โรเมลู ลูกากู ศูนย์หน้าทีมชาติเบลเยี่ยม จากสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วัย 25 ปี คือกุณแจสำคัญของ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ในการพาทีมชาติเบลเยี่ยมเข้ารอบรองชนะเลิศในศึกฟุตบอลโลกที่รัสเซียที่ผ่านมา โดยมาร์ติเนซ กุนซือทีมชาติเบลเยี่ยมออกโรงมาปกป้องว่าลูกากู สมควรได้รับเกียรติจากทั้งแฟนบอลและสโมสรมากกว่านี้ ซึ่งสิ่งที่เขาได้รับมันไม่แฟร์สำหรับตัวลูกากูเอง และเขาพร้อมที่จะต่อสู้กับบทบาทของเขาในสีเสื้อปีศาจแดงอย่างแน่นอน
มาร์ติเนซ ให้สัมภาษณ์กับ เดอะ ซันเดย์ ไทมส์ ว่า “มันเป็นเรื่องความคิดในแง่ลบที่ทุกคนต่างมองและประเมินฟอร์มของลูกากูกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อรอมทำประตูได้ ทุกๆคนก็หวังที่ว่าเขาจะต้องทำได้อีก และเมื่อเขาไม่สามารถทำได้ เขาก็กลายมาเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ยูไนเต็ดไม่สามารถเอาชนะได้ แต่รอมต้องการพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็น เขาไม่เคยต้องหลบซ่อนแต่อย่างใด เขาเข้าใจว่าทุกคนคาดหวังในตัวเขามาก ซึ่งสำหรับทีมชาติเบลเยี่ยมแล้วเขาคือหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในตำแหน่งเบอร์ 9 ของโลก ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ได้รับเกียรติแบบนั้น สิ่งซึ่งเขาไม่ควรจะได้รับเรื่องแย่ๆแบบนั้น”
อดีตกุนซือเอฟเวอร์ตันเป็นผู้ที่ทำให้มิดฟิลด์อย่างรอส บาร์คลี่ย์ เป็นผู้มีฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นจนเตะตาเชลซี และทำให้สิงห์ไฮโซดึงตัวไปร่วมทีมในที่มสุด ซึ่งภายใต้การทำงานของซาร์รี่นั้น บาร์คลี่ย์ดูเหมือนจะไม่ได้รับโอกาสมากเท่าที่ควรและเขายังคิดว่าตัวนักเตะเองสมควรจะได้รับการแนะนำสิ่งต่างๆมากกว่านี้ เขาเป็นนักเตะที่มีควรพรสวรรค์มากคนหนึ่ง ซึ่งจะเห็นได้จากในตอนที่เขาเล่นให้กับเอฟเวอร์ตัน ซึ่งซาร์รี่ควรจะเริ่มต้นตระหนักถึงพรสวรรค์ของเขาได้แล้ว
