ล้วงลึกประวัติสโมสร วูล์ฟแฮมป์ตัน

ล้วงลึกประวัติสโมสร วูล์ฟแฮมป์ตัน

วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอส์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ วูล์ฟแฮมป์ตัน เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพในวูล์ฟแฮมป์ตัน ทางตะวันออกของเขตมิดแลนด์ ประเทศอังกฤษ ก่อตั้งในปีค.ศ.1877 ในชื่อ เซ้น ลุคส์ เอฟซี ใช้สนาม Molineux เป็นสนามแข่งมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1889 และขึ้นชั้นมาแข่งขันพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ หลังชนะการแข่งขัน อีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ ประจำฤดูกาล 2017-2018 ปี ค.ศ.1888 วูล์ฟเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมที่ร่วมก่อตั้งฟุตบอลลีกขึ้น พวกเค้าใช้เวลาในการเล่นลีกสูงสุดของประเทศยาวนานถึง 33 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ.1932-1965 ซึ่งถือเป็นสโมสรที่ได้เล่นลีกสูงสุดยาวนานที่สุด หลังปีค.ศ.1950 พวกเค้าได้แชมป์ลีกถึง 3 ครั้ง ได้แก่ ฤดูกาล 1953-1954, 1957-1958 และ 1958-1959 ในปี ค.ศ.1960 ภายใต้การจัดการของ สแตน คูล์ลิส พวกเค้าก็จบใน 5 อันดับแรก และคว้าแชมป์เอฟเอคัพครั้งที่ 4 วูล์ฟยังคว้าแชมป์ลีกคัพได้ในปี ค.ศ. 1974 และ 1980

ปี ค.ศ.1953 วูล์ฟเป็นสโมสรอังกฤษสโมสรแรกที่ติดตั้งไฟสปอร์ตไลต์เพื่อรองรับการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ ซึ่งเป็นระดับเดียวกับสโมสรชั้นนำ ในช่วง 1953-1956 ก่อนมีการแข่งขันฟุตบอลยูโรเปี้ยนคัพในปี ค.ศ.1955 ในฤดูกาล 1959-1960 วูล์ฟเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในรายการยูโรเปี้ยนคัพ และเข้ารอบรองชนะเลิศได้ในฤดูกาล 1960-1961 ในฟุตบอลรายการยูโรเปี้ยนคัพ วินเนอส์คัพ และได้รองชนะเลิศในการแข่งขันรายการยูฟ่าคัพ ที่จัดเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.1972 ชุดดั้งเดิมของวูล์ฟเป็นเสื้อแถบสีทองและกางเกงสีดำ และตราสโมสรรูปหมาป่า วูล์ฟเป็นทีมที่อยู่มาอย่างยาวนานพอ ๆ กับทีมอย่าง เวสต์บอร์มวิช อัลเบี้ยน (เวลาแข่งกันจะเรียกว่า แบล๊คคันทรี ดาบี้) แต่พวกเค้าก็ไม่เคยแข่งกันในฟุตบอลลีกเลยจนกระทั่งฤดูกาล 2011-2012 ที่พวกเค้าอยู่ในลีกดิวิชั่นเดียวกัน

History

วูล์ฟก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ.1877 ในชื่อ เซ้น ลุคส์ เอฟซี โดย จอห์น เบย์นตัน และ จอห์น โบรดี้ ซึ่งเป็นนักเรียนในโบสต์เซ้นลุคส์ ในแบล๊คเคนฮอลล์ พวกเค้าได้รับการสอนจากอาจารย์ แฮรี่ บาร์ครอฟท์ วันที่13 มกราคม 1877 พวกเค้าได้ทำการแข่งขันครั้งแรกกับทีมจากสตาฟฟอร์ด โร้ด ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1879 ได้รวมทีมเข้ากับทีมคริกเก็ตที่ชื่อ แบล็คเคนฮออล์ วันเดอร์เรอส์ และเปลี่ยนชื่อเป็น วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอส์ ในช่วงนั้นมีการแข่งขันในรูปแบบระหว่างเมือง ก่อนจะย้ายไปยัง ดัดลีย์ โร้ด ในปีค.ศ. 1881 และพวกเค้าคว้ายถ้วยรางวัลใบแรกได้ด้วยการคว้าแชมป์ เวรกินคัพ ในปี ค.ศ. 1884 และในปีนั้นพวกเค้าก็ได้ลงแข่งฟุตบอลเอฟเอคัพเป็นครั้งแรกอีกด้วย ปีค.ศ. 1888 วูล์ฟเป็นหนึ่งใน 20 สโมสรฟุตบอลอาชีพที่ได้ร่วมก่อตั้งฟุตบอลลีก พวกเค้าแข่งฟุตบอลลีกครั้งแรกด้วยการพบกับแอสตันวิลล่า และจบฤดูกาลด้วยการคว้าอันดับ 3 ของตาราง และพวกเค้ายังทำได้ดีในการแข่งขันเอฟเอคัพครั้งแรก ด้วยการเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศก่อนจะพ่ายแพ้ให้กับ เปรสตัน นอร์ทเอ็นไป 0-3 ในช่วงหลังสโสมรได้ย้ายสนามแข่งมาใช้สนาม Molineux ในการเล่นเป็นทีมเหย้า

