กุลลิท ! ตำนานแข้งทิวลิปดำจอมแกร่งแห่งทัพดัตช์

กุลลิท ! ตำนานแข้งทิวลิปดำจอมแกร่งแห่งทัพดัตช์

แฟนบอลช่วงปลายยุค 80 จนถึงช่วงกลางยุค 90 แน่นอนล่ะว่าน่าจะคุ้นเคยกับตำนานดาวเตะที่มีความครบเครื่องทั้งเกมรุกและเกมรับ มีพลังในการเล่นสูง และไม่พอ ยังมีทรงผมที่เท่ โดดเด่นไม่เหมือนชาวบ้านเรียกได้ว่านอกจากฝีเท้าจะสุดยอดแล้วยังมีทรงผมที่เป็นเอกลักษณ์อีกเรากำลังพูดถึงตำนานดาวเตะเจ้าของฉายา “ทิวลิปดำ” นั่นก็คือ “รุด กุลลิท” ตำนานจอมทัพทีมชาติฮอลแลนด์ของสโมสร เอซีมิลาน นั่นเองจะเป็นฉายาว่า “ทิวลิปดำ” หรือจะเป็นฉายา “ไอ้งูเก็งก็อง” เพราะดูจากผมทรงเดร็ดล็อคที่เหมือนหัวงูหลายๆหัวบนกบาลพี่แกนี่เอง ที่เป็นเอกลักษณ์ที่เห็นไกลๆก็ยังจดจำกันได้ ว่าแต่ตำนานนักเตะรายนี้มีอะไรที่น่าสนใจอยู่ในตัวของเขาบ้าง เรามาลองดูสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ กุลลิท กันเลย

เป็นเด็กหนุ่มเชื้อสาย “ซุรินัม”

กุลลิท เป็นเด็กหนุ่มที่เติบโตมาจากครอบครัวชาวซุรินัม (ชนพื้นเมืองที่มีพื้นเพอยู่ทางอเมริกาใต้) และได้อพยพมาอยู่ในประเทศฮอลแลนด์ และในช่วงวัยเด็กนี้นั้น กุลลิท มีโอกาสได้พบกับเด็กหนุ่มเชื้อสายซุรินัมอีกคนหนึ่งที่ได้กลายเป็นเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาด้วย นั่นก็คือ “แฟรงค์ ไรจ์การ์ด” ที่ซึ่งต่อมาในอีกสิบกว่าปีข้างหน้า กุลลุท และ ไรจ์การ์ด ก็ได้กอดคอกันกลายเป็นโคตรแข้งดังระดับโลกที่ประสบความสำเร็จร่วมกันในระดับสูงด้วยกัน

วัยเด็กเกรียนใช้ได้ !

วัยเด็กเกรียนใช้ได้ !

ในวัยเด็ก กุลลุท เป็นเด็กที่มีนิสัยใจร้อน ขี้โมโห ชอบเอาชนะ และแน่นอนว่าเพราะรูปร่างของเขาที่สูงใหญ่ กำยำกว่าเด็กทั่วไป ทำให้เขามีแรงที่ค่อนข้างเยอะ บวกกับมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งเกินกว่าเด็กทั่วไป ทำให้ในเวลาแข่งขันฟุตบอลเด็ก กุลลิท มักจะยิงประตูแบบอัดหนักใส่นักเตะฝั่งตรงข้ามให้เจ็บตัวเสมอ โดยเฉพาะกับจังหวะยิงฟรีคิก !เพราะความที่ยิงบอลหนักนี่เอง กุลลิท เลยมีสูตรในการยิงฟรีคิกตอนเด็กคือ “ยิงอัดกำแพง” คนใดคนหนึ่งเพื่อให้นักเตะที่เป็นกำแพงรู้สึกแหยง กลัว และพอทีมของกุลลิท ได้ยิงฟรีคิกอีกที เด็กคนที่เป็นกำแพงย่อมไม่อยากเจ็บตัวอีก และถ้ากุลลิทได้ยิงฟรีคิกอีกทีกำแพงก็จะแหวกเป็นช่องในทันที

เล่นมาแล้วสารพัดบทบาทตั้งแต่หลังยันหน้า

ตอนสมัยเป็นดาวรุ่งของสโมสร ฮาร์เลม กุลลิทลงเล่นในตำแหน่งปราการหลังตัวกวาด (สวีปเปอร์) และด้วยความที่เป็นนักเตะที่แข็งแรง พาบอลทะลุทะลวงขึ้นหน้าได้ดี มันเลยทำให้เขาโดนปรับบทไปเล่นเป็นกองกลางด้านขวาในทีม PSVและเมื่อย้ายสู่ทีมเอซีมิลาน ตัวของกุลลิทก็ได้โยกตัวเองขึ้นสู่แดนหน้าเพื่อรับหน้าที่เป็นศูนย์หน้าคู่กับ มาร์โก ฟาน บาสเท่น ตำนานแข้งดัตช์ร่วมรุ่นกับเขาอีกคนหนึ่ง

ยอดนักเตะดีกรีบัลลงดอร์ 1987

เพราะผลงานที่ยอดเยี่ยมในการเล่นให้กับสโมสรในปี 1987 มันเลยทำให้ กุลลิท สามารถคว้ารางวัลบัลลงดอร์ประจำปี 1987 มาครองได้ และยังเป็นแข้งดัตช์รายที่ 2 ต่อจากโยฮัน ครัฟฟ์ ที่ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมยุโรปอีกด้วย (และที่สำคัญในเวลาต่อมา กุลลิท ได้แต่งงานกับลูกสาวของ ครัฟฟ์ อีกด้วย)ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีต่อตัวของ เนลสัน แมนเดลล่า ประธานาธิบดีประเทศแอฟริกาใต้ มันเลยทำให้ กุลลิท ได้มอบรางวัลบัลลงดอร์ 1987 ที่เขาได้รับมาให้กับ แมนเดลล่า เองกับมืออีกต่างหาก

จั๊กแร้ดูดเลือด !

จั๊กแร้ดูดเลือด !

กุลลิทนั้นเมื่อย้ายมาอยู่กับทีมเอซีมิลาน เขาได้กลายเป็นกองหน้าหมายเลข 10 ที่มีหน้าที่ในการเลี้ยงบอลแหวกกองหลัง และจากนั้นก็จะคอยไหลบอลถวายพานให้กับ มาร์โก ฟาน บาสเท่น คู่หูจากทีมชาติฮอลแลนด์ชุดแชมป์ยูโร 1988 ได้กระซวกประตู และทั้งคู่ก็สามารถช่วยกันยิงคนละ 2 ประตูในการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศถ้วยยูโรเปี้ยนคัพ 1989 (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก) ใส่ทีม สเตอัว บูคาเรสต์ แชมป์เก่าปี 1987 ได้แบบสบายเท้า 4-0และตอนที่ กุลลิท ชูถ้วยแชมป์ยุโรปขึ้นเหนือศีรษะ ทุกคนก็ได้รักแร้ของ กุลลิท ที่มีแต่ขนดกๆยุ่บยั่บเต็มไปหมด จนกลายเป็นภาพสุดฮาที่กุลลิทโดนล้อมาจนถึงทุกวันนี้