เปสคาร่า จบฤดูกาลด้วยแชมป์ของเซเรียบีและได้รับการเลื่อนชั้นมาเล่นในเซเรียอา ในฤดูกาลถัดมา ซึ่งในระหว่างที่เขาเล่นอยู่ในเซเรียบีนั้นเขายังคงตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดด้วยจำนวนประตูที่ยิงได้ถึง 28 ประตู มากกว่าอันดับ 2 ที่ตามมาถึง 7 ประตู

“ซิโร อิมโมบิเล่” ยังได้รับการรับเลือกเป็นนักเตะเซเรียบียอดเยี่ยมประจำปีของฤดูกาล 2012 โดยมีเพื่อนร่วมทีมของเขาอย่าง โลเรนโซ อินซิกเนีย และ มาโค เวอร์รัตติ ได้รับรางวัลร่วมด้วย

ในวันที่ 20 มิถุนายน 2012 เจ้าของสิทธิ์ร่วมของ “ซิโร อิมโมบิเล่” ได้ตกลงต่อสัญญากับ ยูเวนตุส และ เจนัว โดยทางฝั่งของ เจนัว นั้นจะยังคงมีสิทธิ์ในตัวนักเตะถึงปี 2012-13 โดยทาง ยูเวนตุส ได้รับเงินจากกรณีนี้ 4 ล้านยูโร ต่อมาสโมสร ยูเวนตุส ได้เปลี่ยนเงินก้อนนี้เพื่อไปซื้อสิทธิ์ 50 เปอร์เซ็นต์ของ ริชมอนด์ โบคาย ในเดือนกรกฎาคม 2012

เจนัว

“ซิโร อิมโมบิเล่” ได้กลายมาเป็นนักเตะของ เจนัว ด้วยสัญญายืมตัวในวันที่ 1 กรกฎาคม 2012 หลังจากที่สัญญายืมตัวกับสโมสร เปสคาร่า สิ้นสุดลง เขายิงประตูแรกในกัลโช่เซเรียอาได้ในแมตช์ที่ เจนัว เปิดบ้าน เอาชนะสโมสร คากลิเอรี่ ไป 2-0 ต่อมาเขายิงประตูที่ 2 ได้ในวันที่ 16 กันยายน ในแมตช์ที่พบกับสโมสรต้นสังกัดที่แท้จริงของเขาอย่าง ยูเวนตุส ซึ่งในนัดนั้น เจนัว แพ้ไป 1-3 นอกจากนั้นเขายังยิงได้อีก 2 ประตูในวันที่ 11 และ 18 พฤศจิกายน 2012 ในนัดที่พบกับสโมสร นาโปลีและ ซามพ์โดเรีย ตามลำดับ แต่เป็นที่น่าเสียดายทั้งสองนัดนั้น เจนัว เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป

ในการดังกล่าว เจนัว ไม่ประสบความสำเร็จนักโดยจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 17 ของตารางรอดพ้นจากการตกชั้นไปอย่างหวุดหวิด ส่วน “ซิโร อิมโมบิเล่” ทำผลงานได้ 5 ประตูจากการลงเล่น 33 นัด

ต่อมาในวันที่ 19 มิถุนายน 2013 สโมสร เจนัว และสโมสร ยูเวนตุส ได้ตกลงการต่อสัญญาการเป็นเจ้าของร่วมของนักเตะรายนี้

เขาถูกขายให้กับสโมสร โตริโน่

โตริโน่

ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2013 สโมสร ยูเวนตุส ได้ตกลงซื้อนักเตะรายนี้คืนจากส่วนที่สโมสร เจนัว เป็นเจ้าของ ด้วยมูลค่า 2.75 ล้านยูโร และในวันเดียวกันเขาถูกขายให้กับสโมสร โตริโน่ ด้วยค่าตัว 2.75 ล้านยูโรเช่นเดียวกัน โดย ซิโร อิมโมบิเล่ นับว่าเป็นนักเตะรายที่ 3 ที่สโมสร โตริโน่ ซื้อมาจาก เจนัว ตามหลังนักเตะอย่าง ซีแซร์ โบโว่ และ เอ็มมิลิเอโน โมเร็ตติ

