ผู้บังคับบัญชา อันโตนิโอ วาเลนเซีย [Antonio Valencia]

ผู้บังคับบัญชา อันโตนิโอ วาเลนเซีย [Antonio Valencia]

Luis Antonio Valencia Mosquera หรือ อันโตนิโอ วาเลนเซีย เป็นชาวเอกวาดอร์ เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 1985 ปัจจุบันเป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทีมชาติเอกวาดอร์ เล่นในตำแหน่งแบ็คขวา ก่อนหน้านี้เขาเล่นตำแหน่งปีกขวาหลังจากที่ฝึกฟุตบอลระดับเยาวชนกับ เอล นาซิอองนาล วาเลนเซียก็ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ 80 เกมส์ และได้แชมป์ เอกวาดอเรียน ซีรีย์ เอ หลังจากนั้น บียาร์เรอัล ก็เซ็นสัญญาเขาไปร่วมทีมในปี 2005 เขาได้ลงเล่น 2 เกมส์ก่อนถูกส่งยืมตัวให้กับทีม เรเครอาติโบ ในฤดูกาล 2005-06 ทีมวีแกนจากอังกฤษยืมตัวในช่วง 2006-2008 หลังจากนั้น เดือนมกราคม 2008 วีแกน เซ็นสัญญา 3 ปีโดยไม่เปิดเผยค่าตัว เขาโชว์ฟอร์มกับทีมวีแกนได้อย่างโดดเด่น จนกระทั่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เซ็นสัญญาเขาไปร่วมทีมในเดือนมิถุนายน 2009 วาเลนเซีย ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก สองสมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ลีกคัพอีกสองสมัย, ยูฟา ยูโรเปี้ยน ลีก และ เอฟเอ คอมมูนิตี้ชิลด์ 3 สมัย นอกจากนี้เขายังได้รับเลือกในรางวัล PFA Team of the Year ในฤดูกาลแรกที่เขาย้ายร่วมทีม วาเลนเซีย ติดทีมชาติเอกวาดอร์ ในปี2004 และร่วมทีมฟุตบอลโลกปี 2006, 2014 โคป้า อเมริกา 2007,2011, อเมริกา เซนเทนาริโอ รวมแล้วติดทีมชาติ 90 นัด ทำได้ 11 ประตู

ช่วงเริ่มต้น

วาเลนเซีย เกิดวันที่ 4 สิงหาคม 1985 ที่ ลาโก เอกริโอ ใกล้กับ นูวา โลย่า ประเทศเอกวาดอร์ ในเขตป่าอเมซอน วาเลนเซียช่วยแม่ขายน้ำดื่มบริเวณสนามฟุตบอลของลาโก เอกริโอ และเก็บขวดเปล่าฝากพ่อไปขายในเมืองหลวง เขาต้องเล่นฟุตบอลด้วยเท้าเปล่า ใกล้ๆบังกะโลที่พักร่วมกันของครอบครัวของเขา ที่มีพี่น้องถึง 5 คน ตอนที่วาเลนเซียอายุได้ 11 ขวบ แมวมองอย่าง เปโดร เปอร์ราซ่า เห็นเขาเล่นฟุตบอลใกล้ๆบ้าน และได้เซ็นสัญญาเขาเข้าร่วมสโมสรท้องถิ่นใน ซูคัมเบียส จนกระทั่งอายุครบ 16 ปี วาเลนเซียได้รับข้อเสนอของทีม เอล นาซิอองนาล โดยเขาไม่ได้บอกให้พ่อรู้ มีเพียงแม่และพี่ชายเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ และช่วยจ่ายเงินค่าเดินทางให้ โดยวาเลนเซียเล่นในตำแหน่งกองกลาง พร้อมรับเงินเดือน 50 ดอลล่า

ระดับสโมสร

เอล นาซิอองนาล

วาเลนเซีย เริ่มต้นนักฟุตบอลอาชีพกับ เอล นาซิอองนาล

วาเลนเซีย เริ่มต้นนักฟุตบอลอาชีพกับ เอล นาซิอองนาล ปีแรกเขาลงเล่นให้กับทีมอายุไม่เกิน 20 ปี โดยลงเคียงข้างกองหน้าของทีมอย่าง คริสเตียน ชูโช่ เบนิเตซ และอยู่ร่วมกับนักเตะไอดอลของเขาอย่าง เอดิสัน เมนเดซ วาเลนเซียนำทีมได้แชมป์ Clausura 2005 ทำให้เขาถูกจับตามองจากทีมชาติและสโมสรจากสเปน
บียาร์เรอัล และ เรเครอาติโว วานเลนเซียย้ายมาร่วมทีมบียาร์เรอัล ในปี 2005 หลังจากไม่สามารถขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ได้ เขาก็ถูกปล่อยให้ทีม เรเครอาติโว่ ยืมตัวเพื่อเก็บประสบการณ์ และวาเลนเซียช่วยให้เรเครอาติโว่ เลื่อนชั้นสู่ลาลีกาได้สำเร็จ

