เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ กับนัดที่ 100 ในสีเสื้อ “หงส์แดง”

ทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ กับนัดที่ 100

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ แบ็คขาวดาวรุ่งของ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อาจเพิ่งอายุ 21 ปี แต่เขาจะได้ลงสนามให้กับพลพรรค “หงส์แดง” เป็นเกมที่ 100 หากได้รับเลือกจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน ให้ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมลีกกับ แอสตัน วิลล่า ในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ พัฒนาตัวเองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขามีความสำคัญต่อ ลิเวอร์พูล เป็นอย่างมากในตอนนี้ โดย คล็อปป์ กล่าวชื่นชมลูกทีมคนเก่งในงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า “เขาอายุน้อยและมีประสบการณ์มากมาย”

นับตั้งแต่คว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปจนถึงการคว้าตำแหน่งรองแชมป์พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา รวมถึงรางวัลส่วนตัวอีกมากมาย อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ กลายเป็นบุคคลสำคัญสำหรับ ลิเวอร์พูล ไปโดยทันที

คล็อปป์ กล่าวต่อว่า “เขาเป็นแบบอย่างที่ดีกับทุกคน มันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน ผมรู้ว่าใน ลิเวอร์พูล เคยมีหลายๆคนหมดหวังที่จะได้เป็นฮีโร่ และก้าวเข้าไปสู่ในทีมชุดแรก แต่เขาสามารถทำได้”

“ผมหวังว่าเขาจะสามารถรักษาผลงาน และสภาพร่างกายเอาไว้ได้ และเขาก็มีอนาคตที่สดใสรออยู่ทั้งกับตัวเขาเอง และก็สำหรับเรา มันเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง เขาเป็นแบบอย่างที่ดี และวิธีการที่เขาจัดการกับบทบาทนั้น มันยอดเยี่ยม มันเป็นความสุขที่ได้ทำงานกับเขา นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมสามารถพูดเกี่ยวกับเขา” อดีตเทรนเนอร์ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในศึกบุนเดสลีกา กล่าว

ขณะเดียวกัน สถิติตัวเลขแสดงให้เห็นว่า อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ สร้างความประทับใจให้กับ ลิเวอร์พูล ได้อย่างไร ในขณะที่เขาเป็นดูจะเป็นจุดอ่อนในแนวรับของ “หงส์แดง” เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา แต่เรื่องเกมรุกนั้น ฟูลแบ็คชาวอังกฤษ ทำได้อย่างยอดเยี่ยม

อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ ทำไป 12 แอสซิสต์เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา จากตำแหน่งแบ็คขวา ซึ่งเท่ากับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็คซ้ายทีมชาติสก็อตแลนด์ เพื่อนร่วมทีม ลิเวอร์พูล โดยที่ทั้งคู่ถือเป็นอาวุธสำคัญในเกมรุกทางริมเส้นของ “หงส์แดง”

ในฤดูกาล 2019/20 อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ สร้างโอกาสให้ ลิเวอร์พูล ไปมากถึง 37 ครั้ง ซึ่งมากกว่านักเตะคนอื่นๆในพรีเมียร์ลีก โดยลำดับที่ 2 คือ เควิน เดอ บรอยน์ มิดฟิลด์ทีมชาติเบลเยี่ยม ของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สร้างโอกาส 36 ครั้ง

นอกจากนี้ แบ็คขวา “หงส์แดง” ยังทำสถิติจากการเปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษของคู่แข่ง 110 ครั้ง ซึ่งมากที่สุดกว่านักเตะคนอื่นๆในพรีเมียร์ลีก โดยลำดับที่ 2 คือ ลูคัส ดีญ แบ็คซ้ายชาวฝรั่งเศส ของ “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ที่เปิดบอลไป 84 ครั้ง

เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลัง ลิเวอร์พูล แสดงความคิดเห็นว่า “นี่คือผู้เล่นอายุน้อยที่ขับเคลื่อนการเล่นเกมรุกของ ลิเวอร์พูล ซึ่งเราไม่เคยเห็นฟูลแบ็คแบบนี้มาก่อน ความแตกต่างของ เทรนต์ คือ มันไม่ใช่แค่เรื่องของการวางวิ่งขึ้น-ลง ริมเส้น และเปิดบอลเข้ามา แต่เขาแล้วเขาเป็นผู้สร้างสร้างสรรค์เกมจากตำแหน่งฟูลแบ็ค”

เทรนต์ เขาได้บอลเยอะมาก และเขามีอิสระ

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาสามารถเล่นในตำแหน่งกองกลางได้ด้วย ส่วนผมก็เคยเล่นเป็นฟูลแบ็คแต่แน่นอนว่าผมไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับ เทรนต์ เขาได้บอลเยอะมาก และเขามีอิสระในการเล่น ถ้า ลิเวอร์พูล เจอทีมที่แพคแดนกลางแน่น พวกเขาก็จะใช้ฟูลแบ็คโจมตี”

“เขาได้รับลูกบอลเยอะมากจริงๆ มันคงเป็นการเสียเปล่าถ้าเขาไปเล่นกับทีมอื่นที่ไม่ใช่ ลิเวอร์พูล พวกเขามีแบ็คขวาที่น่าทึ่ง ซึ่งสามารถปรับไปเป็นกองกลางได้ ตอนนี้เขาเป็นผู้เล่นที่สร้างสรรค์เกมให้กับทีมแชมป์ยุโรป และนั่นคือสิ่งที่ผมจะพูดถึงฟูลแบ็ค ที่มีอายุเพียง 21 ปีเท่านั้น” คาร์ราเกอร์ กล่าว

อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ เข้าร่วมทีมเยาวชนของ ลิเวอร์พูล เมื่ออายุ 6 ขวบ และได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่มีอนาคตสดใสในทีมเยาวชนอยู่เสมอ เขาผ่านการเล่นในทีมเยาวชนของ “หงส์แดง” ทุกช่วงอายุ ก่อนจะเปิดตัวทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเกมลีก คัพ กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในเดือนตุลาคมปี 2016

ในเกมกับ สเปอร์ส อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ เล่นไป 68 นาที และถึงแม้เขาจะได้รับใบเหลืองจากการเข้าสกัด เบน เดวิส กองหลังชาวเวลส์ของ “ไก่เดือยทอง” แต่ภาพรวมก็แสดงให้เห็นว่าเขามีลักษณะพิเศษทั้งในเรื่องความสามารถ ความเป็นนักกีฬา, เทคนิคและความทะเยอทะยาน

ในวัย 18 ปี อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ ค่อยๆเริ่มพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง และในเดือนมกราคมปี 2017 เขาแสดงให้ คล็อปป์ เห็นในการซ้อมว่า พร้อมแล้วกับการเป็นนักเตะในทีมชุดใหญ่ จากนั้นเขาก็ได้รับโอกาสในพรีเมียร์ลีก ครั้งแรกในเกมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ประตูแรกของ อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ กับ ลิเวอร์พูล เกิดขึ้นจากการซัดฟรีคิกสุดสวยระยะ 30 หลา ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือกกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ จากศึกบุนเดสลีกา เมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งเขาแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในฝีเท้าของตัวเอง

ในเดือนเมษายน ปี 2018 อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ กลายเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง หลังจากที่เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศนัดแรก ที่ ลิเวอร์พูล เปิดรัง แอนฟิลด์ ถล่ม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-0

แมนฯซิตี้ ผู้ทำประตูได้ 106 ประตู ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนั้น มีนักเตะชื่อดังอย่าง เดอ บรอยน์, ดาบิด ซิลบา จอมทัพชาวสเปน , เลรอย ซาเน่ ปีกเยอรมัน , ราฮีม สเตอร์ริ่ง ตัวรุกทีมชาติอังกฤษ และ กาเบีรยล เฆซุส หัวหอกทีมชาติบราซิล แต่ทั้งหมดถูกหยุดยั้งโดย อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์

อีก 1 ปีต่อมา ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัด 2 กับ บาร์เซโลน่า นั้น อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ ถูกพูดถึงอีกครั้ง หลังจากที่เขาโชว์สัญชาตญานเปิดลูกเตะมุมเร็วให้ ดิวอค โอริกี้ กองหน้าชาวเบลเยียม ซัดประตูชัยให้ “หงส์แดง” ผ่านเข่าสู่รอบชิงฯได้สำเร็จ

ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 12 เดือนหลังจาก ลิเวอร์พูล ประสบความพ่ายแพ้ให้กับ เรอัล มาดริด 1-3 ในรอบชิงชนะเลิศ ที่กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ได้สำเร็จในปี 2019 ด้วยการเอาชนะ สเปอร์ส 2-0 ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน

หลังสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้าย อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ กล่าวว่า “ผมก็เป็นแค่เด็กธรรมดาจากเมือง ลิเวอร์พูล ที่ความฝันเป็นจริง”

อาร์โนลด์ ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์