รำลึกถึง ดิเอโก้ มาราโดน่า กับตำนานในยุคสมัยอยู่กับบาร์เซโลน่า

ค่าตัวแพงที่สุดในโลก ณ เวลานั้น

ค่าตัวแพงที่สุดในโลก ณ เวลานั้น

เงินค่าตัวจำนวน 5 ล้านยูโรที่ บาร์เซโลน่า จ่ายให้กับ โบคา จูเนียร์ส ในปี 1982 เพื่อซื้อตัวมาราโดน่ามาอยู่กับทีม มันอาจจะเป็นเงินที่น้อย ถ้ามองจากยุคสมัยปัจจุบัน แต่เมื่อ 40 ปีที่แล้วนั้น มันคือเงินค่าตัวที่เรียกได้ว่าเป็น “ค่าตัวระดับสถิติโลก” เลยทีเดียว ใช่แล้ว … มาราโดน่า คือเจ้าของค่าตัวเป็นสถิติโลกในปี 1982

ตำนานหมายเลข 10 และกัปตันทีมผู้ยิ่งใหญ่

ตำนานหมายเลข 10 และกัปตันทีมผู้ยิ่งใหญ่

การที่จะได้ใส่ทั้งเสื้อหมายเลข 10 และได้คาดปลอกแขนกัปตันทีมบาร์เซโลน่านั้นไม่ได้ทำได้ง่ายๆ แต่มาราโดน่าทำได้ นอกจากเขาจะได้เสื้อเบอร์ 10 อันเป็นไอคอนประจำตัวเขาแล้วนั้น เซซาร์ หลุยส์ เมน็อตติ ผู้จัดการทีมบาร์ซ่าชุดนั้น ยังได้ให้มาราโดน่าคาดปลอกแขนกัปตันทีมด้วยอีก มันเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับนักเตะที่ไม่ได้เป็นชาวกาตาลุนญ่า แต่ได้คาดมันลงสนามในทุกนัด

จะหยุดมาราโดน่าได้ ต้อง “หักกระดูก”

จะหยุดมาราโดน่าได้ ต้อง “หักกระดูก”

เพราะตัวของ มาราโดน่า เป็นนักเตะที่เลี้ยงบอลเก่ง พลิ้ว มีทักษะการเล่นเกมรุกที่ครบเครื่อง จ่ายบอลคมกริบ ฟรีคิกฉมัง การเลี้ยงบอลเข้าไปยิงประตูก็สุดแสนจะน่าทึ่ง เทคนิคเฉพาะตัวจัดจ้าน แน่นอนว่าการจะหยุดมาราโดน่าด้วยวิธีธรรมดาๆหรือทำฟาวล์เบาๆนั้น ไม่น่าจะสามารถหยุดมาราโดน่าแบบอยู่หมัดได้จริงจนกระทั่ง อันโดนี่ กอยโกเชีย กองหลังแข้งโหดของทีมแอธเลติก บิลเบา ได้ใช้วิธี “หักกระดูก” ของมาราโดน่าซะเลย เขาเล่นงานจอมทัพร่างเล็กรายนี้ด้วยการเสียบเข้าที่ข้อเท้าของเพลย์เมกเกอร์เลือดฟ้าขาวจนกระดูกข้อเท้าของมาราโดน่าหัก พักยาวหลายเดือนเลยทีเดียวและในอีกราวๆ 1 ปีต่อมา มาราโดน่า ต้องพาบาร์เซโลน่าลงสู้กับบิลเบาอีกครั้ง ซึ่งกอยโกเชียก็ยังอยู่ในทีมและหมายมั่นจะเล่นงานมาราโดน่าอีกครั้ง แต่หนนี้ มาราโดน่า กะเอาคืนกองหลังบิลเบาเต็มที่ และเปิดฉากวางมวยกับกอยโกเชียและจากนั้นก็เกิดเหตุตะลุมบอนครั้งใหญ่กลางสนามระหว่างนักเตะทั้งสองทีมโดยมีมาราโดน่าเป็นตัวจุดชนวนนั่นเอง

ลูกโซโล่ในตำนานของศึก เอล กลาซิโก้

ลูกโซโล่ในตำนานของศึก เอล กลาซิโก้

การทำประตูในศึกเอล กลาซิโก้ อันเป็นมหาแมตช์การแข่งขันที่แฟนบอลรอคอยที่จะได้ชมเกมการแข่งขันกันทั่วโลกนั้น ถ้าใครทำประตูในเกมนี้ได้ มันจะทำให้นักเตะคนนั้นกลายเป็นตำนานของโลก หรือได้รับการจดจำจากแฟนบอลไปอีกนานมาราโดน่าเองก็เช่นกัน เขาจัดการรังสรรค์ประตูที่ยอดเยี่ยมในศึก เอล กลาซิโก้ ใส่ทีมเรอัล มาดริด ได้อย่างสุดสวยด้วยการเลี้ยงบอลลากตะลุยเข้าไปในเขตโทษ ก่อนที่เขาจะล็อกบอลหลบผู้รักษาประตูของมาดริด จนเหลือแค่ประตูโล่งๆที่ขนาดเด็กอนุบาลก็สามารถยิงบอลเบาๆก็เข้าได้มาราโดน่าไม่ยิงทันที เขารอจังหวะให้นักเตะมาดริดอีกราย สไลด์พรวดเข้ามาเท่านั้น มาราโดน่าล็อกบอลหลบอีกช็อต และจากนั้นก็ยิงเข้าประตูโล่งๆเข้าไป ซึ่งจากการยิงประตูในจังหวะนี้ มันทำให้เขาได้รับ “สแตนดิ้งโอเวนชั่น” หรือการยืนขึ้นปรบมือให้เกียรติจากแฟนบอล เรอัล มาดริด ที่แสดงสปิริตปรบมือให้กับการเล่นอันยอดเยี่ยมของนักเตะที่อยู่กับทีมอริตัวเป้งอย่างบาร์เซโลน่า มันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่มาราโดน่าทำได้