เขาได้รับโอกาสลงเล่นเป็นครั้งแรกภายใต้สังกัด โตริโน่ ในฟุตบอลรอบแรกของโคปาอิตาเลีย ในแมตช์ที่พบกับทีมเก่าของเขาอย่างสโมสร เปสคาร่า วันนี้แมตช์นี้เขายิงประตูได้เป็นนัดแรกของฤดูกาลอีกด้วย แต่นั่นก็คือประตูในศึกโคปาอิตาเลีย เพราะหลังจากนั้นเขาจะยิงประตูไม่ได้อีกเลย จนถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2013 ในแมตช์ที่เสมอกับสโมสร ซามพ์โดเรีย ไป 2-2 เขามีส่วนในการทำประตู และนับว่าเป็นแอสซิสต์แรกที่เขาทำได้ในกัลโซ่เซเรียอา ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2012 ซึ่งจากฟอร์มการแอสซิสต์ประตูนี้ที่ช่วยปลดล็อคความมั่นใจให้กับ “ซิโร อิมโมบิเล่” กลับมายิงประตูได้ 12 ประตู จากการลงเล่น 15 นัดถัดมา โดยประตูแรกที่เขายิงได้ในลีกอิตาลี คือแมตช์ที่ โตริโน่ พบกับสโมสร คิเอโว่ เวโรน่า ในเดือนธันวาคม

ในวันที่ 22 มีนาคม 2014 อิมโมบิเล่ ทำแฮตทริกแรกในเซเรียอาได้ในแบบที่เอาชนะ ลิเวอร์โน่ ไป 3-1 แล้วต่อมาอีกเพียง 3 วันเขาก็ได้ยิงประตูสุดสวยด้วยท่าวอลเลย์ด้วยเท้าซ้าย ในแมตช์พบกับสโมสร โรม่า

ในวันที่ 6 เมษายน 2014 เขายิงประตูได้อีก และช่วยให้สโมสร โตริโน่ เอาชนะสโมสร คาตาเนีย ไป 2-1

แล้ววันที่ 13 เมษายน “ซิโร อิมโมบิเล่” และ อเล็กซิโอ เซอซี่ ได้ช่วยกันยิงประตูให้สโมสร โตริโน่ แซงเอาชนะสโมสร เจนัว ซึ่งจริงนำไปก่อน 1-0 จนได้ 2 นักเตะรายนี้ ช่วยกันยิงคนละ 1 ลูกเอาชนะไป 2-1 เขายิงได้อีกครั้งในแมตช์ที่ โตริโน่ เสมอกับ ลาซิโอ้ 3-3

ในวันที่ 27 เมษายน “ซิโร อิมโมบิเล่” ยิงได้เป็น 6 นัดติดต่อกัน นายแบบที่เอาชนะสโมสร อูดิเนเซ่ ไป 2-0 ทำให้ตลอดทั้งฤดูกาลเขายิงไปได้ 21 ประตู เทียบเท่ากับสถิติของสโมสร ที่เคยทำไว้โดย เปาโล พูลิซี และ ฟรานเชสโก้ กราสเ กราสเซียนี่

วันที่ 11 พฤษภาคม 2014 เขายิงได้อีกครั้งในแมตช์ที่พบกับสโมสร ปาร์ม่า แต่ในครึ่งหลังเขาถูกไล่ออกจากสนามและได้รับโทษแบน จนทำให้อดลงช่วยทีมในนัดสุดท้ายที่พบกับ ฟิออเรนติน่า และตลอดฤดูกาลเขายิงไปได้ 22 ประตูจากการลงเล่น 33 นัด รวมถึงอีก 1 ประตูในศึกโคปาอิตาเลีย ทำให้เขาเป็นนักเตะของ โตริโน่ คนแรก นับตั้งแต่ปี 1976-1977 ที่คว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดของลีก โดยสถิติเดิมเป็นของ “ฟรานเชสโก้ กราสเซียนี่”

