4เรื่องเล่าจากปากของ “อาร์เยน ร็อบเบน”

เป็นนักเตะมากแชมป์ตัวจริง

เป็นนักเตะมากแชมป์ตัวจริง

ร็อบเบน เกิดที่เมือง เบดุม ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเนเธอร์แลนด์ และมีโอกาสได้เข้าร่วมฝึกฝีเท้ากับสโมสรท้องถิ่นอย่าง โกรนิงเก้น ตั้งแต่เมื่อตอนอายุ 11 ขวบ และพรสวรรค์ของเขาก็เป็นที่ประจักษ์อย่างรวดเร็วตลอดระยะเวลาหลาย 10 ปีที่ค้าแข้ง เขาได้ลงเล่นให้กับทีมชั้นนำมากมายที่ต่างเคยเป็นทีมดีกรีแชมป์บอลถ้วยยุโรปมาแล้วทั้งนั้น ไล่ตั้งแต่ PSV , เชลซี, เรอัล มาดริด และบาเยิร์นนักเตะระดับตำนานวัย 37 ปีเป็นผู้เล่นที่สร้างสถิติในการคว้าแชมป์ลีกของประเทศที่เขาไปค้าแข้งได้ทั้งหมดถึง 4 ประเทศโดยเขาได้ถ้วยแชมป์ 5 รายการในช่วงเวลา 3 ปีที่เขาอยู่ในลอนดอนกับเชลซีและเมื่อย้ายมาอยู่ในเยอรมนี เขาประสบความสำเร็จมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เขาได้แชมป์บุนเดสลีกา 6 สมัย, ถ้วยแชมป์ DFB โพคาล 4 สมัย, DFL และ UEFA ซูเปอร์คัพ อย่างละ 1 ครั้งและแน่นอน – ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เขาก็ได้มาครอง

อิทธิพลของฟุตบอลบราซิลในดินแดนดัตช์

เมื่อร็อบเบนยังเป็นเด็ก มันเป็นไทม์ไลน์เดียวกันกับที่ผู้เล่นเกมรุกที่เก่งกาจอีกคนหนึ่งของทีมชาติบราซิล กำลังส่องแสงสุดๆในการเล่นในลีกอีเรดิวิซีส์“ตอนที่ผมเติบโตขึ้นมา ผมเป็นแฟนตัวยงของโรมาริโอมาดดยตลอด” ร็อบเบน ได้กล่าวเมื่อถูกถามในช่องทีวีของบาเยิร์น ว่าใครคือผู้เล่นคนโปรดของเขาตอนนั้นเขายังเล่นในฮอลแลนด์ เขาเล่นให้ PSV ไอนด์โฮเฟ่น”โรมาริโอ เป็นกองหน้าเท้าไว ยิงกระจุย 98 ประตูจาก 106 เกมที่เขาเล่นในลีกดัตช์ โดยเป็นการเล่นให้ PSV ทั้งหมดก่อนที่เขาจะย้ายไปบาร์เซโลน่า

เป็นนักเตะที่วิ่งได้เร็วที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา?

เป็นนักเตะที่วิ่งได้เร็วที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา?

ร็อบเบนเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีความเร็วในการวิ่งทางริมเส้นมากที่สุด เขาทำความเร็วในการวิ่งได้สูงสุดในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ทั้งๆที่ตอนนั้นเขาอายุ 30 ปีแล้วด้วย แต่เขาทำความเร็วได้สูงถึง 23 ไมล์ต่อชั่วโมงเลยทีเดียวเรื่องการใช้สปีดในการเล่นงานคู่แข่ง มันเป็นสิ่งที่เขาใช้มันมาโดยตลอด มันทำให้กองหลังทีมตรงข้ามรับมือเขาได้ยากมากขึ้น แต่ว่าตัวของอดีตสตาร์บาเยิร์นรายนี้ ก็เคยยอมรับว่าบางครั้งเขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงมีสปีดเร็วกว่านรกขนาดนี้ เพราะบางทีกว่าจะรู้ตัว เขาก็วิ่งเลี้ยงบอลไปไกลแล้ว“ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยสัญชาตญาณ” เขาเคยกล่าวไว้ “เมื่อผมออกวิ่ง ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะจบลงตรงไหน”

จุดต่ำสุดที่ลืมยากสุด

จุดต่ำสุดที่ลืมยากสุด

เมื่อคุณเป็นผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จมาโดยตลอด มันก็ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คุณจะต้องเจอกับช่วงเวลาแห่งความตกต่ำ โดยตัวของ ร็อบเบน เคยทำให้ทีมชาติฮอลแลนด์พลาดโอกาสในการจะได้ชูถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 มาแล้วในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่ฮอลแลนด์ได้พบกับทีมชาติสเปน เขาช่วยพาทีมชาติฮอลแลนด์ไปไกลถึงชั้นเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ ทั้งๆที่เขามีปัญหาอาการบาดเจ็บเอ็นร้อยหวายมาตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นรอบแรก แต่กระนั้นแล้ว เขาก็สามารถทำประตูใส่ทีมชาติสโลวาเกีย และยิงประตูชัยในเกมรอบรองชนะเลิศเหนืออุรุกวัยได้ด้วย แต่น่าเสียดายที่ในรอบชิงชนะเลิศ เขายิงไปติดเท้าของ อิเคร์ คาซิยาส แบบเหลือเชื่อ ตอนเล่นให้บาเยิร์นก็เช่นกัน เขาพลาดจุดโทษในช่วงเวลาสำคัญ ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกปี 2012 แถมยังเป็นการพลาดในช่วงต่อเวลาพิเศษที่แข่งในสนามบ้านตัวเองด้วย ก่อนที่บาเยิร์นจะแพ้ในการยิงดวลจุดโทษให้กับเชลซีในที่สุด“มันน่าเสียดายในเกมนั้น มันคือเกมนัดชิงชนะเลิศครั้งที่ 2 ของผมในถ้วยนี้ และผมทำให้ทุกอย่างแย่ไปหมดผมใช้เวลากว่า 1 ปีในการลบล้างฝันร้ายในครั้งนั้นมันต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทีมทุกคนที่ช่วยให้กำลังใจผม