ทำไม เมาริซิโอ ซาร์รี่ ถึงอำลา เชลซี ทั้งที่ประสบความสำเร็จ

ทำไม เมาริซิโอ ซาร์รี ถึงอำลา เชลซี ทั้งที่ประสบความสำเร็จ

การตัดสินใจเดินออกจาก เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ เทรนเนอร์ชาวอิตาลี นั้น ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด เขาพา “สิงโตน้ำเงินคราม” จบอันดับ 3 ในตารางคะแนนลีก และคว้าแชมป์ยูโรปา ลีก แต่ทว่าเจ้าตัวเลือกจะอำลาถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ไปคุม ยูเวนตุส ในศึกกัลโช เซเรีย อา

ซาร์รี่ พา เชลซี โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมไล่ถล่ม อาร์เซน่อล 4-1 ในนัดชิงฯยูโรปา ลีก ที่บากู พร้อมกับคว้าโควตาไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ รวมถึงพาทีมเข้าชิงฟุตบอลถ้วยลีก คัพ อีกด้วย แต่น่าเสียดายที่ต้องพ่ายการดวลจุดโทษให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

อดีตโค้ช นาโปลี ยังคงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกุนซือที่ยอดเยี่ยมในบ้านเกิดของเขา ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะสามารถสร้างฤดูกาลที่สโมสรส่วนใหญ่จะพูดถึงการต่อสัญญาทันทีมากกว่าการเลิกจาก โดย ซาร์รี่ แสดงความต้องการมากพอที่จะอยู่กับ เชลซี เหมือนกับที่ทีมจะเก็บเขาไว้ แต่ตอนนี้ เขาสามารถพูดได้ด้วยเหตุผลบางอย่างที่เขารู้สึกไม่ดีนัก

อันที่จริง ซาร์รี่ สามารถมองย้อนกลับไปในฤดูกาลเดียวของเขาในลอนดอนตะวันตก ด้วยความภาคภูมิใจ หลังจากการแสดงผลงานในช่วงครึ่งซีซั่นหลังที่โดดเด่น และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกมในอาเซอร์ไบจาน กับ อาร์เซน่อล ซึ่งถือเป็นแชมป์รายการแรกในอาชีพโค้ชของเขา

และไม่เพียงแต่ในบริบทของฟุตบอลยุโรปที่ ซาร์รี่ ผู้ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกันกับ อันโตนิโอ คอนเต้ อดีตนายใหญ่ เชลซี เขาสมควรได้รับเครดิตที่ดี มันจะมีผู้จัดการทีมคนใดบ้างที่สามารถพาสโมสรขยับเข้าใกล้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลที่ผ่านมา ในฤดูกาลหน้าได้บ้าง

การจากไปของ ซาร์รี่ จะมีคำถามบางอย่างว่าทำไมทั้งสองฝ่ายไม่ได้ใช้ความพยายามมากขึ้นในการขยายความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่ แต่ข้อโต้แย้งก็คือว่านี่เป็นจุดจบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้กับสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นการทำงานร่วมกันในโลกฟุตบอล

น่าแปลกที่ดูเหมือนว่าแฟนๆ เชลซี ส่วนใหญ่จะไม่เสียใจที่อดีตกุนซือชาวอิตาลี ออกจากทีมไป ซาร์รี่ ทำงานกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” ท่ามกลางความเคียดแค้น การทำทีมอย่างเต็มรูปแบบของเขาไม่ได้การยอมรับจากสาวก “สิงห์บลูส์” มากนัก

ซาร์รี่ เป็นนักสูบบุหรี่ตัวยง เขาเชื่อโชคลาง และจะคุมทีมด้วยการสวมชุดวอร์มตลอดเวลา และบอกถึงความอยากในเรื่องของนิโคตินด้วยการเคี้ยวก้นบุหรี่ระหว่างการแข่งขัน โดยก่อนหน้านี้ เขาออกจาก นาโปลี แบบไม่มีถ้วยรางวัล แต่ด้วยทีมที่น่าดึงดูด และมีคุณภาพสูงมาถึง เชลซี ด้วยการยกย่องอย่างสูงจากบุคคลสำคัญเช่น เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือชาวสเปน ของ แมนฯซิตี้

หลังจากเริ่มสัญญาณที่อุดมไปด้วยความตื่นเต้น จากนั้นปัญหาก็ตามมา แฟนบอล เชลซี ไม่ชอบสไตล์ของ “Sarri ball” การเยาะเย้ย และการดูถูกเหยียดหยามต่อผู้จัดการทีมอิตาเลียน กลายเป็นไปไม่ได้ที่จะเพิกเฉย โดยเฉพาะในช่วงที่พวกเขาพ่ายแพ้ในรอบที่ 5 ในศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ ต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันสิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือ เชลซี บุกไปโดน บอร์นมัธ ถล่ม 4-0 ที่สนาม วิตาลิตี สเตเดี้ยม และเพียง 8 วันหลังจากนั้น พวกเขาบุกไปโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถล่ม 6-0 ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม นั่นคือผลลัพธ์ที่แฟนบอลไม่สามารถยอมรับได้

ซาร์รี่ ดูไม่มีอำนาจในการควบคุมนักเตะ

6 วันหลังจากที่ เชลซี ตกรอบฟุตบอลเอฟเอ คัพ มีความลำบากใจมากขึ้นอีก เมื่อในเกมลีก คัพ นัดชิงฯกับ แมนฯซิตี้ เกปา อาร์ริซาบาลากา ผู้รักษาประตูชาวสเปน บาดเจ็บแต่เขาไม่ยอมออกจากสนาม เห็นได้ชัดว่า เป็นการกระทำที่น่าประหลาดใจในความดื้อรั้นของเขา ซึ่งทำให้ ซาร์รี่ ดูไม่มีอำนาจในการควบคุมนักเตะ

การขาดทางเลือกในทันที และประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในการพ่ายแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สนามเวมบลีย์ ทำให้ ซาร์รี่ ตกอยู่ในความกดดัน นี่เป็นสโมสรที่จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายถ้วยรางวัล แต่กุนซือคนใดจะตอบสนองความต้องการของ โรมัน อับราโมวิช เจ้าของทีมได้

ซาร์รี่ ประสบความสำเร็จหนึ่งรางวัลใหญ่ในยุโรป เขานำถ้วยไปเก็บในตู้โชว์ของ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้สำเร็จ แต่เหตุใดเขาจึงตัดสินใจที่จะออกจากสโมสร และกลับไปอิตาลีเพื่อทำงานกับ ยูเวนตุส มันจึงน่าแปลกใจอย่างยิ่งสำหรับบุคคลภายนอก

แต่ อดีตนายใหญ่ นาโปลี ขาดการเชื่อมต่อกับผู้เล่น รวมทั้งยุทธวิธีของเขาที่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เขาดูเหมือนไม่มีความสุขสำหรับทุกฝ่ายในทีม เชลซี ขณะที่ คอนเต้ เป็นโค้ชระดับสูงที่มีประวัติความสำเร็จมามากมาย แต่ก็ยังอยู่กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” ได้ไม่นาน เช่นเดียวกัน

นี่อาจช่วยให้ทุกคนเห็นว่าฤดูกาลที่ผ่านมา ซาร์รี่ ไม่เคยปรากฏว่าได้รับอำนาจการคุมทีมอย่างเต็มที่ในทีมของ เชลซี เขายังดื้อรั้นถึงจุดที่มีความกังวลในบางช่วงเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่เขาออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในประเด็นต่างๆ

นอกจากนี้ ซาร์รี่ ยังโดนวิจารณ์อย่างหนักกับแผนการของเขาที่โยก เอ็นโกโล่ กองเต้ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดในโลก ไปเล่นในตำแหน่งตัวรุก เพื่อหลีกทางให้กับ จอร์จินโญ่ ดาวเตะอิตาเลียน ที่เขาซื้อมาจาก นาโปลี ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 50 ล้านปอนด์

ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา การเปลี่ยนตัวสำรองที่ซ้ำซากของ ซาร์รี่ ซึ่งมักจะเปลี่ยน มัตเตโอ โควาซิส กองกลางโครเอเชีย ออก และให้ รอส บาร์คลีย์ จอมทัพชาวอังกฤษ ลงสนามแทนเป็นประจำนั้น กลายเป็นเรื่องเย้ยหยันในหมู่แฟนๆของ เชลซี

เมื่อ บาร์คลีย์ ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามมาเพื่อแทนที่ โควาซิส ในนัดที่ เชลซี พ่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึกเอฟเอ คัพ นั้น ได้รับการต้อนรับด้วยเสียงหัวเราะแดกดัน และเสียงดังจากอัฒจันทร์ พร้อมเสียงก่นด่าในตัว ซาร์รี่ มากมาย

ในการป้องกัน จอร์จินโญ่ อาจทำได้ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงที่สุดอย่างที่ กองเต้ ทำได้ ในขณะที่ ซาร์รี่ ไม่เต็มใจที่จะใช้ผู้เล่นหนุ่มชาวอังกฤษ อย่าง รูเบน ลอฟตัส ชีค และ คัลลัม ฮัดสัน โอดอย แต่ดาวเตะทั้ง 2 ราย พิสูจน์ให้เห็นในช่วงท้ายซีซั่นแล้วว่าพวกเขาดีพอสำหรับทีมชุดแรก

ซาร์รี่ ไม่เคยสร้างความผูกพันใดๆกับแฟนๆของเชลซี ซึ่งมองว่า สไตล์ของเขานั้นน่าเบื่อ ซึ่งบุคลิกของเขาตรงกันข้ามกับ คอนเต้ และ โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตเทรนเนอร์ชาวโปรตุเกส อย่างสิ้นเชิง บางทีอาจเป็นเพราะเขามีความรู้ด้านการเงินมากกว่าฟุตบอล

ซาร์รี่ ดูเหมือนไม่สนใจอย่างมากกับการที่เขาทำหน้าที่ที่ เชลซี เขายังเตรียมที่จะเสี่ยงต่อความโกรธเกรี้ยวของ อับราโมวิช ด้วยการบ่นเกี่ยวกับการกำหนดตารางเวลาของเกมการกุศลที่สิ้นสุดฤดูกาลในบอสตันกับ นิว อิงแลนด์ เรโวลูชั่น

ซาร์รี่ ไม่เคยสร้างความผูกพันใดๆกับแฟนๆของเชลซี