มิเชล พลาตินี่ ตำนานเมื่อครั้งสวมสตั๊ด แต่เป็นคนไร้ค่าเมื่อเล่นการเมือง

มิเชล พลาตินี่ ตำนานเมื่อครั้งสวมสตั๊ด แต่เป็นคนไร้ค่าเมื่อเล่นการเมือง

พลาตินี่ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล และได้รับเลือกให้เป็นประธานสมาคมฟุตบอลแห่งยุโรป (UEFA) ในปี 2007เขาเกิดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 1955 ในเมืองเฌิฟ ประเทศฝรั่งเศส เขาเป็นบุตรชายของ อัลโด้ และ แอนนา พลาตินี่ เขามีพี่สาว 1 คนคือมาร์ติเน่ และพวกเขาเป็นครอบครัวชาวฝรั่งเศสที่มีเชื้อสายอิตาลีเขาเริ่มต้นเล่นบอลอาชีพในฐานะนักเตะเยาวชนของสโมสร อาแอส เฌิฟ ในปี 1966 และได้รับความสนใจจากแมวมองทีมใหญ่ๆในระหว่างการแข่งขัน โคเป กัมดาเบญ่า ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์สำหรับทีมฟุตบอลระดับ U-19 ของฝรั่งเศส โดยตอนนั้นเขาอายุ 16 ปีในการทดสอบฝีเท้าเข้าสโมสร เม็ตซ์ เขาได้รับการวินิจฉัยจากทีมแพทย์ว่ามีปัญหาในการหายใจและมีกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง จากนั้นเขาก็ได้ไปเข้าร่วมกับสโมสร น็องซี่ในปี1972 และทำผลงานได้ดีจนติดทีมสำรองในการแข่งขันกับ วิตเตลแชม เขาทำแฮตทริกให้กับทีมสำรองของ น็องซี่ และพาทีมคว้าพื้นที่ 11 อันดับแรกได้ด้วยเขาได้เดบิวต์ลงเล่นในลีกอาชีพเป็นครั้งแรกในเกมที่สู้กับ นีมส์ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 1973 แต่ก่อนหน้านั้นเขาใช้เวลาอยู่บนม้านั่งสำรองอยู่นานพอสมควร โดยสาเหตุที่ทำให้เขาได้รับการเดบิวต์ช้า ก็เพราะเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าในตอนที่ลงเล่นให้กับทีมสำรองและเขาเป็นเป้าโจมตีของแฟนบอลทีมตรงข้ามที่ปาข้าวของใส่เขาจนบาดเจ็บเขาเปิดตัวในสีเสื้อทีมชาติฝรั่งเศสเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 กันยายน 1973

 

พลาตินี่พลาดลงเล่นในฤดูกาล 1974 เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่แขนซ้ายถึงสองครั้ง โดยมันเกิดขึ้นในระหว่างเกมกับโอจีซี นีซ และอาการบาดเจ็บนี้ส่งผลกระทบต่อทีมของเขาโดนตรงที่ขาดเพลย์เมกเกอร์คนสำคัญ และพวกเขาตกชั้นจากลีกเอิง 1 อีกด้วย ในฤดูกาล 1975 พลาตินี่ช่วยทีมของเขาเลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 ของฝรั่งเศสได้อย่างง่ายดาย เขายิงได้ 17 ประตู และส่วนใหญ่เป็นการยิงประตูจากลูกฟรีคิกเขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเตะฟรีคิก และยิงฟรีคิกจังหวะเดียวเป็นประตูได้หลายประตู เขาฝึกฝนศิลปะการปั่นลูกนิ่งข้ามกำแพงให้โค้งเสียบสามเหลี่ยมได้อย่างแม่นยำเพราะด้วยความช่วยเหลือจาก ฌอง-มิเชล มูติเยร์ เพื่อนรักของเขาที่เป็นนายทวารของน็องซี่ และฝึกยิงฟรีคิกข้ามหุ่นกำแพงมนุษย์ทุกวัน

พลาตินี่พลาดลงเล่นในฤดูกาล 1974

ฤดูกาล 1975 ของเขาต้องพบกับอาการบาดเจ็บอยู่บ้าง และนอกจากนี้เขายังติดภารกิจที่ต้องไปเข้ารับราชการทหาร ซึ่งทำให้การซ้อมในสโมสรของเขามีเวลาจำกัด และเขาก็ได้รับบาดเจ็บเป็นครั้งที่สองในฤดูกาลดังกล่าวด้วย แถมทีมยังแพ้ให้กับมาร์กเซย 1-4 ในรอบรองชนะเลิศเฟรนช์ คัพในฤดูร้อนปี 1975 เขาถูกเกณฑ์ทหารและได้รับมอบหมายให้ไปประจำการอยู่ที่กองพัน Joinville เช่นเดียวกับนักกีฬาชาวฝรั่งเศสที่มีความสามารถอีกหลายคน และในช่วงเวลานั้น เขายังเป็นตัวแทนของทีมชาติฝรั่งเศสรุ่นอายุต่ำกว่า 23 ปีเพื่อเตรียมทำศึกโอลิมปิกในปี 1976 หลังจากเซ็นสัญญาอาชีพสองปีกับน็องซี่ เขาได้แชมป์แรกในการเล่นบอลอาชีพของเขา นั่นคือฟุตบอลถ้วยเฟรนช์ คัพ 1978 โดยเขาทำประตูชัยในการแข่งขันนัดดังกล่าวการยิงไกล 30 หลาของเขา ที่เล่นในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์หมายเลข 10 ในเกมที่ทีมชาติฝรั่งเศสเอาชนะกับ บัลแกเรีย เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 1977 มันได้ทำให้ฝรั่งเศสผ่านเข้ารอบสุดท้ายไปเล่นฟุตบอลโลกปี 1978 โดยฝรั่งเศสเอาชนะบัลแกเรีย 3-1 อลัผลงานของเขาในปีนั้น มันทำให้เขาได้รับตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรปปี 1977 อันดับ 3พลาตินี่ เป็นที่รู้จักในเรื่องของการเป็นคนมีอารมณ์ขัน แม้ตอนที่ยังต้องพักฟื้นจากการได้รับบาดเจ็บ เขาก็ยังติดนิสัยฮา และยังชอบแหย่เพื่อนที่มาทักทายเขา และนอกจากนี้ เขายังชอบแอบจุดไฟเผาแครกเกอร์ของเพื่อน และชอบแกล้งทำเป็นตายเพื่ออำเพื่อน แม้แต่แกล้งบีบหลอดยาสีฟันลงบนเตียงเพื่อนร่วมทีมของเขาก็ทำมาแล้ว

ฤดูกาล 1975 ของเขาต้องพบกับอาการบาดเจ็บอยู่บ้าง