ในปี ค.ศ.1893 พวกเค้าได้แชมป์เอฟเอคัพครั้งแรกหลังจากเอาชนะเอฟเวอตันในนัดชิงไปได้ 1-0 และปี ค.ศ.1896 พวกเค้าก็ได้เข้าชิงฟุตบอลเอฟเอคัพเป็นครั้งที่ 3 และได้แชมป์อีกครั้งในปี ค.ศ.1908 โดยการเอาชนะนิวคาสเซิ่ลไปได้ 3-1 สองปีหลังจากที่วูล์ฟตกชั้นไปแข่งในดิวิชั่น 2 พวกเค้าพยายามที่จะเลื่อนชั้นให้ได้แม้ช่วงนั้นจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 พวกเค้าก็ยังได้เข้าชิงชนะเลิศเอฟเอคัพอีกครั้งในปี ค.ศ.1921 แต่แล้วปี ค.ศ.1923 ทีมก็ต้องตกไปอยู่ดิวิชั่น 3 และใช้เวลาถึง 8 ปีในการเลื่อนชั้นกลับมาดิวิชั่น 2 และพวกเค้าก็สามารถคว้าแชมป์ดิวิชั่น 2 เลื่อนชั้นขึ้นไปยังดิวิชั่น 1 ลีกสูงสุดได้อีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานกว่า 26 ปี ภายใต้การนำของ แฟรงค์ บัคก์ลีย์ ช่วยให้ทีมกลับมาเป็นสโมสรชั้นนำของอังกฤษอีกครั้งจนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น พวกเค้าได้รองแชมป์ถึงสองครั้ง ในฤดูกาล 1937-1938 และ 1938-1939 และได้เข้าชิงชนะเลิศเอฟเอคัพในช่วงก่อนสงครามโลก แต่ก็แพ้ต่อพอร์ทมัธไปอย่างเหลือเชื่อ ในช่วง 2 ฤดูกาลก่อนเกิดสงครามโลก เกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้น เมื่อบัคก์ลีย์ได้เรียกร้องต่อฟุตบอลลีกว่านักเตะของเค้าถูกวางยาทำให้ไม่มีเรี่ยวแรงในการแข่งขัน หลังสงครามโลกจบลง ฟุตบอลลีกก็ทำการแข่งขันต่อ วูล์ฟเกือบทำได้ดีในการแข่งกัน เมื่อนัดสุดท้ายถ้าพวกเค้าชนะก็จะคว้าแชมป์ทันที แต่น่าเสียดายที่เค้าแพ้คู่แข่งอย่างลิเวอร์พูลไป 1-2 ส่งผลให้ลิเวอร์พูลเป็นแชมป์แทน และหลังเกมส์นั้นก็เป็นเกมส์สุดท้ายในเสื้อวูล์ฟของ สแตน คูลลิส หนึ่งปีหลังจากนั้น คูลลิสกลับมาอีกครั้งในฐานะผู้จัดการทีม และช่วยให้วูล์ฟคว้าแชมป์เอฟเอคัพมาครองได้ในรอบ 41 ปี หลังจากเอาชนะเลสเตอร์ ซิตี้ไปได้ และปีต่อมา เค้าก็ทำให้วูล์ฟคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกมาครองได้สำเร็จ

wolverhampton football club 1893

หลัง ค.ศ.1950 เป็นช่วงเวลาที่วูล์ฟประสบความสำเร็จมากที่สุด เริ่มด้วยการคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในฤดูกาล 1953-1954 ภายใต้การนำของกัปตันบิลลี่ ไวท์ และอีกสองครั้งในฤดูกาล 1957-1958 และ 1958-1959 ช่วงเวลาดังกล่าววูล์ฟได้รับการยอมรับและเทียบชั้นกับทีมชั้นนำอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเป็นทีมที่มีการถ่ายทอดสดไปยังแฟนบอลทั่วโลกได้รับชม และนัดที่โด่งดังที่สุดน่าจะเป็นนัดที่พวกเค้าเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีมจากฮังการีคือ ฮอนเว็ด ซึ่งนักเตะในสโมสรหลายคนอยู่ในชุดทีมชาติฮังการีที่ถล่มทีมชาติอังกฤษ สื่อชั้นนำในขณะนั้นขนานนามวูล์ฟว่าเป็น แชมป์เปี้ยนออฟ เดอะ เวิร์ล และจากเรื่องนี้กระตุ้นให้กาเบรียล ฮานอต ผู้สร้าง L’Equipe ได้ก่อตั้งการแข่งขันฟุตบอล ยูโรเปี้ยนคัพ ขึ้นมา ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก โดยวูล์ฟเป็นทีมแรกของอังกฤษที่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน โดยพบกับเรอัลมาดริด ก่อนจะแพ้ไป 4-5 โดยไปเยือน 2-3 และกลับมาเล่นในบ้านเสมอกัน 2-2

ค.ศ.1960 พวกเค้าเริ่มต้นด้วยการคว้าแชมป์เอฟเอคัพ และเกือบความแชมป์ลีกได้สำเร็จ ถ้าไม่พลาดท่าในนัดสุดท้ายต่อเบิร์นลีย์ แม้จะเริ่มต้นได้สดใสแต่หลังปี ค.ศ.1960 พวกเค้าก็เริ่มด้อยลง ฤดูกาล 1959-1960 พวกเค้าได้อันดับที่ 3 เดือนกันยายน
ค.ศ.1964 ทีมได้มีการเปลี่ยนแปลง โดยไล่ คูลลิส ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม ทำให้สิ้นสุดการทำงงานกว่า 16 ปีของคูลลิส หลังจากนั้นฤดูกาลถัดมาทีมก็ตกชั้นในรอบ 30 ปี หลังจากใช้เวลาในดิวิชั่น 2 อยู่ 2 ปี ค.ศ.1967 ทีมก็ได้รับการเลื่อนชั้นอีกครั้งในฐานะทีมรองแชมป์ และในช่วงปิดฤดูกาลวูล์ฟได้เข้าทำการแข่งขัน ฟุตบอลของอเมริกาเหนือโดยเชิญทีมจากยุโรปและอเมิกาใต้มาร่วมแข่งขัน ในชื่อ ลอสแองเจลิส วูล์ฟ และคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ ปี ค.ศ.1967 วูล์ฟกลับมาแข่งลีกสูงสุดอีกครั้ง ภายใต้การนำของบิลล์ แมคแกรี่ทีมประสบความสำเร็จด้วยการคว้าอันดับ 4 ได้ในปี ค.ศ.1971 และเข้าแข่งขันในฟุตบอลยูฟ่าคัพที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ก็ได้เล่นแค่รอบแรกเท่านั้น หลังจากนั้น 2 ปี วูล์ฟก็คว้าแชมป์ลีกคัพ หลังสามารถเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไป 2-1 ก่อนที่ปี ค.ศ.1976 ทีมจะตกชั้นไปแข่งในดิวิชั่น 2 แต่เพียงแค่ปีเดียว ทีมก็สามารถเลื่อนชั้นกลับขึ้นมาเล่นดิวิชั่น 1 ได้อีกครั้ง โดยผู้จัดการทีมอย่าง จอห์น บาร์นเวลล์ ในปี ค.ศ.1980 พวกเค้าจบด้วยอันดับที่ 6 และคว้าแชมป์ลีกคัพได้อีกครั้ง ในปี ค.ศ.19791 ได้มีการปรับปรุงพื้นที่สนามแข่งใหม่ส่งผลให้ทีมมีปัญหาสภาพคร่องทางการเงินและตกชั้นในปี ค.ศ.1982 สโมสรเกือบลืมละลายแต่โชคดีที่อดีตผู้เล่นอย่าง เดเร็ก ดอว์แกน มาช่วยได้ในนาทีสุดท้าย ภายใต้การช่วยเหลือทางการเงินของมาห์มูด และ โมฮัมหมัด บาห์ตตี้ เจ้าของบริษัท อาล์ลีย์ พร๊อพเพอตี้ เกรแฮม เฮากิ้น ผู้จัดการทีมคนใหม่ ช่วยให้ทีมได้เลื่อนชั้นอีกครั้ง แต่ปัญหาการบริหาเงินที่ผิดพลาดทำให้ทีมประสบปัญหา และเปลี่ยนผู้จัดการทีมถึง 3 คน ส่งผลให้ทีมตกชั้นในที่สุด ปี ค.ศ.1986 ทางสภาเมืองได้หารือกับสโมสรเพื่อทำข้อตกลงในการซื้อพื้นที่รอบสนามเพื่อปรับปรุงใหม่โดยจะจ่ายหนี้ของสโมสรให้เอง ฤดูกาล 1986-1987 ทีมลงไปแข่งขันในดิวิชั่น 4 เป็นครั้งแรก เกรแฮมได้แนะนำ สตีฟ บูลล์ ให้มาเล่นกับทีม ซึ่งเค้าเป็นสถิติทำประตูสูงสุดถึง 306 ประตู และช่วยให้ทีมเข้าถึงรอบเพลย์ออฟในการเลื่อนชั้น แต่ก็แพ้ต่ออัลเดอร์ช๊อต วูล์ฟเลื่อชั้นติดต่อกันสองปีซ้อนจากดิวิชั่น 4 ไปดิวิชั่น 3 และจากดิวิชั่น 3 ไปดิวิชั่น 2 ได้สำร็จในปี ค.ศ.1988 โดยคว้าแชมป์ที่สนามเวมเบอลีย์

