3 เหตุการณ์ลูกหนังราวกับหนัง Hollywood จากนักเตะชื่อดัง !

ซินิซ่า มิไฮโลวิช กับการฝึกฟรีคิกในวัยเด็ก

ซินิซ่า มิไฮโลวิช กับการฝึกฟรีคิกในวัยเด็ก

ช่วงเวลาในวัยเด็กของนักฟุตบอลแต่ละคน บางครั้งก็มีอิมแพคต่อชีวิตตัวเองในตอนโตเป็นอย่างมากเลยทีเดียว อย่างเช่นตัวของ ซินิซ่า มิไฮโลวิช ถ้าหากว่าในวัยเด็กเขาไม่ทนฟังเสียงเพื่อนบ้านด่าเพราะเตะบอลยันดึกดื่นได้ล่ะก็ เขาก็คงเป็นแค่กองหลังธรรมดาๆที่ไม่มีอะไรให้จับตามอง เพราะปกติเขาไม่ใช่กองหลังที่มีสกิลเกมรับดี ทางบอลดี หรือเป็นกองหลังเชิงสูงอะไรอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขากลายเป็นกองหลังที่มีชื่อขึ้นมาได้ก็เพราะ “เท้าซ้าย” ที่ทรงพลังที่มี สำหรับ “ปั่นฟรีคิก” โดยเฉพาะนั่นเองมิไฮโลวิช เป็นกองหลังถนัดท้าซ้ายที่มีชื่อเสียงในเรื่องการระเบิดตาข่ายจากจังหวะได้เล่นลูกฟรีคิก เขาเคยทำแฮททริกจากฟรีคิกล้วนๆมาแล้วตอนที่เล่นให้กับ ลาซิโอ และยิงฟรีคิกสวยๆ หรือเตะมุมโค้งเข้าประตูมาแล้วก็หลายครั้ง แต่ในวัยเด็กนี่แหละคือตัวแปรของเขาในสมัยเด็ก เขาใช้ชีวิตอยู่ที่ วูโควาร์ ประเทศเซอร์เบีย และเจ้าตัวมักจะเล่นบอลกับเพื่อนยันมืดค่ำ และส่วนใหญ่จะเป็นมิไฮโลวิชที่เตะบอลต่อยันดึกดื่นเพื่อ “ฝึกเตะบอลอัดกำแพง” เพื่อคอนโทรลทิศทางของลูกบอล เตะบอลไปมาจนเริ่มบังคับบอลให้โค้งไปในทิศทางต่างๆได้ดั่งใจ แต่กระนั้นแล้ว เขาก็ต้องอดทนฟังเสียงเพื่อนบ้านเปิดหน้าต่างออกมาด่าว่าทำไมจะต้องเล่นบอลยันมืดค่ำด้วย เสียงบอลกระทบกำแพงมันรบกวนพวกเขานั่นเอง

รุด กุลลิท กับการโดนกลั่นแกล้งทางโทรศัพท์

รุด กุลลิท กับการโดนกลั่นแกล้งทางโทรศัพท์

ตำนานจอมทัพหมายเลข 10 ของทีมชาติฮอลแลนด์อย่าง รุด กุลลิท เคยเจอกับช่วงเวลาที่ทำให้เขาถึงกับสตั๊นท์เลยทีเดียว ! กับช่วงที่เขาไปเล่นฟุตบอลยูโร 1988 รอบสุดท้ายที่ประเทศเยอรมันเป็นเจ้าภาพ ซึ่งทีมชาติฮอลแลนด์ของ กุลลิท ได้กรุยทางเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศเพื่อสู้กับทีมชาติโซเวียต โจทก์เก่าจากรอบแบ่งกลุ่ม !และในคืนก่อนลงเล่นนัดชิงชนะเลิศที่เบอร์ลินนั้น กุลลิท ที่กำลังพักผ่อนอยู่ในโรงแรม ก็ได้รับโทรศัพท์ปริศนาหลายสาย กระหน่ำโทรเข้ามาในห้องพักของเขา ซึ่งเสียงปลายสายมันเป็นภาษา “รัสเซีย” เป็นภาษาที่ชาวโซเวียตใช้กันนั่นเอง และกุลลิท ก็พอจะจับใจความได้ว่า “หลับสบายมั้ยกุลลิท” หรือไม่ก็ “แกหลับอยู่รึเปล่ากุลลิท”ว่ากันว่ามันคือการก่อกวนจากนักข่าวโซเวียต ที่ต้องการป่วนคีย์แมนในแนวรุกของทีมชาติฮอลแลนด์อย่าง กุลลิท ให้เสียสมาธิ ให้นอนน้อยที่สุดก่อนที่พวกเขาจะสู้กันในสนาม แต่สุดท้ายมันก็ไม่สามารถขวางทางเขาและ มาร์โก ฟาน บาสเท่นในการกระหน่ำประตูใส่โซเวียตได้โดยที่ตัวของ กุลลิท จัดการยิงเอง 1 ประตูจากลูกโหม่ง และจากนั้นก็เป็นตัวของ อาร์โนลด์ มูห์เรน มิดฟิลด์ซ้ายเทวดาที่วางบอลโค้งไปเสาไกลเพื่อให้ มาร์โก ฟาน บาสเท่น จัดการยิงประตูที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยทำได้ นั่นคือลูกยิง “ใบไม้ร่วง” นั่นเอง

สัญญารถ 1 คันระหว่างซีดานและประมุขทีมกานส์

 

สัญญารถ 1 คันระหว่างซีดานและประมุขทีมกานส์
ซีเนอดีน ซีดาน ในสมัยเป็นดาวรุ่งนั้น เขาเคยเป็นนักเตะที่สโมสร กานส์ภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก นี่คือมิดฟิลด์ดาวรุ่งที่พวกเขาปั้นขึ้นมากับมือ แต่กระนั้นแล้วตัวของ ซีดาน กลับอยากที่จะย้ายไปเล่นให้กับสโมสรชั้นนำในลีกเอิงบ้านเกิดอย่าง บอร์กโดซ์ มากกว่า ซึ่งแม้จะมีความคิดแบบนั้น แต่ซีดานกลับค้าแข้งให้กับ กานส์ ยาวนานถึง 4 ปีเลยทีเดียว (สุดท้ายก็ย้ายไป บอร์กโดซ์สมใจ)โดยในฤดูกาลแรกที่ ซีดาน ได้เทิร์นโปรเป็นนักเตะอาชีพนั้น เขาได้มีสัญญาทางวาจากับทาง อแล็ง เปรเดตติ ประธานสโมสร กานส์ ไว้ด้วยเช่นกัน โดยที่ซีดานเอ่ยปากขอรถหรู 1 คันจากประธานทีมกานส์ถ้าหากเขาทำผลงานได้ดี ซึ่งประธานก็ใจป้ำจัด ด้วยการเสนอว่า ถ้าหากซีดานสามารถยิงประตูแรกในฐานะนักบอลอาชีพได้ล่ะก็ รถหรู 1 คันจะเป็นของเขาทันที และซีดานก็ทำได้สำเร็จ เขาทำประตูลูกแรกสุดในชีวิตนักเตะอาชีพได้ แล้วก็ได้รถ 1 คันเป็นของรางวัลทันที