“เรจิสต้า อีริคเซ่น” การกำเนิดใหม่ของจอมทัพเดนิชแห่งอินเตอร์

“เรจิสต้า อีริคเซ่น” การกำเนิดใหม่ของจอมทัพเดนิชแห่งอินเตอร์

เรจิสต้า อีริคเซ่น” เชื่อได้ว่าหลายคนคงจะรู้สึกแปลกใจว่านี่มันชื่อของนักเตะที่ไหน จริงๆแล้วก็ไม่ใช่คนอื่นไกล แต่เป็นนักเตะสายเทคนิคชาวเดนมาร์กที่ตอนแรก อินเตอร์ มิลาน พร้อมจะโละพ้นทีมที่ชื่อ “คริสเตียน อีริคเซ่น” กองกลางทีมชาติเดนมาร์กน่ะแหละ ใครจะไปคิดล่ะว่าจอมทัพเทคนิคสูงรายนี้ที่ตอนแรกนั้น กำลังจะโดนอินเตอร์โละพ้นทีมอยู่แล้ว แถมยังไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ ด้วยอีก แต่ทำไมเขาถึงกลับกลายเป็นนักเตะคนสำคัญในทีมอินเตอร์ มิลาน ไปได้ในช่วงหลายเกมที่ผ่านมา มันก็คงต้องมาวิเคราะห์กันหน่อย ว่าจอมทัพรายนี้ไปบนบานศาลกล่าวกับศาลที่ไหน ถึงทำให้ คอนเต้ กล้าที่จะกลืนน้ำลายตัวเองและกลับมาใช้งานมิดฟิลด์ทีมชาติเดนมาร์กรายนี้ลงสนามอีกครั้งหนึ่ง

ไม่ยึดติดกับบทบาทหมายเลข 10

ปกตินั้น อีริคเซ่น เป็นนักเตะที่ทุกคนรู้จักกันดีว่าเขาเด่นสุดๆกับบทบาท “เพลย์เมกเกอร์” หรือบทบาทมิดฟิลด์ตัวรุกหมายเลข 10 ที่คอยทำเกมรุกอยู่หลังกองหน้าตัวเป้า หรือบางครั้งก็เล่นเป็นหน้าต่ำได้ด้วยในบางครั้งแต่ว่ายามที่เขาย้ายมาเล่นให้กับ อินเตอร์ มิลาน ระบบการเล่นของอินเตอร์ ไม่มีตำแหน่งหมายเลข 10 ให้ตัวของ อีริคเซ่น ได้สนามในบทบาทนี้ มันเลยทำให้เขามักจะโดนจับนั่งสำรอง หรือบางครั้งก็โดนส่งลงมาเล่นเป็นปีกบ้าง มิดฟิลด์ตัวไดนาโมบ้าง ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ตำแหน่งที่เขาเล่นได้คล่องแคล่วเท่าไหร่ แต่ในช่วงไม่กี่เกมที่ผ่านมา คอนเต้ ได้ทดลองให้ตัวของ อีริคเซ่น ลงมาเล่นในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์เต็ม 90 นาทีมากขึ้น แต่มันไม่ใช่เพลย์เมกเกอร์หลังกองหน้าอีกต่อไป บทบาทใหม่ของเขานั่นก็คือการทำหน้าที่เป็น “เพลย์เมกเกอร์ตัวต่ำ” หรือ “เรจิสต้า” ที่คอยทำหน้าที่เชื่อมเกม พักบอลอยู่หน้าแผงหลัง คอยทำเกมด้วยการวางบอลยาว ซึ่งนักเตะเท้าชั่งทองที่เปิดบอลคมกริบทั้งสองเท้าแบบ อีริคเซ่น ไม่มีปัญหากับเรื่องการใช้ vision อันยอดเยี่ยมของเขาในการอ่านเกมและวางบอลอยู่แล้ว

ถึงเวลาที่ คอนเต้ ต้องหวังพึ่งตัวทำเกมแบบจริงๆจังๆ

ถึงเวลาที่ คอนเต้ ต้องหวังพึ่งตัวทำเกมแบบจริงๆจังๆ

แผนการเล่นของ คอนเต้ ที่แล้วๆมานั้นเขาอาศัยความสามารถในการวิ่งพล่านไปทั่วสนามของกองกลางสไตล์ Box-to-Box แบบตัวของ อาร์ตูโร่ วิดัล ในการขับเคลื่อนเกมเป็นหลัก และยังมีตัวของ นิโกโล่ บาเลล่า ที่วิ่งขึ้นลงช่วยกันเชื่อมเกมด้วยอีกราย และจากนั้นก็อาศัยการวางบอลจากริมเส้นด้วยนักเตะวิงแบ็กสองฝั่งให้กับกองหน้าคู่อย่าง เลาตาโร่ มาร์ติเนซ และ โรเมลู ลูกากู คอยยิงประตู แต่สิ่งที่ยังขาดหายไปก็คือ ใครกันที่จะเป็นคอยกำกับเกม คอยกำหนดทิศทางของเกมว่าควรจะดีเลย์เกมช้า หรือจะบุกทันที จะขับเคลื่อนหรือผลักดันกระแสของเกมไปในทางไหน สามารถใช้สายตาอ่านเกมได้ในมุมกว้าง ซึ่งบทบาทนั้นเหมาะกับบทบาทขอ “ตัวทำเกมแนวลึก” หรือ เรจิสต้ามากที่สุดและนักเตะที่อยู่ในทีมของ คอนเต้ ไม่มีใครเล่นในบทบาท เรจิสต้า ได้เลย ยกเว้นแค่ตัวของ อีริคเซ่น ที่มีความใกล้เคียงที่สุด คอนเต้ ปรับให้ อีริคเซ่น ยืนต่ำลงมาหน่อยเพื่อทำหน้าที่เชื่อมเกมและจ่ายบอลสั้นยาวให้เพื่อนเล่นง่าย เมื่อมีโอกาสก็วางบอลโต้กลับเพื่อเปิดเกมรุกทันที ซึ่งนี่เป็นอีก 1 สูตรที่ทำให้อินเตอร์ของคอนเต้ดูมีความไหลลื่นในการเล่นเกมรุกมากขึ้นกว่าที่แล้วมาอย่างชัดเจน

ขายไม่ออก !

ขายไม่ออก !

เป็นเหตุผลที่น่าเศร้าที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะอันที่จริง อีริคเซ่น เคยขึ้นบัญชีขอย้ายทีมมาแล้วหนหนึ่ง แต่ว่าไม่มีสโมสรไหนสู้ค่าเหนื่อยของจอมทัพรายนี้ได้เลยสักราย มันเลยเป็นเหตุที่ทำให้ อีริคเซ่น ต้องนั่งจุ้มปุ๊กอยู่กับอินเตอร์ต่อไปอย่างน้อยก็ถึงซัมเมอร์นี้ แต่กระนั้นแล้วเหมือนว่าเพลย์เมกเกอร์เดนิชที่กลับมาแจ้งเกิดในบทบาทใหม่ได้ อาจจะไม่คิดถึงการย้ายทีมแล้ว ถ้าหากเขายังทำได้ดีในบทบาทเรจิสต้าแบบนี้