ปี ค.ศ.1990 แฟนพันธุ์แท้อย่าง แจ็ค เฮย์วอร์ด ได้ซื้อกิจการสโมสรและปรับปรุงสนามที่ทรุดโทรมให้ทันสมัยมากขึ้น โดยเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1993 เฮย์วอร์ดลงทุนกับทีมด้วยเงินมหาศาลเพื่อให้ทีมได้เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกแต่ เกรแฮม เทย์เลอร์ และ มาร์ค แมคกี ก็ไม่สามารถทำให้ทีมขึ้นชั้นได้ โดยการแพ้รอบรองชนะเลิศในปี ค.ศ. 1995 และ 1997 แต่ในที่สุดปี ค.ศ. 2003 เดฟ โจน ช่วยให้ทีมก็เลื่อนชั้นได้สำเร็จ สิ้นสุดการรอคอยกว่า 19 ปี แต่แค่ฤดูกาลเดียวพวกเค้าก็ตกชั้นกลับมาเล่นแชมเปี้ยนชิพอีกครั้ง

หลังจากนั้นมีการแต่งตั้งอดีตผู้จัดการทีมชาติอังกฤษอย่าง เกล็น ฮ๊อดเดิ้ล มาคุมทีมแต่เค้าก็ไม่สามารถช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นได้ ต่อด้วยมิคก์ แม๊คคาธี ที่เข้ามาจัดการวางระบบทีมใหม่และทำได้เพียงการเข้าไปเล่นรอบเพลย์ออฟเท่านั้น ปี ค.ศ. 2007 สตีฟ มอร์แกน ได้ซื้อกิจการสโมสร และ 2 ปีต่อมาพวกเค้าก็ได้เลื่อนชั้นไปเล่นพรีเมียร์ลีก ในฐานะแชมป์ แชมเปี้ยนชิพ ประจำฤดูกาล 2008-2009 แต่เพียง 2 ปี ในฤดูกาล 2011-2012 ทีมก็ตกชั้นอีกครั้ง แม๊คคาธีได้ลาออก ทีมได้แต่งตั้งผู้ช่วยของเค้าอย่างเทอรรี คอนเนอร์เป็นผู้จัดการทีมแทนชั่วคราว ต่อมาได้มีการแต่งตั้งผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ สตาเล่ โซลบัคเคน ซึ่งถือเป็นผู้จัดการทีมต่างประเทศคนแรกของสโมสร แต่เค้าก็คุมทีมได้แค่ 6 เดือนก่อนถูกแทนที่ด้วย ดีน ซัวน์เดอส์ ในเดือนมกราคม 2013 ซัวน์เดอส์ล้มเหลวในการจัดการทีม ทำให้ทีมตกชั้นไปเล่นใน อีเอฟแอล ลีก วัน และเค้าก็ลาออกไป เดือนพฤษภาคม 2013 เคนนี่ แจ๊คเก็ตต์เข้ามาคุมทีมและช่วยให้ทีมเลื่อชั้นไปเล่น อีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ ได้ในฤดูกาลแรกที่เค้าคุมทีม พร้อมสถิติทีมที่ได้คะแนนสูงสุดถึง 103 คะแนน

วูล์ฟแฮมป์ตัน

วันที่ 21 กรกฎาคม 2016 ทีมถูกกลุ่มทุน fosun international ซื้อกิจการต่อจากสตีฟมอร์แกน และได้ยกเลิกสัญญาของ เคนนี่ แจ็คเก็ตต์ พร้อมแต่งตั้งอดีตผู้เล่นทีมชาติอิตาลี วอล์เตอร์ ซาก้า เป็นผู้จัดการทีม แต่คุมทีมได้เพียง 14 นัดก็ถูกไล่ออก เดือนพฤษจิกายน 2016 พอล แลมเบิร์ต มารับช่วงต่อหลังจบฤดูกาลเค้าก็ถูกไล่ออกเช่นกัน วันที่ 10 มิถุนายน 2017 ได้แต่ตั้งอดีตผู้จัดการทีมปอร์โต้มาคุมทีม และเค้าช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ อีเอฟแอล แชมป์เปี้ยนชิพได้สำเร็จ ทีมจึงได้กลับไปเล่นพรีเมียร์ลีกอีกครั้งในรอบ 6 ปี