ยาซีร์ อัล-รูมายยาน ประธานสโมสรนิวคาสเซิลได้กล่าวว่าองค์กร PIF ที่นำโดยราชวงศ์ซาอุดิอาระเบียได้รับข้อเสนอให้ซื้อหุ้น 30 เปอร์เซ็นต์ของสโมสรในพรีเมียร์ลีกอีกแห่งอื่น ก่อนที่พวกเขาจะซื้อกิจการสโมสรนิวคาสเซิลด้วยเช่นกันกองทุน PIF เป็นกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ ได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการสโมสรนิวคาสเซิลด้วยมูลค่า 300 ล้านปอนด์เมื่อช่วงเกือบ 12 เดือนก่อนหลังจากผ่านช่วงเวลา 14 ปีของการบริหารภายใต้ตัวของ ไมค์ แอชลีย์ ตัวของอัล-รูมายยาน และชาวคณะ ก็ได้ยุติช่วงเวลาที่แสนเจ็บปวดของแฟนบอลไทน์ไซด์ ด้วยการซื้อสโมสรแห่งนี้
แต่ประธานนิวคาสเซิล ซึ่งได้ใช้เงินไปแล้วมากกว่า 200 ล้านปอนด์ในการบริหารสโมสรจากช่วง 2 ตลาดนักเตะแรกของเขาก็ได้ยอมรับว่ามันอาจแตกต่างกันมาก ถ้าเขาได้ซื้อกิจการของสโมสรแห่งอื่นแอธเลติกรายงานว่าทีมที่พยายามยื่นข้อเสนอมาให้พวกเขาซื้อหุ้น ก็คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจริงๆเขาบอกกับ Radio Eight ไปว่า “แน่นอนว่าฟุตบอลเป็นหนึ่งในกีฬาที่สำคัญที่สุดเท่าที่โลกมีไม่ว่าจะในประเทศ (ในซาอุดิอาระเบีย) หรือต่างประเทศ ฟุตบอลเป็นกีฬาอันดับหนึ่งของโลก”
“แล้วทำไมต้องพรีเมียร์ลีกอังกฤษด้วยล่ะ เพราะมันคือลีกที่ดีที่สุดในโลก ไม่มีลีกไหนมาแข่งกับลีกนี้ได้ (เหรอ)มี 20 ทีม มีสามทีมต้องตกชั้นและเลื่อนชั้นอีก 3 ทีม ข้อดีของพรีเมียร์ลีกคือทุกทีมจาก 20 ทีมสามารถเอาชนะทีมที่ดีที่สุดในลีกไดเมื่อเรามองดู เราก็มองจากมุมมองทางการเงินด้วยยังไงก็ตาม มันไม่ใช่ข้อเสนอแรกที่เราได้รับเกี่ยวกับการซื้อหุ้นทีมฟุตบอล เราดูในอิตาลี ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักรด้วยตัวอย่างเช่น ในสหราชอาณาจักร มีทีมที่ติดเข้าหาเรา โดยเสนอหุ้นกรรมสิทธิ์ 30% และเราไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับทีมแบบนี้ เพราะซื้อหุ้น เราจะต้องจ่ายเงิน 700 ล้านปอนด์ แต่เราไม่ได้คุมอำนาจสโมสรแบบเบ็ดเสร็จ”