เซ็นสัญญากับ อิมโมบิเล่

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

ในวันที่ 2 มิถุนายน 2014 สโมสรดังของบุนเดสลีกาลีก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้ออกมาประกาศว่า ประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญญากับ อิมโมบิเล่ แต่เนื่องจากปัญหาระหว่างสโมสร โตริโน่ และ ยูเวนตุส เกี่ยวกับสิทธิ์การเป็นเจ้าของนักเตะยังไม่คลี่คลาย ทำให้การย้ายทีมต้องเลื่อนออกไปจนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2014 จนท้ายสุดแล้ว การย้ายทีมไปยัง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็ประสบความสำเร็จ โดยสโมสรจากเยอรมันต้องจ่ายค่าตัวของนักเตะรายนี้เป็นจำนวนเงิน 17.95 ล้านยูโร

ในวันที่ 13 สิงหาคม 2014 “ซิโร อิมโมบิเล่” ได้รับโอกาสลงเล่นเป็นครั้งแรกภายใต้สังกัด โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในฐานะนักเตะตำแหน่งกองหน้า ในซุปเปอร์คัพกับสโมสร บาเยิร์น มิวนิค แต่สำหรับในศึกบุนเดสลีกานั้น “ซิโร อิมโมบิเล่” ได้รับโอกาสลงเล่นเป็นครั้งแรกในวันที่ 23 สิงหาคม ในแมตช์เปิดฤดูกาลปี 2014-15 แต่น่าเสียดายที่สโมสร ดอร์ทมุนด์ เป็นฝ่ายแพ้ให้กับสโมสร ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 2-0

ประตูแรกของเขาทำได้ในแมตช์ ที่เอาชนะสโมสร อาร์เซน่อล ไป 2-0 ในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม ผลงานของเขาในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกทั้ง 6 นัด ภายใต้สังกัด โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ “ซิโร อิมโมบิเล่” ยิงได้ 4 ประตู

เซบีย่า

ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2015 อิมโมบิเล่ ย้ายไปเล่นให้กับสโมสร เซบีย่า ด้วยสัญญายืมตัวตลอดฤดูกาลหลังจากในการลงเล่นในบุนเดสลีกาลีกเขาทำได้เพียง 3 ประตูให้กับ ดอร์ทมุนด์ โดย เซบีย่า ได้ให้โอกาสเขาลงเล่นเป็นครั้งแรกกับสโมสรในวันที่ 11 สิงหาคม 2015 โดยเขาเปลี่ยนตัวจะมานั่งสำรองลงมาเล่นแทน เควินกาเมโร่ ในนาทีที่ 80 ในศึกยูฟ่าซูเปอร์คัพรอบชิงชนะเลิศ ที่สโมสร เซบีย่า พบกับ บาร์เซโลน่า ในแมตช์นั้น “ซิโร อิมโมบิเล่” ทำแอสซิสต์ได้ 1 ครั้ง ก่อนที่ บาร์เซโลน่า จะเอาชนะไป 5-4 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

แล้ววันที่ 31 กรกฎาคม 2015 “ซิโร อิมโมบิเล่” ต้องได้รับบาดเจ็บอย่างหนักหลังจากถูกกระแทกที่ศีรษะกับผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามจนต้องสวมหน้ากากออกซิเจนและใส่เฝือกดามคอ หลังจากที่ได้ลงเล่นไปเพียง 5 นาที ในแมตช์กระชับมิตรกับสโมสร วัตฟอร์ด เขาถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล ทางแพทย์ได้ประเมินอาการว่าเขาได้รับบาดเจ็บที่กระบังโพรงจมูก ซึ่งในตอนแรกนั้นคาดกันว่าจะเป็นการบาดเจ็บอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บของเขาก็ไม่หนักหนาอย่างที่คิด และวันที่ 8 พฤศจิกายน 2015 “ซิโร อิมโมบิเล่” ยิงประตูแรกของเขาภายใต้สีเสื้อของสโมสร เซบีย่า ในนาทีที่ 36 ในลาลีกาลีกที่เขาเอาชนะสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด ไปได้ 3-2

ในวันที่ 14 มกราคม 2016 “ซิโร อิมโมบิเล่” ถูกเรียกตัวกลับไปเล่นให้กับสโมสร โตริโน่ อีกครั้งในฤดูกาล 2015-16 เพียง 2 วันจากที่เขากลับไปเล่นให้กับ โตริโน่ เขายิงประตูเบิกร่องให้กับสโมสรในนัดที่เอาชนะสโมสร ฟรอสซิโนเน่ ไป 4-2 อย่างไรก็ตามต่อมาเขาก็ได้รับบาดเจ็บอีกครั้งในวันที่ 22 มีนาคม 2016 ซึ่งเขาได้รับบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ ในแมตช์ที่พบกับสโมสร ยูเวนตุส ทำให้เขาต้องเข้ารับการรักษาเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือน

