ตระกูลเกลเซอร์ ไม่กังวลกับฟอร์มของ ปีศาจแดง ตราบใดที่เงินยังไหลเข้าสู่สโมสร

ตระกูลเกลเซอร์ ไม่กังวลกับฟอร์มของ ปีศาจแดง

วันอังคารที่ 24 เดือนกันยานยนที่ผ่านมา จะเป็นวันที่ดีสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และครอบครัวเกลเซอร์ เจ้าของสโมสร “ปีศาจแดง” เมื่อพวกเขาคาดว่าจะประกาศรายรับต่อปีสูงเป็นประวัติการณ์จำนวนตัวเลขมหาศาล มากกว่า 615 ล้านปอนด์

แมนฯยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีสไตล์ในตัวเองจะพิสูจน์พวกเขาว่า เป็นสุดยอดทีมของลีก แน่นอนในบรรดาคู่แข่งขันในพรีเมียร์ลีก “ปีศาจแดง” มีรายรับมากกว่าสโมสรอื่น อย่างไรก็ตามปัญหาของพวกเขาคือ ข่าวดีก็หยุดลงตามผลประกอบการทางการเงิน เพราะผลงานในสนามภายใต้การคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ ยังคงเป็นที่น่าผิดหวังอย่างมาก

แมนฯยูไนเต็ด ตกไปอยู่กลางตารางคะแนน และมีแต้มตามหลัง ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูง และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 12 และ 7 แต้ม ตามลำดับ ขณะเดียวกัน ผลประกอบการล่าสุดของ เรือใบสีฟ้า” อยู่ที่ 581 ล้านปอนด์ ต่อปี ส่วน “หงส์แดง” อยู่ที่ 455 ล้านปอนด์ แต่ในช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา “ปีศาจแดง” แซงหน้าพวกเขาทั้งคู่ด้วยการประกาศผลประกอบการที่ 590 ล้านปอนด์

นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตยอดผู้จัดการทีม แมนฯยูไนเต็ด อำลาตำแหน่ง เมื่อ 6 ปีที่แล้วนั้น “ปีศาจแดง” เสียเงินออกจากสโมสรไปเป็นจำนวนมาก และล้มเหลวซ้ำไปซ้ำมา โดย เอ็ด วู้ดเวิร์ด รองประธานบริหาร ชายผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุ

วู้ดเวิร์ด กล่าวในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วว่า “ฟอร์มการเล่นไม่ได้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสิ่งที่เราสามารถทำได้ในเชิงพาณิชย์ และด้านธุรกิจของเรา” ประสิทธิภาพในการเล่นนั้น ไม่ตรงกันกับความสำเร็จทางด้านธุรกิจในขณะนี้ ไม่ว่ามันจะมีความสำคัญต่อตระกูล เกลเซอร์ อย่างแท้จริง แต่มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่สามารถพูดได้

เมื่อเร็วๆนี้ แมนฯยูไนเต็ด ยืนยันว่าการดำเนินการเชิงพาณิชย์ที่ประสบความสำเร็จของพวกเขาช่วยผลักดันการลงทุนลำดับความสำคัญคือ การมุ่งเน้นไปที่การบรรลุความสำเร็จบนสนาม และนั่นหมายความว่า โซลชา กำลังตกอยู่ในความกดดันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่ “ปีศาจแดง” ยังคงทำผลงานได้ไม่สม่ำเสมอในพรีเมียร์ลีกต่อไป

การบุกไปพ่ายแพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-0 ที่สนามลอนดอน สเตเดี้ยม ในเกมลีกวันอาทิตย์ที่ 22กันยายนที่ผ่านมา นับเป็นเกมที่ 10 ของ แมนฯยูไนเต็ด ในเกม 19 นัดหลังสุดของพวกเขาที่แพ้ ภายใต้การคุมทีมของ โซลชา โดยโค้ชชาวนอร์เวย์ มีเกมที่น่าประทับใจอยู่เพียงแบบเดียวเท่านั้นคือ การบุกไปเอาชนะ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 3-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลก 2 ที่สนาม ปาร์ค เดส์ แพรงส์

ก่อนหน้านี้ แมนฯยูไนเต็ด เคยล้มเลวกับอดีตกุนซือยาว เดวิด มอยส์, หลุยส์ ฟาน กัล และ โชเซ่ มูรินโญ่ มาแล้ว และ โซลชา อาจจะยังทำงานไปได้อีกสักระยะหนึ่ง แต่ถ้าผลงานยังไม่ดีขึ้น คำถามจะตกไปอยู่ที่ ตระกูลเกลเซอร์ และ วู้ดเวิร์ด อย่างแน่นอน

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบของเขา วู้ดเวิร์ด จะต้องประเมินสถานภาพปัจจุบันของ แมนฯยูไนเต็ด เมื่อเขากล่าวถึงนักลงทุนในวันอังคารที่ผ่านมา มันจะเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเขา ถ้าเขามุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์ทางการเงินเพียงอย่างเดียว มันก็จะคล้ายกับการสูญเสียตัวตนของ “ปีศาจแดง”

วู้ดเวิร์ด จัดการกับความล้มเหลวในสนามและ แมนฯยูไนเต็ด

แต่ถ้า วู้ดเวิร์ด จัดการกับความล้มเหลวในสนามและ แมนฯยูไนเต็ด ยังคงมีแต้มห่าง แมนฯซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล ต่อไปเรื่อยๆ รวมถึงต้องลงไปเล่นในศึกยูโรป้า ลีก เขาจะพูดถึงข้อบกพร่องในห้องประชุมของสโมสรในสถานะปัจจุบันหรือไม่?