วีแกน แอธเลติค

วาเลนเซียได้มาเล่นให้กับทีมในอังกฤษอย่าง วีแกร แอธเลติค

วันที่ 3 สิงหาคม 2006 วาเลนเซียได้มาเล่นให้กับทีมในอังกฤษอย่าง วีแกร แอธเลติค ด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี เขาลงสนามให้วีแกนนัดแรกวันที่ 19 สิงหาคม 2006 ในเกมส์ที่ไปเยือนนิวคาสเซิ่ลและแพ้ไป 1-2 และวันที่ 21 ตุลาคม 2006 ทำประตูให้ทีมได้ครั้งแรกในเกมส์ที่เปิดบ้านเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-0 วาเลนเซียพลาดการลงสนาม 3 เดือน ก่อนจะกลับมาลงเล่นได้อีกครั้ง ในวันที่ 21 มกราคม 2007 เกมส์ที่แพ้ต่อเอฟเวอร์ตัน 0-2 วันที่ 9 เมษายน 2007 เขาถูกไล่ออกครั้งแรก จากการทำฟาวล์ใส่ วิลเฟร็ด บูม่า ที่เสมอกับ แอสตัน วิลล่า 1-1 หลังจากหมดสัญญายืมตัว วันที่ 18 มกราคม 2008 เขาก็ย้ายมาร่วมทีมวีแกนเป็นการถาวรโดยไม่เปิดเผยค่าตัว มีการเซ็นสัญญา 3 ปีครึ่ง โดยคาดว่าเขามีค่าตัวราวๆ 5 ล้านยูโร วาเลนเซียทำประตูของฤดูกาล 2007-08 ในเกมส์ที่ชนะดาร์บี้ เคาตี้ 2-0 ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2008 ก่อนจะทำได้อีกหนึ่งประตูในวันที่ 3 พฤษภาคม 2008 ในเกมส์ที่ชนะแอนตัน วิลล่า 2-0 ฤดูกาลถัดมา วันที่ 30 สิงหาคม 2008 วาเลนเซีย ทำประตูแรก ในเกมส์ที่วีแกนไปเยือนและเอาชนะ ฮัลล์ ซิตี้ 5-0 และทำได้อีก 1 ประตูในเกมส์วันที่ 28 กันยายน 2008 ที่เอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 แต่หลังจากนั้น วันที่ 18 ตุลาคม 2008 เกมส์ที่เจอกับลิเวอร์พูล เขาถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม ส่งผลให้ทีมแพ้ไป 2-3 และวาเลนเซียทำประตูสุดท้ายให้กับทีมวีแกนในวันที่ 13 ธันวาคม 2008 ช่วยให้ทีมเอาชนะ แบล็คเบิร์น 3-0 หลังจากนั้น สตีฟ บรู๊ค ผู้จัดการทีมได้ปฎิเสธการปล่อยเขาไปร่วมทีมเรอัล มาดริด ในเดือนมกราคม 2009 ก่อนที่ เดฟ วีแลน จะออกมาประกาศว่าเขาไม่ปิดโอกาสการย้ายทีมของวาเลนเซีย

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

วาเลนเซีย ตกลงเซ็นสัญญาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

วันที่ 30 มิถุนายน 2009 วาเลนเซีย ตกลงเซ็นสัญญาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยสัญญา 4 ปี และไม่เปิดเผยค่าตัว แต่คาดว่าเขาจะมีค่าตัวราวๆ 16 ล้านปอนด์

