เควิน เดอ บรอยน์! เมื่อเทพแอสซิสต์คืนฟอร์ม ซิตี้ก็คืนฟอร์มตาม !

เควิน เดอ บรอยน์! เมื่อเทพแอสซิสต์คืนฟอร์ม ซิตี้ก็คืนฟอร์มตาม !

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้พบกับลีดส์ ยูไนเต้ด ไปในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา โดยผลงานก่อนหน้านี้ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ค่อนข้างแย่พอสมควรจากสถิติในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยพวกเขาพลาดท่าปราชัยให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิก 2-1 และพวกเขาก็ได้ชัยชนะเพียง 1-0 เหนือวูล์ฟส์เท่านั้นฟอร์มหายไปพักหนึ่งเลยทีเดียวและแม้แต่นักเตะที่รักษามาตรฐานการเล่นของเขาไว้ได้ในระดับสูงมาโดยตลอดอย่างง เควิน เดอ บรอยน์ ก็เรียกว่ากว่าจะผ่านช่วงเวลาที่มีฟอร์มการเล่นที่น่าผิดหวังมาได้ มันก็ไม่ใช่ง่ายๆเลยทีเดียวเขาไม่มีเอี่ยวกับการทำประตูหรือแอสซิสต์เลย จากในการลงเล่นไป 8 เกมล่าสุด จนทำให้แฟนบอลเกิดคำถามว่าฟอร์มการเล่นระดับเวิลด์คลาสที่จ่ายบอลทีแทบจะกลายเป็นแอสซิสต์ หรือฟอร์มการยิงประตูที่หนักทั้งสองเท้าของเขานั้นมันหายไปไหนหมดแต่เมื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สามารถกลับคืนสู่ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมได้ตามปกติอีกครั้ง ในเกมที่เอาชนะลีดส์ ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์มโหฬาร 7-0 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานั้น เดอ บรอยน์ ก็คืนฟอร์มเก่งได้เช่นกันกองกลางรายนี้กลับมาเล่นได้นิ่ง และน่ากลัวกว่าเดิม โดยเขาถือได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของการปั้นเกมรุกให้กับซิตี้ และพาทีมไล่ยำทีมของมาร์เซโล บีเอลซ่า ในพรีเมียร์ลีกซะเละไม่เหลือซากเลยทีเดียวนักเตะทีมชาติเบลเยี่ยมรายนี้คืนฟอร์มเก่งด้วยการยิงเอง 2 ประตูจาก 7 ประตูที่ทีมทำได้ – ใช่ เท่านั้น แถมการคุมเกมในแดนกลาง เขาก็กลับมาทำได้ดีอีกครั้งหลังจากที่ฟอร์มหลุดไปนานจนทำให้ เดอ บรอยน์ เสียฟอร์มในการเป็นเพลย์เมกเกอร์ระดับโลกไปช่วงหนึ่ง

พลังในการทะลุทะลวงของ เดอ บรอยน์

พลังในการทะลุทะลวงของ เดอ บรอยน์

ที่ดูเหมือนจะขาดหายไปจากการเล่นบนสนามเมื่อไม่นานมานี้ ได้กลับคืนสู่สมองและเท้าทั้งสองข้างของจอมทัพเท้าชั่งทองรายนี้ เขาเข้าเพรสซิ่งในแดนกลางอย่างต่อเนื่อง รักษาความเยือกเย็นในการคุมเกม และยังจ่ายบอลตัดแนวรับของลีดส์ได้ตลอด แถมความฟิตของเดอ บรอยน์ ยังพุ่งสูงปรี๊ดจนทำให้เขาเคลื่อนตัวไปทั่วสนามเพื่อช่วยเพรสซิ่งและช่วยเชื่อมเกมกับเพื่อนด้วยอีก ไม่ว่าบอลจะอยู่ที่เท้าของแบ็กซ้ายอย่างตัวของ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชงโก้ หรือจะเป็นปีกขวาอย่าง ริยาด มาห์เรซ เราจะต้องเห็นตัวของ เดอ บรอยน์ เข้าไปช่วยเชื่อมเกมและทำให้สองตัวริมเส้นซ้าย-ขวาคู่นี้ สามารถต่อบอลได้ง่าย เล่นได้ง่าย มีเวลาในการสร้างพื้นที่ในการโจมตีแนวรับของลีดส์ได้มากขึ้นในเวลาที่ KDB เข้ามาช่วยประคองบอล

การใช้เซนส์ในการเคลื่อนตัว

การใช้เซนส์ในการเคลื่อนตัว

หาตำแหน่งที่ตัวของเขาสามารถรับบอล และทำให้เขาสามารถยึดครองพื้นที่ทุกโซนได้ ทำให้การทำเกมรุกของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีความไหลลื่นมากขึ้นคือสิ่งที่ เดอ บรอยน์ ทำให้เห็นในเกมกับลีดส์เขาจ่ายบอลให้กับกองหน้าสามตัวลุ้นเข้าทำได้ตลอด ความเฉลียวฉลาดของเขาในการทำเกมรุก มันทำให้เขาสามารถเติมเกมขึ้นไปสลับพื้นที่กับเพื่อนร่วมทีม เพื่อเป็นกองหน้าตัวหลอก (ฟอลส์ไนน์) ได้ตลอดด้วย มันก็ยิ่งทำให้ผู้เล่นเกมรับของลีดส์ตามประกบนักเตะอัจฉริยะรายนี้ไม่อยู่จริงๆลีดส์ที่วางตัวเซ็นเตอร์แบ็กคู่กลางเป็น ดิเอโก้ ญอเรนเต้ ที่จับคู่กับ ลุค อายลิ่ง และวางตัวมิดฟิลด์คู่กลางเป็น อดัม ฟอร์ชอว์ และตัวของ สจ๊วร์ต ดัลลาส (จากนั้นก็เป็นตัวของ มาเธอุส คลิชท์ ที่ลงเล่นแทน) ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสิ้นหวังสุดๆในการตามประกบ เดอ บรอยน์ และยังเหนื่อยใจสุดๆในการตามประกบนักเตะตัวรุกรายอื่นๆของซิตี้ด้วย และมันเป็นอย่างนั้นตลอด 90 นาทีเลยทีเดียวมันเป็นความโชคดีเหลือเกินที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ตัวของ เดอ บรอยน์ ร่างทองกลับมาเร็ว แต่หลังจากนี้มันจะเป็นการต่อสู้ที่แท้จริงที่จะมีความเดือดอีกเยอะเกินขึ้น และตอนนี้ก็เหลืออีก 2 เกมก่อนจะถึงวันสิ้นปี เดอ บรอยน์ จะทำผลงานที่ดีได้อีกมากแค่ไหนกัน เราก็คงต้องมาดูกันต่อไป