หายนะที่เกิดขึ้นกับเลสเตอร์ หลังแพ้เวสต์แฮม 3 เกมติดในรอบ 1 ปี

หายนะที่เกิดขึ้นกับเลสเตอร์ หลังแพ้เวสต์แฮม 3 เกมติดในรอบ 1 ปี

มีเหตุการณ์ระดับประวัติศาสตร์เกิดขึ้นซ้ำๆกันหลายครั้งที่สนาม “คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม” ของสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ อย่างน่าเหลือเชื่อในฤดูกาลที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น เลสเตอร์ ซิตี้ ที่อดไปเล่นบอลถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกในวันสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งมันเกิดขึ้น 2 ปีติดต่อกัน วิกฤตการของทีมในการเลือกเซ็นเตอร์แบ็กตัวหลักลงเล่น ที่ซึ่งมันเป็นปัญหาที่รบกวนทีมของพวกเขาในตอนเริ่มต้นของฤดูกาลนี้ มันช่างเหมือนวิ่งที่เคยเกิดขึ้นในช่วงต้นของปีที่แล้ว หรือกระทั่งว่าผู้เล่นคนเดิมๆ ก็กลับมามีข่าวเชื่อมโยงกับสโมสรแห่งนี้อีกครั้ง ซึ่งมันเป็นแบบนั้นมา 2 ปีแล้ว“จิ้งจอกสยาม” คงจะรู้สึกหดหู่ใจกับผลงานของตัวเองพอสมควร และเหตุการณ์ที่มันเดจาวูให้พวกเขาเห็นเป็นอย่างล่าสุด ก็ได้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ในสนามลอนดอน สเตเดี้ยม อันเป็นรังเหย้าของทีม เวสต์แฮยูไนเต็ด โดยเลสเตอร์บุกมาแพ้ด้วยสกอร์ 4-1 และมันก็ไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นทีมเดียวที่เอาชนะเลสเตอร์ได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ในการทำศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้วแม้ว่าชัยชนะทั้งสองเกมของพวกเขาในฤดูกาลที่แล้ว จะไม่ได้สำคัญเท่ากับชัยชนะที่เกิดขึ้นในเย็นวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่ก็นับว่าเวสต์แฮมนั้นเป็นทีมที่ทำผลงานได้คงเส้นคงวาที่สุดเลยทีเดียวเพราะใบแดงของ อโยเซ่ เปเรซ ตัวรุกของเลสเตอร์ที่โดนเข้าให้ในช่วงครึ่งแรก มันเลยทำให้เลสเตอร์ต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากพอสมควร

ปัญหาเรื่องการสื่อสารของนักเตะเกมรับและคู่มิดฟิลด์

ปัญหาเรื่องการสื่อสารของนักเตะเกมรับและคู่มิดฟิลด์

คากลาร์ โซยุนซู และตัวของ ดาเนียล อมาร์เตย์ ดูเหมือนจะยังจับจังหวะการเล่นคู่กันไม่ได้เลยในฤดูกาลนี้ แถมพวกเขายังต้องรับภาระจากการที่ตัวรุกของฝั่งเวสต์แฮมนั้น สามารถทะลวงแดนกลางเข้ามาอัดพวกเขาได้ตลอด และแน่นอนว่าการที่ทั้งคู่ต้องยันนักเตะเวสต์แฮมทุ่บกเข้ามาแทบจะตลอดเวลา มันเลยทำให้กว่าพวกเขาจะดักบอลได้ แล้วก็แย่งบอลได้ เพื่อจะได้ส่งบอลไปสู่ตัวทำเกมในตำแหน่งกองกลางอย่าง วิลฟรีด เอ็นดิดี้ และยูริ ตีเลอมองส์ ก็ยากลำบากมากเลยจริงๆแต่ก็ต้องพูดกันตามตรงว่า ตีเลอมองส์ กับ เอ็นดิดี้ ที่เป็นคู่มิดฟิลด์ตัวกลาง ต้องมีส่วนในความผิดบางสำหรับเรื่องนี้ด้วย เพราะพวกเขาไม่สามารถดีเลย์เกมของเวสต์แฮมได้เลยโดยปกตินั้น ถ้าหากว่าคุณเคยติดตามดูฟอร์มการเล่นของทั้ง ตีเลอมองส์ และ เอ็นดิดี้ มาก่อนนั้น ทั้งคู่ถือว่าเป็นหนึ่งในคู่มิดฟิลด์ที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก ที่เขาสามารถทำการสร้างพื้นที่ในการรับบอลให้แก่กันได้ สามารถมองตากันก็รู้ใจกันแล้ว แต่ในวันจันทร์ที่ผ่านมา สองกองกลางคู่นี้กลับเล่นเหมือนขาดพลังงานบางอย่างไป และการเล่นที่ผิดพลาดของเขาทำให้การช่วยเล่นเกมรับที่ปกติก็เป็น 1 ในหน้าที่ของพวกเขา กลับบรรลัยตามกันไป ทำให้เซ็นเตอร์แบ็กของทีมต้องเจอกับสิ่งที่เรียกว่า “งานงอก”เมื่อเวสต์แฮมสามารถทำลายการเล่นของคู่มิดฟิลด์เลสเตอร์ได้นั้น การจะทำลายแนวรับของเวสต์แฮมนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใดเลย และไม่นานนัก แผนเกมรุกที่จูนระบบมาอย่างดีและดุดันสุดๆของเวสต์แฮม ก็บีบให้เลสเตอร์ทำพลาดอย่างเละเทะ แถมเกมรับของเวสต์แฮมยังบีบให้ เจมี่ วาร์ดี้ โดดเดี่ยว เล่นไม่ออก แถมเกมรุกก็เล่นกันอย่างไร้จุดหมาย ประตูแรกของ “เดอะ แฮมเมอร์ส” ในชัยชนะ 4-1 เกมนี้ของพวกเขา มันคือจุดที่ใช้อ้างอิงได้ชัดเจนว่า พวกเขาสะกดเลสเตอร์ให้ต่อบอลกันอย่างสะเปะสะปะ ดักทางของเลสเตอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และจากนั้นก็บีบจนแย่งบอลมาได้ สวนกลับจนได้ประตู

เมื่อยิ่งเล่นก็ยิ่งลนลาน

เมื่อยิ่งเล่นก็ยิ่งลนลาน

หลังจาก เลสเตอร์ ทำท่าทางจะเริ่มตั้งเกมได้ เหมือนจะเริ่มครองพื้นที่กลางสนามและในแดนตัวเองได้ โซยุนซู ก็พยายามจะแทงบอลยาวให้ถึง วาร์ดี้ ได้พักบอลและทำเกมต่อ แต่การสัมผัสบอลของ วาร์ดี้ นั้นเข้าขั้นเลวร้ายสุดๆ ซึ่งมันเป็นการจับบอลลั่นและปล่อยให้ เดคลัน ไรซ์ ฉกลูกบอลไปได้ จากนั้น ไรซ์ ก็ผ่ายบอลไปที่ ยาร์ร็อด โบเว่น ก่อนที่บอลจะถูกปาดเข้ามาให้ ปาโบล ฟอร์นัลส์ ได้กวาดบอลผ่านมือ แคสเปอร์ ชไมเคิล เข้าไปแบบเด็ดขาดการโต้กลับของเวสต์แฮมนั้นยอดเยี่ยมมาก และพวกเขาก็โหดเหี้ยมยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนได้ประตูที่สอง โดยไม่ต้องเสียเวลาทำอะไรเลย เริ่มจาก โซยุนซู คืนบอลให้ชไมเคิลพลาด โดนตัวของ มิคาอิล อันโตนิโอ ฉกบอลไปได้ และจากนั้นเขาก็ผ่านบอลให้เพื่อนที่เติมขึ้นมาได้จบสกอร์แบบโล่งๆทันทีกล่าวกันว่าเกมนี้ มันเป็นหนึ่งในเกมที่เลสเตอร์ เล่นได้แย่ที่สุดในยุคร็อดเจอร์ส ทั้งๆที่พวกเขาควรจะเรียนรู้ความผิดพลาดจากในซีซั่นที่แล้ว แต่พวกเขาก็ยังแย่เช่นเดิมในเกมแรกในฤดูกาลที่แล้ว เลสเตอร์แพ้ 3-0 ที่คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม – เลสเตอร์ครองบอลได้ 69% อย่างไรก็ตาม ก็เช่นเดียวกับในวันจันทร์ที่ผ่านมา เลสเตอร์ อาจจะครองบอลดี แต่การเล่นเกมรับและการจบสกอร์ของพวกเขานั้นแย่มากก็นับว่าน่าเป็นห่วงมากเช่นกันสำหรับเลสเตอร์ ว่าพวกเขาจะเอาตัวรอดจากช่วงเวลาแย่ๆแบบนี้ได้ทันเวลาหรือไม่ นับจากนี้