สถิติครองฝูง คริสต์มาส ที่น่าสนใจ

จากเกมที่ ลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะ วูล์ฟแฮมตัน ได้ 0-2 เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในศึก ฟรายเดย์ไนท์ เท่ากับว่าพวกเขาคือทีมที่จะครองจ่าฝูงในช่วงคริสต์มาสซีซั่นนี้อย่างแน่นอนแล้ว เพราะมีคะแนนนำห่างทีมอันดับ 2 อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4 คะแนน หมายความว่าต่อให้ทัพ “เรือใบสีฟ้า” เอาชนะคู่แข่งได้ในเกมลีก ก็ไม่มีทางไล่ทันพวกเขาอยู่ดี แถมมันมีเรื่องราวน่าสนใจคือในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หากทีมใดที่ครองฝูงในช่วงนี้บั้นหลายซีซั่นจะคว้าแชมป์ได้ยกเว้นมีแค่ 2 ซีซั่นเท่านั้น ที่ทีมอันดับ 1 ในช่วงคริสต์มาสไม่ได้ครองแชมป์ มันน่าประหลาดตรงที่ทั้ง 2 ซีซั่น ทีมที่เกิดเหตุการณ์นั้นคือ ลิเวอร์พูล

หงส์แดง จะเป็นอย่างไรต่อไปในศึก พรีเมียร์ลีก

2 ซีซั่นที่ว่าคือในซีซั่น 2008-09 กับ 2013-14 โดยทั้งสองซีซั่นดังกล่าวต้องถือว่าผลงานของพวกเขาทำได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นฟอร์มการเล่นรวมถึงบรรดานักเตะตัวหลักแทบไม่มีใครบาดเจ็บเลย ทว่าสุดท้ายเมื่อแข่งขันครบถ้วน 38 นัด ปรากฏว่าพวกเขาทำได้แค่อันดับที่ 2 ของทั้ง 2 ซีซั่นดังกล่าว นี่จึงเหมือนเป็นอาถรรพ์เล็ก ๆ ที่แฟนบอล “หงส์แดง” ต่างก็แอบหวั่นใจอยู่ไม่น้อยว่าประวัติศาสตร์ที่พวกเขาเคยทำเอาไว้จะเกิดขึ้นในปีนี้อีกหรือไม่ แม้ฟอร์มการเล่นจะโดดเด่นและมีโอกาสสูงในการคว้าแชมป์ แต่มันแค่ครึ่งซีซั่นจึงไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าบั้นปลายพวกเขาจะเป็นทีมที่ได้ชูถ้วยพรีเมียร์ลีก

ขณะที่อีก 8 ซีซั่น ทีมที่ครองอันดับ 1 ในช่วงคริสต์มาส พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ได้ทั้งหมดประกอบไปด้วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในซีซั่น 2010-11, 2012-13 เชลซี ในซีซั่น 2009-10, 2014-15, 2016-17 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในซีซั่น 2011-12, 2017-18 และ เลสเตอร์ ซิตี้ ในซีซั่น 2015-16 แต่ก็อย่างที่หลายคนเคยได้ยินกัน คำว่าฟุตบอลไม่ได้มีบัญญัติไตรยางค์อะไรชัดเจน เรื่องทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ นั่นหมายความว่าปีนี้สถิติอันเลวร้ายของบรรดา “เดอะ ค็อป” อาจจบลงด้วยฝีมือการคุมทัพของ เจอร์เก้น คล็อปป์

เอาเป็นว่าอีกครึ่งซีซั่นหลังมารอดูกันดีกว่าว่าท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจถึงขนาดเป็นแชมป์ไร้พ่ายได้หรือไม่ ถ้าหากทำได้จริงก็ต้องยอมรับในทีมชุดนี้ ยอมถึงต้องซูฮกกับความสุดยอดของกุนซือเยอรมันผู้ที่ยอมโดนก่นด่าว่าทำทีมมา 4 ปี ยังไม่เคยมีแชมป์ เพราะเป้าหมายใหญ่ของเขาคือค่อย ๆ สร้างทีมจนกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งสุด ๆ บนเกาะอังกฤษ เวลานี้พวกเขากำลังเดินทางไปยังจุดดังกล่าวด้วยความมั่นใจ