ถูกยืมตัวไปยังสโมสร เปสคาร่า

ลาซิโอ้

จนมาถึงสโมสรปัจจุบันของเขา เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2016 “ซิโร อิมโมบิเล่” ได้เซ็นสัญญากับสโมสร ลาซิโอ้ ด้วยค่าตัว 8.75 ล้านยูโร พร้อมกับเงื่อนไขพิเศษที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 700,000 ยูโร ในวันที่ 21 สิงหาคม 2016 “ซิโร อิมโมบิเล่” ได้รับโอกาสลงเล่นภายใต้สีเสื้อ ลาซิโอ้ เป็นครั้งแรกและเขาก็ทำไม่ให้ต้นสังกัดผิดหวังโดยเขาเป็นคนยิงประตูได้ทันทีในนัดที่ออกไปเอาชนะสโมสร แอตแลนต้า ไป 4-3

ซึ่งในฤดูกาลแรกภายใต้ต้นสังกัด ลาซิโอ้ นั้น “ซิโร อิมโมบิเล่” ยิงไปได้ 23 ประตู จากการลงเล่น 36 นัดในลีก รวมกับอีก 3 ประตูในศึกโคปาอิตาเลีย จากผลงานทั้งหมดในฤดูกาลนี้ เทียบเท่ากับในยุคที่เขารับตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดเมื่อสมัยยังค้าแข้งอยู่กับสโมสร โตริโน่ แต่สำหรับฤดูกาลนี้ยังมีกองหน้าที่ทำประตูได้มากกว่าเขาซึ่งนั่นก็คือดาวเตะชาวบอสเนีย เอดินเซโก้ ที่ยิงไปได้ 29 ประตูในลีก

ในวันที่ 31 มีนาคม 2018 “ซิโร อิมโมบิเล่” ยิง 2 ลูกในนัดที่ ลาซิโอ้ เอาชนะ เบเนเวนโต้ ไป 6-2 นับเป็นประตูที่ 36 ในฤดูกาลทำลายสถิติของ จิออจิโอ คลินาเกลีย เคยทำไว้กับสโมสร ลาซิโอ้ ทำให้ในฤดูกาลนี้ “ซิโร อิมโมบิเล่” ยิงได้ 29 ประตูจากการลงเล่น 33 นัด ครองตำแหน่งนักเตะดาวซัลโวสูงสุดของลีกร่วมกับกองหน้าของ อินเตอร์ มิลาน อีกคน นั่นคือ เมาโร อิคาร์ดี้

ชิโร่อิมโมบิเล่ ติดทีมชาติอิตาลี

ผลงานระดับทีมชาติ

ชิโร่อิมโมบิเล่ ติดทีมชาติอิตาลี U19 เป็นครั้งแรกในปี 2008 ในศึกยูโรเปี้ยนแชมป์เปี้ยนชิพรอบคัดเลือก แต่เป็นที่น่าเสียดายอิตาลีไม่สามารถผ่านเข้ารอบนี้ไป ต่อมา ในวันที่ 25 มีนาคม 2009 “ซิโร อิมโมบิเล่” ทีมชาติอิตาลีชุดยู 21 และได้รับโอกาสลงเล่นในฟุตบอลนัดกระชับมิตร ระหว่างอิตาลีกับทีมชาติออสเตรียชุดยู 21

ในวันที่ 25 เมษายน 2012 ในการติดทีมชาติชุดยู 21 ครั้งที่สองนั้นเขาสามารถยิงประตูได้เป็นครั้งแรกภายใต้เสื้อทีมชาติ ในแมตช์กระชับมิตรกับสกอตแลนด์ และเป็นอิตาลีที่เอาชนะไป 4-1 ต่อมาในแมตท์ที่อิตาลีพบกับทีมชาติเนเธอร์แลนด์เขาสามารถยิงประตูได้อีกครั้ง ในจังหวะที่เขาล็อคหลบผู้เล่นกองหลังถึง 3 คนก่อนที่จะไปชิปบอลข้ามผู้รักษาประตูเข้าไปอย่างสวยงาม