นับตั้งแต่ วู้ดเวิร์ด ก้าวเข้าสู่บทบาทในฐานะรองประธานบริหารฯ ในฤดูกาล 2013-14 ควบคู่ไปกับการแต่งตั้ง มอยส์ ในฐานะผู้จัดการทีม แมนยูไนเต็ด นั้น “ปีศาจแดง” กำลังกลายเป็นทีมยักษ์ใหญ่ที่ไร้จุดหมาย แต่ยังคงมีเงินเข้ามาสนับสนุนทีมได้เรื่อยๆ

ตลอดเวลา วู้ดเวิร์ด และ ตระกูลเกลเซอร์ ได้เข้ามาวุ่นวายการจัดการทีมของกุนซือ 3 คน และการเซ็นสัญญานักเตะบิ๊กเนมราคาแพงเช่น อังเคล ดิ มาเรีย ปีกทีมชาติอาร์เจนตินา, เมมฟิส เดอปาย กองกลางทีมชาติฮอลแลนด์ และ อเล็กซิส ซานเชซ ตัวรุกทีมชาติชิลี ซึ่งนั่นเป็นการวางแผนกลยุทธ์ที่ไม่ดีอยู่เบื้องหลัง

เมื่อ มูรินโญ่ ถูกไล่ออกเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา แมนฯยูไนเต็ด พูดถึงความมุ่งมั่นที่จะจ้างผู้อำนวยการด้านเทคนิค เพื่อเข้ามาช่วยในกระบวนการสรรหาผู้เล่นใหม่มาเสริมทัพ แต่เกือบ 10 เดือน พวกเขายังไม่ได้ทำการเจรจากับใครเลย

แหล่งข่าวบอกกับ “ESPN FC” เสื้อกีฬาชั้นนำแดนผู้ดีว่า ผู้ที่พร้อมจะเข้ามารับตำแหน่งอำนวยการด้านเทคนิคบางคน หลีกเลี่ยงจะเข้ามาทำงานนี้ เพราะพวกเขาจะต้องรายงานข้อมูลโดยตรงต่อ วู้ดเวิร์ด แทนที่จะรายงานข้อมูลดังกล่าวไปยังเจ้าของทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนมารับบทบาทนั้น อาจต้องการความสัมพันธ์บางประเภทกับคนที่อนุมัติเงินในการซื้อตัวนักเตะ

ขณะเดียวกัน ตระกูลเกลเซอร์ ยังคงนิ่งเงียบเมื่อความเสื่อมโทรมของ แมนฯยูไนเต็ด กำลังเด่นชัดในสนาม และผู้ที่เกี่ยวข้องภายในสโมสรพูดถึงคนที่ขาดความเป็นผู้ที่ต้องการชัยชนะ

นอกจากนี้ แฟนบอล “ปีศาจแดง” ไม่เคยยอมรับ ตระกูลเกลเซอร์ เนื่องจากการเข้ามาเทคโอเวอร์ทีมในปี 2005 ทำให้ แมนฯยูไนเต็ด ตกอยู่ในภาวะหนี้สิน ซึ่งมีหนี้สินสุทธิอยู่ที่ 301.7 ล้านปอนด์ ในไตรมาสที่แล้ว และตามรายงานของ The Guardian ในเดือนตุลาคม ปี 2018 ระบุว่า ตระกูลเกลเซอร์ ทำให้ แมนฯยูไนเต็ด ต้องจ่ายดอกเบี้ยออกจากสโมสรมากกว่า 1,000 ล้านปอนด์

ทางฝั่งของ แมนฯซิตี้ ชีค มานซูร์ บิน ซาเยด อัลนาห์ยาน เจ้าของสโมสรชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ . ลงทุนมากกว่า 1 ,000 ล้านปอนด์ ให้กับ “เรือใบสีฟ้า” ในห้วง 11 ปีดังนั้น ความเปลี่ยนแปลงของสโมสรทั้ง 2 แห่งเมือง แมนเชสเตอร์ จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าใจ

ในขณะที่ แมนฯซิตี้ ใช้เวลาอย่างชาญฉลาดในการเลือกผู้จัดการทีม สรรหานักเตะ และอัพเกรดสนามกีฬา เอติฮัด สเตเดี้ยม นั้น แมนฯยูไนเต็ด มีการลงทุนที่ล้มเหลวในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอ์ด มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันในศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ แมตช์ เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด นั้น สื่อมวลชนจับภาพได้ว่า มีน้ำไหลลงมาจากหลังคาที่รั่วบริเวณอัฒจันทร์ฝั่ง เซอร์ บ็อบบี้ ชาล์ตัน นั่นแสดงให้เห็นถึงการขาดความใส่ใจในการดูแลบริหารงานในยุคของ เกลเซอร์ ซึ่งชัดเจนที่สุดนับตั้งแต่ วู้ดเวิร์ด เข้ามาแทนที่ เดวิด กิลล์

แต่บางทีก็ไม่น่าแปลกใจเลยหากเรามองไปที่ แทมปา เบย์ ไฮเวย์ ทีมในศึกอเมริกันฟุตบอล ซึ่งตระกูลเกลซอร์ เป็นเจ้าของ แทมปา เบย์ กำลังล่องลอยไปสู่ความสับสน นังตั้งแต่พวกเขาคว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ ในปี 2003 และ แมนฯยูไนเต็ด ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นแบบเดียวกัน

เงินยังคงเข้ามาเป็นตัวเลขมหาศาล และอย่างที่ วู้ดเวิร์ด ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่ออำนาจทางการเงินของ แมนฯยูไนเต็ด และในสายตาของ เกลเซอร์ การดิ้นรนต่อฟอร์มอันย่ำแย่ย่างต่อเนื่องของ “ปีศาจแดง”อาจเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยสำหรับพวกเขา ตราบใดที่เงินยังไหลเข้าสู่สโมสร

จะเป็นวันที่ดีสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด