หลุยส์ ฟาน ฮาล … “2 ปีของผมที่บาเยิร์น ยากที่สุดในอาชีพผู้จัดการทีมของผม”

หลุยส์ ฟาน ฮาล ... “2 ปีของผมที่บาเยิร์น ยากที่สุดในอาชีพผู้จัดการทีมของผม”

เป็นเวลา 10 ปีเต็มแล้ว นับตั้งแต่วันที่ หลุยส์ ฟาน ฮาล ตำนานผู้จัดการทีมเลือดดัตช์ ได้อำลาการคุมทีม บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเรียกได้ว่าเขาจากทีมนี้ไปแบบที่จบไม่สวยเท่าไหร่นักโค้ชชาวดัตช์ระดับตำนานผู้นี้ คือคนที่มีข่าวแทบจะทุกวีคว่า เถียงกับคนนั้น ทะเลาะกับนักเตะคนนี้ กล้าที่จะงัดกับผู้บริหารระดับสูงของสโมสร และสมัยอยู่กับบาเยิร์น มิวนิค มันก็เป็นอีกครั้งที่เขามีเรื่องโต้เถียงกับเหล่าบิ๊กบอสในสโมสรทั้งหลายช่วงเวลากับบาเยิร์น สื่อหลายเจ้า ก็ได้รายข่าวถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างตัวของเขากับ อูลี่ เฮอเนส ผู้บริหารระดับสูงของสโมสร และในขณะเดียวกัน เขาเองก็มักจะเปิดปากวิจารณ์ตัวของ ฟรองค์ ริเบรี่ ตำนานเพลย์เมกเกอร์ชาวฝรั่งเศสในสมัยที่ยังค้าแข้งกับบาเยิร์นอยู่บ่อยครั้งBild ได้มีการโพสต์บทความที่มีการบรรจุบทสัมภาษณ์ของ หลุยส์ ฟาน ฮาล ที่ซึ่งครั้งหนึ่ง เขาเคยได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร 11 Freunde ซึ่งผู้จัดการทีมชาวดัตช์ที่ปัจจุบันเกษียณตัวเองจากการทำหน้าที่โค้ชอย่างถาวรไปแล้วตั้งแต่ปี 2016 ที่เขาอำลาการคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ยอมรับว่าตลอดเวลาสองปีของเขาที่บาเยิร์น มิวนิค นั้นมันยากมากที่จะทำงานด้วย เพราะเนื่องจากความสัมพันธ์ที่ไม่ดีของเขากับ เฮอเนส มันเลยทำให้ ฟาน ฮาล อยู่ยากทั้งนิสัยที่คนละขั้วกัน คาแรคเตอร์ของทั้งสองคนก็มาแนวหักล้างกัน ทำอะไรก็ไม่สอดคล้องกัน ทำให้การทำงานของทั้งคู่ไม่ราบรื่นนัก

“เรานิสัยต่างกัน ชีวิตของผมไม่ชอบให้บุคคลที่หนึ่ง สอง หรือสามมาคอยกำกับ”

“เรานิสัยต่างกัน ชีวิตของผมไม่ชอบให้บุคคลที่หนึ่ง สอง หรือสามมาคอยกำกับ”

บุคลิกที่ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิงของทั้งสอง เรียกได้ว่าตอนทำงานด้วยกัน ทั้งคู่แทบจะไม่ได้สบตากันมากนัก และจากคำพูดของฟาน ฮาล ที่ถึงขั้นระบุว่า แค่เดินผ่านประตูบานเดียวกันยังทำไม่ได้ ต้องมีคนหนึ่งหลบให้อีกคนหนึ่ง ก็คงชัดเจนและนอกจากนี้ ฟาน ฮาล ยังมีลักษณะนิสัยแนว “เผด็จการ” ที่ชัดเจนอีก ยิ่งทำให้เขาไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของนักเตะกันเลยทีเดียวครั้งหนึ่ง ฟรองค์ ริเบรี่ เคยบอกว่า ฟาน ฮาล คือโค้ชที่มีนิสัย “เลวทราม” ที่สุดเท่าที่เขาเคยร่วมงานด้วย
แต่กระนั้นแล้ว ฟาน ฮาล ก็ยังไม่ถือโทษโกรธริเบรี่ เขาก็ได้บอกว่ามันอาจจะจริงที่ว่าเขามีนิสัยทำตัวเป็นเผด็จการ แต่ก็ทำไปเพื่อให้ทีมบรรลุเป้าหมายร่วมกันได้แบบลงตัว และผู้เล่นก็ต้องปฏิบัติตามปรัชญาของกุนซือดัตช์แมนคนนี้ฟาน ฮาล ยังได้กล่าวต่ออีกว่าเขาเองก็ไม่ได้มีนิสัยเป็นเช่นนั้นเสมอไป“ริเบรี่ และ ลูก้า โทนี่ ไม่เต็มใจที่จะทำตามปรัชญาของผม โดยพวกเขาเชื่อมในว่าสถานะของพวกเขานั้น เหนือกว่าทุกคน เขาคือคนพิเศษที่จะได้สิทธิพิเศษเหนือทุกคนในทีม แต่ผมทำแบบนั้นกับพวกเขาไม่ได้”ฟาน ฮาล กล่าวต่อด้วยว่า เขามักจะเรียก ริเบรี่ ว่าเป็น “ไอ้นักเตะฝรั่งเศส” โดยเขาอธิบายว่าตำนานปีกบาเยิร์นรายนี้ถือว่าเป็นคนที่หัวดื้อ ไม่ฟังใคร และถือตัวพอสมควรในสายตาของ ฟาน ฮาลฟาน ฮาล ยังมีการเปรียบเทียบ ลูก้า โทนี่ และ ริเบรี่ กับผู้เล่นที่เขาเคยคุมลงสนามในยุคก่อนหน้านี้อย่าง แฟรงค์ ไรจ์การ์ด และ หลุยส์ ฟิโก้ ที่มีสถานะเป็นโคตรแข้งในระดับสโมสรและทีมชาติของตัวเองเช่นกัน แต่นักเตะทั้งสองก็ไม่เคยทำตัวสูงส่งกว่าใครเพื่อน และทำตัวเป็นมืออาชีพมากกว่าริเบรี่ และ โทนี่

ถึงจากกันไม่ดีเท่าไหร่ แต่วางรากฐานบางอย่างไว้ให้

ถึงจากกันไม่ดีเท่าไหร่ แต่วางรากฐานบางอย่างไว้ให้

เขาได้วางรากฐานสำคัญเอาไว้ให้กับ บาเยิร์น ยิ่งพอตัวของ จุปป์ ไฮย์เกส เข้ามาสานงานต่อนั้น ทุกอย่างก็ยิ่งง่าย ฟาน ฮาล จัดการบรรจุชื่อของ โธมัส มุลเลอร์ เมื่อครั้งยังเป็นดาวรุ่งเอาไว้ในทีม และยังมี โฮลเกร์ บาดส์ตูเบอร์ อีกหนึ่งวันเดอร์คิดในเวลานั้นให้อยู่ในทีมชุดใหญ่ด้วยและในขณะเดียวกัน เขาก็เปลี่ยน บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ จากเดิมที่เล่นเป็นปีก ให้กลายมาเป็นกองกลางตัวโฮลด์บอลชั้นยอดได้สำเร็จ เขาไม่ได้เพียงแต่เปลี่ยนบาเยิร์นเท่านั้น แต่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลเยอรมันอีกด้วยความจริงที่ว่า ฟาน ฮาล ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับ อูลี่ เฮอเนส , ลูก้า โทนี่ หรือกระทั่ง ฟรองค์ ริเบรี่ นั้นไม่ใช่ข่าวใหญ่อะไร เพราะบุคลิกของฟาน ฮาลนั้นเป็นคนเข้มงวดอย่างมากอยู่แล้ว และปรัชญาทั้งหมดของเขานั้นสำคัญที่สุด และบุคลิกที่อีโก้จัดไม่ฟังใคร ก็ไม่น่าแปลกใจที่ซุปเปอร์สตาร์อย่าง ลูก้า โทนี่ และ ฟรองค์ ริเบรี่ จะออกแนวม้าพยศใส่แนวทางการทำทีมแบบตรงไปตรงมา และพูดจาไม่เกรงใจใคร ก็ไม่น่าแปลกที่ ฟาน ฮาล จะหามิตรแท้ที่บาเยิร์น ไม่เจอสักคน และถ้าให้เขามีโอกาสได้พูดคุยอะไรกับ เฮอเนส อีกครั้ง ก็เชื่อได้แน่นอนว่า ฟาน ฮาล อาจจะยื่นมือไปตะบันหน้าอริเก่าของตัวเองสักหมัดก็เป็นได้ …