คาริม เบนเซม่า เผยว่าโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตในประเทศมุสลิมมีบทบาทสำคัญในการโน้มน้าวใจให้เขาย้ายไปค้าแข้งยัง ซาอุดิ อาระเบีย ซึ่งการตัดสินใจของนักเตะหนุ่มวัย 35 ปีที่จะออกจาก เรอัล มาดริด ในช่วงสิ้นสุดสัญญาของเขากับสโมสรถือเป็นเรื่องช็อกสำหรับวงการฟุตบอลโลก โดยหลายคนคาดหวังว่านักเตะหนุ่มชาวฝรั่งเศสรายนี้จะต่อสัญญากับ เรอัล มาดริด อย่างน้อยอีก 12 เดือน
หลังจากที่มีการพุดคุยกับ ฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสร เรอัล มาดริด ทางด้านของ คาริม เบนเซม่า ก็เลือกที่จะรับข้อเสนอย้ายในการย้ายไปค้าแข้งยัง ซาอุดิ อาระเบีย โดยเขาได้เซ็นสัญญากับสโมสรแชมป์ ซาอุดิ โปรลีก อย่าง อัล อิตติฮัด เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
การย้ายทีมของ คาริม เบนเซม่า อาจจุดประกายให้ผู้เล่นคนอื่นๆ หลั่งไหลจากลีกท็อป 5 ของยุโรปมาให้ความสนใจและย้ายไปค้าแข้งยัง ซาอุดิ อาระเบีย มากขึ้น เนื่องจากตอนนี้ก็มีผู้เล่นที่มีชื่อเสียงหลายคนได้รับข้อเสนอที่ค่อนข้างคุ้มค่าเช่นกัน โดยทางด้านของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ได้รับการติดต่อจาก อัล อิตติฮัด ทีมเดียวกับ คาริม เบนเซม่า และ วิลฟรีด ซาฮา ได้รับการติดต่อจาก อัล นาสเซอร์ ทีมเดียวกับ คริสเตียโน โรนัลโด้ และคาดว่าทั้งคู่อาจจะย้ายไปร่วมทีมด้วยในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ เนย์มาร์ ก็เป็นผู้เล่นอีกคนที่มีข่าวย้ายไปยัง ซาอุดิ อาระเบีย ด้วยหลังจากที่แฟนบอลของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง หลายคนต้องการมให้เขาออกจากทีมไป
อัล อิตติฮัด ได้เปิดตัว คาริม เบนเซม่า ในฐานะนักเตะใหม่ของพวกเขาเมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ปี 2022 ยอมรับว่าศาสนาของเขามีส่วนในการตัดสินใจอนาคตของเขาด้วย ซึ่งนั่นทำให้เขาเลือกที่จะปฏิเสธการต่อสัญญากับ เรอัล มาดริด
