เปลี่ยนแล้วรุ่ง! 4 ยอดมิดฟิลด์ผู้กล้าเปลี่ยนมาเล่นเป็น “จอมทัพตัวต่ำ”

โทนี่ โครส

โทนี่ โครส

ในสมัยเป็นดาวรุ่งนั้น โครส เล่นในบทบาทเพลย์เมกเกอร์หมายเลข 10 แต่เมื่อเจ้าตัวลงเล่นกับบาเยิร์น มิวนิค มากขึ้นนั้น เขามักจะโดนจับไปเล่นเป็นตัวทำเกมด้านซ้าย หรือแทบจะเป็นปีกไปด้วย ซึ่งมันเป็นจุดอ่อนของโครสที่ไม่ได้มีความเร็ว จนทำให้เขาเกือบจะดับเลยทีเดียวแต่เมื่อเจ้าตัวมีโอกาสลงเล่นในบทบาท “จอมทัพตัวต่ำ” ในสไตล์แบบ อันเดรีย ปีร์โล่ ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ไปเล่นแบบยืมตัวกับ เลเวอร์คูเซ่น เขาก็สามารถค้นพบตำแหน่งที่ดีที่สุดของตัวเอง ที่คอยเชื่อมเกม วางบอลสั้นยาว นั่นแหละตัวของโครสล่ะ

มาร์เซโล่ โบรโซวิช

มาร์เซโล่ โบรโซวิช

จากปีกจอมครอส ที่เหมือนว่าจะทำผลงานได้ไม่สุดเท่าไหร่ในอินเตอร์ เขาไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากแฟนบอลเท่าไหร่ จวบจนกระทั่งว่า อันโตนิโอ คอนเต้ ได้พิจารณาว่า โบรโซวิช ที่จ่ายบอลแม่นยำ อ่านเกมดี น่าจะหุบตัวเองเข้ามาด้านใน เพื่อทำหน้าที่เป็นมิดฟิลด์ตัวทำเกมแนวลึกสลับหน้าที่กับ คริสเตียน อีริคเซ่น ด้วยอีกราย มันน่าจะเวิร์คมากแน่นอนและผลที่ได้จากการเปลี่ยนตำแหน่งนั้น โบรโซวิช สามารถยิงประตูได้จากระยะไกลได้คมขึ้น และยังมีลูกวางยาวซ้ายขวาที่แม่นยำ เปลี่ยนแกนได้เร็ว เป็นนักเตะสไตล์ใช้สมองไปเลย

คริสเตียน อีริคเซ่น

คริสเตียน อีริคเซ่น

เป็นรายล่าสุดที่ว่าเปลี่ยนตำแหน่งและสไตล์การเล่น แล้วดันแจ้งเกิดแบบสุดๆกับอินเตอร์ มิลาน โดยเดิมทีนั้น อีริคเซ่น เป้นนักเตะแบบ “หมายเลข 10 คลาสสิก” ที่ชอบปั้นเกมอยู่หลังกองหน้าตัวเป้า มีลูกแทงคิลเลอร์พาสที่คมกริบ จ่ายบอลทะลุช่อง ตัดแนวรับได้แม่นยำ และยังเล่นได้ทั้งสองเท้าเลี้ยงบอลไปเองแต่เมื่อมาอยู่กับอินเตอร์ มิลาน ที่ซึ่งในสมัยที่ อันโตนิโอ คอนเต้ เป็นคนคุมทีมนั้น อินเตอร์ ไม่ได้มีตำแหน่งหมายเลข 10 ให้เขาเล่น และนั่นก็ทำให้ อีริคเซ่น ลองเปิดใจถอยตัวเองมาอยู่ด้านหน้าแผงหลัง เพื่อรับบทเป็นตัวทำเกมแนวลึก คอยเปิดบอลสั้นยาวจากแนวลึกในจังหวะโต้กลับ ยิ่งทักษะของ อีริคเซ่น ที่มีความแม่นยำในการจ่ายบอลอยู่แล้ว ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับเพลย์เมกเกอร์รายนี้อยู่แล้ว กับบทบาทตัวทำเกมแนวลึก

บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์

บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์

แม้ว่าจะแขวนสตั๊ดไปนานหลายปีแล้ว แต่ว่าตัวของ ชไวน์สไตเกอร์ คือโรลโมเดลที่ชัดเจนที่สุดในหมู่นักฟุตบอลยุโรปที่กล้าเปลี่ยนจาก “ปีก” มาเป็นตัจอมทัพแนวลึกที่คอยออกบอลสั้นยาวจากพื้นที่ตรงกลางสนามในสมัยเป็นดาวรุ่งนั้น “ชไวนี่” เล่นเป็นปีกตัวกระชาก แต่เนื่องจากว่าเจ้าตัวไม่ได้มีสปีดต้นที่จัดจ้าเหมือนกับปีกรายอื่นๆ พอบาเยิร์น มิวนิค เข้าสู่ยุคของ หลุยส์ ฟาน กาล เฮ้ดโค้ชชาวดัตช์ เขาก็ได้เล็งเห็นศักยภาพของ ชไวน์สไตเกอร์ ในเรื่องวิสัยทัศน์ อ่านเกมขาด จ่ายบอลได้แม่นยำ และยังมีลูกยิงไกลที่คมกริบ ถ้าหากว่าจับมาเล่นตรงกลาง โดยให้ยืนเป็นตัวเชื่อมเกมหรือพักบอลในแดนกลาง น่าจะเหมาะสมกว่าชไวน์สไตเกอร์ ที่เปลี่ยนแปลงตำแหน่งมเป็นตัวทำเกมแนวลึก สามารถโชว์ฟอร์มได้เด่นสุดๆ เขาจ่ายบอลสั้นยาว แทงทะลุช่อง ทำแอสซิสต์ได้มากมาย ทำให้เกมแดนกลางของบาเยิร์น เล่นได้แบบเนียนตามากเลยทีเดียว