วันที่ 29 กรกฎาคม 2009 เขาลงเล่นนัดแรกให้กับต้นสังกัดใหม่ และทำประตูแรกได้สำเร็จ การฟุตบอล ออดี้ คัพ ช่วยให้ทีมเอาชนะ โบคา จูเนียร์ ไป 2-1 ในช่วงพรีซีซั่น และในเกมส์คอมมูนิตี้ชิลด์ 2009 เขาถูกส่งลงมาแทน นานี่ ในนาทีที่ 62 วันที่ 17 ตุลาคม 2009 เขาทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จในเกมส์ที่เอาชนะ โบลตัน 2-1 และเขาได้ลงเล่น ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ครั้งแรกในเกมส์เยือนที่เอาชนะ ซีเอสเคเอ มอสโค 1-0 ในฟุตบอลลีกคัพ รอบชิงชนะเลิศปี 2010 วาเลนเซีย แอสซิสต์ให้เวย์ รูนีย์ ทำประตูชัยให้ทีมเอาชนะ แอสตัน วิลล่า 2-1 พร้อมได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม ในเกมส์นั้น และวันที่ 25 เมษายน 2010 วาเลนเซีย มีชื่ออยู่ในทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ลีก โดยมีเพื่อนร่วมทีมอย่าง แพทริค เอวร่า, ดาร์เรน เฟร็ตเชอร์ และเวย์ รูนีย์ อยู่ในทีมยอดเยี่ยมเช่นกัน

วันที่ 8 สิงหาคม 2010 วาเลนเซีย ทำประตูให้กับทีม ในเกมส์ที่เอาชนะ เชลซี 3-0 ในฟุตบอลคอมมูนิตี้ชิลด์ ในช่วงที่แข่งฟุตบอลแชมป์เปี้ยนลีก เขาได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้ายจนต้องหยุดเล่น และกลับมาซ้อมกับทีมได้อีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2011 หลังจากหายจากอาการบาดเจ็บ เขากลับมาลงเล่นนัดแรกให้กับทีมในเกมส์ที่เจอกับ อาร์เซน่อล ในฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบที่ 6 ในวันที่ 12 มีนาคม 2011 และทำประตูแรกของตัวเองในลีกได้ในเกมส์ที่ชนะฟูแล่ม 2-0 ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2011 และเป็นคนทำประตูแรกในเกมส์แชมป์เปี้ยนลีก ที่เอาชนะชาลเก้ 04 ไป 4-1 ในรอบรองชนะเลิศ พร้อมรับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของเกมส์นั้น และฤดูกาล 2010-11 ทำให้เขาเป็นนักเตะเอกวาดอร์คนแรกที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก และได้ลงเล่นเป็น 11 คนแรกในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ที่แพ้ต่อบาร์เซโลน่า 3-1 ที่สนามเวมบลีย์

วันที่ 1 สิงหาคม 2011 วาเลนเซีย ตกลงเซ็นสัญญาต่ออีก 4 ปี ทำให้เขามีสัญญาอยู่กับทีมถึงปี 2015 ช่วงฤดูกาล 2011-12 วาเลนเซียได้รับบาดเจ็บจากการลงเล่นให้ทีมชาติเอกวาดอร์ ในฟุตบอล โคป้า อเมริกา ทำให้เขาพลาดการซ้อมช่วงพรีซีซั่น และเดือนแรกของการแข่งขัน ก่อนจะกลับมาลงสนามได้อีกครั้งในฟุตบอล ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ที่เจอกับเบนฟิก้า ในวันที่ 18 กันยายน 2011 และกลับมาลงเล่นในพรีเมียร์ลีกจากการลงมาแทน คริส สมอลลิ่ง ที่ได้รับบาดเจ็บในเกมส์ที่เอาชนะเชลซี 2-1 หลังจากนั้นเขาก็ลงเล่นในตำแหน่งแบ็คขวาอีก 3 เกมส์ ในการเจอกับลีดส์ ยูไนเต็ด ในฟุตบอลลีกคัพ, ไปเยือนสโต๊ค ซิตี้ ในพรีเมียร์ลีก และเปิดบ้านเจอกับนอร์ริช ซิตี้ วาเลนเซียทำประตูที่สองของฤดูกาลได้ ในฟุตบอลแชมป์เปี้ยนลีก วาเลนเซีย ทำประตูได้อีกครั้งในการเจอกับทีม ออเตลุล กาลาติ จบเกมส์ ชนะไป 2-0 วันที่ 26 ธันวาคม 2011 วาเลนเซียทำประตูที่ 4 ให้ทีมเอาชนะทีมวีแกน 5-0 วันที่ 22 มกราคม 2012 วาเลนเซียทำประตูแรก ด้วยการโหม่งให้ทีมเอาชนะอาร์เซน่อล 2-1 วันที่ 2 เมษายน 2012 เขาลงเล่นนัดที่ 100 ให้กับสโมสร และทำประตูแรกให้ทีมเอาชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 2-0 วาเลนเซียได้รับรางวัล Sir Matt Busby Player of the Year และ ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร ประจำฤดูกาล 2011-12 และรางวัลประตูแห่งปีจากลูกยิงใส่แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในวันที่ 2 เมษายน 2012