จากผลงานที่ยอดเยี่ยมเขาจึงได้รับเลือกเข้าเป็นหนึ่งในนักเตะทีมชาติอิตาลีชุดยู 21 ที่จะไปแข่งในศึก UEFA European championship 2013 ชุด U21 ที่ประเทศอิสราเอลด้วย โดยมีเพื่อนร่วมทีมสโมสร เจนัว ของเขา แอนเดรีย เบอร์โตแคลซิ ร่วมทีมไปด้วย

วันที่ 13 เมษายน 2014 “ซิโร อิมโมบิเล่” ได้รับการคัดเลือกขึ้นไปติดในรายชื่อ 30 นักเตะทีมชาติชุดใหญ่ ที่จะไปลุยศึกฟุตบอลโลกปี 2014 และเมื่อมีการตัดตัวผู้เล่น อิมโมบิเล่ ก็ยังติดเข้าไปอยู่ในรายชื่อนักเตะ 23 ขุนพลนั้นด้วย ต่อมาในวันที่ 8 มิถุนายน 2014 “ซิโร อิมโมบิเล่” สามารถยิงแฮตทริกภายใต้สีเสื้อธงชาติอิตาลีในฟุตบอลโลกรอบอุ่นเครื่อง อิตาลีเอาชนะบราซิลไป 5-3

ในวันที่ 14 มิถุนายน 2014 ในแมตช์ทีมชาติที่มีการแข่งขัน “ซิโร อิมโมบิเล่” ได้รับโอกาสลงเล่นเป็นครั้งแรกในนัดที่อิตาลีพบกับทีมชาติอังกฤษ และก็เป็นอิตาลีที่เอาชนะไป 2-1 โดยเขามีชื่อเป็นผู้เล่นสำรองและได้ลงไปเล่นในสนามหลังจากการเปลี่ยนตัวเอา มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่พึ่งยิงประตูได้มาพัก และเขาได้ลงเล่นอยู่ 17 นาทีที่เหลือของเกม

วันที่ 4 กันยายน 2014 “ซิโร อิมโมบิเล่” ยิงประตูแรกในนามทีมชาติอย่างเป็นทางการ ในหน้าที่เอาชนะเนเธอร์แลนด์ไป 2-0

31 พฤษภาคม 2016 “ซิโร อิมโมบิเล่” มีชื่อติดอยู่ใน 23 ขุนพลนักเตะที่จะไปแข่งยูฟ่ายูโร 2016 ภายใต้การคุมทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้

ซิโร อิมโมบิเล่ ถนัดในการเล่นเป็นกองหน้า

สไตล์การเล่น

ซิโร อิมโมบิเล่ ถนัดในการเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า และเขามีความสามารถในการเล่นได้เกือบทุกตำแหน่งในแดนหน้า เขาเป็นกองหน้าที่มีความเร็ว มีความสามารถในการเคลื่อนที่ไปกับบอลได้ดี มีการทะลุทะลวงหาช่องว่างได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งทำให้เขาสร้างจังหวะในการทำประตูได้อย่างมากมาย ลักษณะที่สำคัญอย่างหนึ่งของ “ซิโร อิมโมบิเล่” คือ เขามองหาช่องในการทำประตูได้ดีมีความสามารถในการยิงประตูได้ทั้งสองเท้า รวมถึงมีความแข็งแรงทั้งร่างกายอันยอดเยี่ยม

นอกจากนี้เขายังได้รับการยกย่องย่องว่าเป็นนักเตะที่มีเทคนิคที่ยอดเยี่ยม เล่นลูกกลางอากาศได้ดี รวมถึงขึ้นชื่อว่าเป็นนักเตะจอมขยันรายหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการไล่บอล การไล่บีบผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ได้อย่างยอดเยี่ยม

“ซิโร อิมโมบิเล่” ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่เล่นอย่างเป็นทีม ซึ่งเขามักแอสซิสต์ให้กับเพื่อนร่วมทีมอยู่บ่อยครั้ง