วันที่ 3 กรกฎาคม 2012 วาเลนเซียได้สวมเสื้อหมายเลข 7 ซึ่งเป็นหมายเลขเสื้อของตำนานสโมสรอย่าง จอห์นนี่ แบร์รี่, สตีฟ คอปเปลล์, ไบรอัน รอบสัน, อีริค คันโตน่า, เดวิด เบ๊คแฮม และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลังจาก เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน เสนอให้เขาหลังจากที่ไมเคิล โอเว่น ออกจากทีมไป เสื้อหมายเลข 25 ที่เขาใส่ก็ถูกส่งต่อให้กับ นิค โพเวลล์ วันที่ 17 เมษายน 2013 เขาทำประตูแรกในลีก ในเกมส์ที่เจอกับเวสต์แฮม และวันที่ 22 เมษายน 2013 เขาก็ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งที่ 2 กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังเอาชนะ แอสตัน วิลล่า 3-0 ที่โอล แทฟฟอร์ด

หลังจากฤดูกาล 2012-13 วาเลนเซียก็เปลี่ยนกลับมาใส่เสื้อหมายเลย 25 ดังเดิม เขาเริ่มฤดูกาลด้วยเกมส์ที่เจอกับเซบีญ่า ในเกมส์ เทสติโมเนียล ของริโอ เฟอร์ดินาน และทำประตูให้ทีมเอาชนะไปได้ 3-1 วันที่ 9 สิงหาคม 2013 เขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน วิลเฟร็ด ซาฮา ในเกมส์คอมมูนิตตี้ชิลด์ ที่เจอกับวีแกน และวันที่ 18 กันยายน 2013 เขาลงเล่นในรายการ แชมป์เปี้ยนลีก นัดแรก และช่วยทำประตูที่ 4 ให้ทีมเอาชนะ เลเวอร์คูเซ่น 4-2 วันที่ 2 พฤศจิกายน 2013 ทำประตูแรกของตัวเองในฟุตบอลลีก ในเกมส์ที่เอาชนะฟูแล่ม 3-1 วันที่ 27 พฤศจิกายน ทำประตูแรกให้ทีมเอาชนะเลเวอร์คูเซ่น ในการแข่งขันแชมเปี้ยนลีก 5-0 วันที่ 11 มกราคม 2014 ทำประตูให้ทีมเอาชนะ สวอนซี 2-0 และวันที่ 21 มิถุนายน 2014 ขยายสัญญากับทีมออกไปอีก 3 ปี ทำให้เขามีสัญญาอยู่กับทีมถึงปี 2018

หลังจากแต่งตั้ง หลุยส์ ฟาน กาล เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ วาเลนเซียก็ถูกให้เล่นในตำแหน่ง วิงแบ็คขวา โดยเขาเคยเล่นเป็นบางครั้งภายใต้การคุมทีมของ อเล็ก เฟอร์ก็สัน และเดวิด มอยส์ วันที่ 24 สิงหาคมเขาก็แอสซิสต์ให้มาตาทำประตูในเกมส์ที่เสมอกับซันเดอร์แลนด์ 1-1

วันที่ 25 ตุลาคม 2015 วาเลนเซียได้รับบาดเจ็บที่เท้า ในเกมส์ที่เสมอกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-0 ทำให้เขาพลาดการลงสนามถึง 4 เดือน และกลับมาลงเล่นได้อีกครั้งในวันที่ 17 มีนาคม 2016 ในฟุตบอลยูโรป้า ลีก รอบ 16 ทีม ที่เสมอกับลิเวอร์พูล 1-1 และวันที่ 21 พฤษภาคม 2016 ในเกมส์นัดชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ ที่เจอกับคริสตัล พาเลซ วาเลนเซียลงเล่นครบ 120 นาที ช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ

วันที่ 17 มกราคม 2017 วาเลนเซีย ต่อสัญญากับทีมออกไปอีก 1 ปี วันที่ 19 มีนาคม 2017 เขาลงเล่นนัดที่ 200 ในลีกให้กับสโมสร และทำประตูได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้ทีมเอาชนะ มิดเดิ้ลสโบร์ไป 3-1 วันที่ 26 พฤษภาคม 2017 สองวันหลังจากการแข่งขันยูฟ่า ยูโรป้า ลีก เขาได้รับการขยายสัญญาออกไปถึงปี 2019 วันที่ 17 กันยายน 2017 เขาทำประตูแรกในเกมส์ที่เอาชนะเอฟเวอร์ตัน 4-0 จากการวอลเล่ระยะ 20 หลา วันที่ 14 ตุลาคม 2017 เขาลงเล่นนัดที่ 300 ในทุกรายการ ในฐานะกัปตันทีมและเสมอกับลิเวอร์พูไป 0-0 หลังจากนั้นเขาได้รับบาดเจ็บบริเวณแฮมสตริง จนต้องพักรักษาตัวกว่า 4 สัปดาห์ และกลับมาลงสนามอีกครั้งในเดือนมกราคม 2018 และทำประตูแรกให้ทีมเอาชนะ สโต๊ค ซิตี้ 3-0 เริ่มฤดูกาล 2018-19 ไมเคิล คาร์ริก ประกาศแขวนสตั๊ด วาเลนเซีย ได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมต่อไป

ระดับทีมชาติ

วาเลนเซียติดทีมชาติชุดใหญ่ในปี 2004

วาเลนเซียติดทีมชาติชุดใหญ่ในปี 2004

วันที่ 27 มีนาคม 2005 วาเลนเซียทำ สองประตูแรกให้ทีมชาติเอกวาดอร์ เอาชนะปารากวัย 5-2 อีกสามวันถัดมา เขาทำประตูในเกมส์ที่เสมอเปรู 2-2 ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก วาเลนเซียลงเล่นให้ทีมชาติชุดฟุตบอลโลก 2006 ได้รับเลือกให้อยู่ในทีมยอดเยี่ยมของการแข่งขัน นอกจากนี้ยังเป็น 1 ใน 6 ที่มีชื่อเข้าชิงรางวัล Gillette Best Young Player award ซึ่งลูคัส โพโดสกี้ ได้รางวัลนี้ไปในท้ายที่สุด

วันที่ 27 มิถุนายน 2007 วาเลนเซียทำประตูแรกในการแข่งขันฟุตบอล โคป้า อเมริกา อย่างไรก็ตามเกมส์นั้นเอกวาดอร์แพ้ 2-3 ต่อชิลี ทำให้ทีมจบด้วยอันดับสุดท้ายของกลุ่ม วาเลนเซียได้รับใบแดงแรกในทีมชาติ วันที่ 12 ตุลาคม 2008 ในเกมส์ที่ชนะชิลี 1-0 ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก วันที่ 9 กันยายน 2009 วาเลนเซียทำประตูแรกในฟุตบอลโลก 2010 ในเกมส์ที่ไปเยือน โบลิเวียและชนะไป 3-1 วันที่ 10 ตุลาคม 2009 ทำประตูเดียวในเกมส์ที่แพ้อุรุกวัย 2-1 วันที่ 3 กรกฎาคม 2011 ได้รับบาดเจ็บจากการลงเล่นในเกมส์ที่เจอกับปารากวัย ในฟุตบอลโคป้า อเมริกา และถูกเปลี่ยนออกตั้งแต่ครึ่งแรก

เดือนมิถุนายน 2014 มีชื่อติดทีมเอกวาดอร์ชุดลุยฟุตบอลโลก 2014 ในฐานะกัปตันทีม วาเลนเซียพลาดการลงเล่นฟุตบอลโคป้า อเมริกา 2015 เนื่องจากอาการบาดเจ็บ และกลับมาลงเล่นให้ทีมชาติอีกครั้งในฟุตบอล โคป้า อเมริกา เซนเตนาริโอ2016 และทำประตุได้ในวันที่ 12 มิถุนายน 2016 ในเกมส์ที่ชนะ ฮาอิติ 4-0

ชีวิตส่วนตัว

วาเลนเซียแต่งงานกับ โซอิล่า มีลูกสาวหนึ่งคนคือ โดเมนิก้า ที่เกิดในปี 2006 ช่วงฟุตบอลโลก ตอนที่เขาอยู่กับทีมวีแกน เขาเรียนภาษาอังกฤษสัปดาห์ละครั้ง อย่างไรก็ตามเมื่อเขาย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน บอกว่าเขาเป็นคนขี้อาย พี่ชายของเขาเล่นฟุตบอลอาชีพอยู่กับทีม อินดีเพเดนเต้ โฆเซ่ เตราน ในเอกวาดอร์