ลองเลต์ ! ความผิดพลาดครั้งใหญ่ของแมวมองบาร์ซ่า

ลองเลต์ ! ความผิดพลาดครั้งใหญ่ของแมวมองบาร์ซ่า

เคลมองต์ ลองเลต์ ดูเหมือนว่าช่วงนี้นี่จะเป็นชื่อของนักเตะที่แฟนบอลบาร์เซโลนา รู้สึกเบื่อหน่ายอย่างมากเลยทีเดียว สำหรับฟอร์มการเล่นที่แทบจะหาจุดพีคของกองหลังรายนี้แทบไม่เจอเลย เขาไม่เคยมีอิมแพคต่อเกมรับบาร์เซโลนา ไม่เคยทำประโยชน์อะไรที่เป็นรูปธรรมให้กับบาร์เซโลนา ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะกล่าวได้ว่า นี่อาจจะเป็นกองหลังที่ผลงานดร็อปมากที่สุดเท่าที่บาร์เซโลนาเคยมีมาก็ได้แต่เมื่อเทียบกับสมัยที่อยู่กับเซบีย่าแล้วนั้น มันก็น่าแปลกใจเช่นกันว่าทำไมในช่วงที่อยู่กับเซบีย่า ลองเลต์ เป็นกองหลังระดับที่น่าจับตามอง เราจึงต้องมาลองดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่สโมสรบาร์เซโลนา

สไตล์การเล่นซ้ำซ้อนกับ เคราร์ด ปิเก้

กองหลังตัวกลางสไตล์แบบ ลองเลต์ เป็นกองหลังสไตล์ที่เน้นดักเก็บบอลจังหวะ 2 เป็นหลัก ซึ่งนั่นก็หมายความว่า มันจะต้องมีกองหลังสายบู๊รายหนึ่งที่ต้องเข้าปะทะกับนักเตะคู่แข่งที่หลุดเข้ามา โดยที่กองหลังพาร์ทเนอร์อีกคนจะต้องคอยดักเก็บบอล คือคอยเป็นปราการชั้น 2 หากกรณีที่ฝั่งตรงข้าม พาบอลฝ่ากองหลังตัวสต๊อปเปอร์รายแรกเข้ามาได้ ซึ่งตัวของ ลองเลต์ เป็นกองหลังสไตล์ดักบอลจังหวะ 2แต่ว่ากองหลังอีกคนที่ลงเล่นคู่กับเขานั้นคือ เคราร์ด ปิเก้ ซึ่งเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่เล่นบอลสไตล์ “ดักเก็บบอล หรือคอยซ้อนจังหวะ 2” แบบเดียวกันกับที่ลองเลต์เล่นนั่นเองบางครั้งการจะเข้าบอล มันก็ย่อมต้องมีการเกี่ยงกันว่าใครจะเข้าบอล ใครจะคอยซ้อน เพราะหน้าที่กับสไตล์ทับซ้อนเกินไป และส่วนใหญ่นั้น ลองเลต์ มันจะเป็นฝ่ายเข้าชนและส่วนใหญ่จะลงท้ายด้วยการเข้าบอลพรวดพราด

ไม่ใช่กองหลังที่อ่านเกมได้เด็ดขาด

ไม่ใช่กองหลังที่อ่านเกมได้เด็ดขาด

ถึงจะบอกว่า ลองเลต์เป็นกองหลังสไตล์ตัวซ้อนจังหวะ 2 เหมือนปราการด่านสุดท้าย ตามปกตินั้นกองหลังสไตล์แบบนี้ สายตาในการอ่านเกมต้องเฉียบขาด วิเคราะห์กระแสของเกมก็ต้องคมกริบ และสามารถคาดเดาทิศทางการพลิกแพลงบอลของนักเตะฝั่งตรงข้ามได้ทันทีในเสี้ยวพริบตา รวมถึงต้องกล้าออกคำสั่งเกมรับด้วย เพราะยืนอยู่ในจุดที่สามารถเห็นกระแสของเกมได้ทั่วทั้งสนามแต่ว่า ลองเลต์ ปราศจากสกิลดังกล่าวอย่างชัดเจน เขาไม่สามารถอ่านเกมได้ขาดเท่าไหร่ และบ่อยครั้งที่ยามต้องคอยดักเก็บบอล คอยซ้อน กลับเงอะงะและทำอะไรไม่ถูกว่าควรจะทำอะไรยังไง มันก็เลยทำให้ ปิเก้ หรือเซ็นเตอร์ฮาล์ฟพาร์ทเนอร์คนอื่นรีบวิ่งมาดักบอลหรือแย่งบอลแทนซะแบบนั้นจะกล่าวกันว่ากองหลังแบบ ลองเลต์ ยังไงก็ไม่เหมาะกับการเล่นเป็นตัวซ้อนจังหวะ 2 ก็เหมือนจะใช่ แต่จะให้เขาไปเล่นเป็นตัวชนด่านแรก ก็เหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้มันเสียของมากขึ้น

มันคือความผิดพลาดของทีมสเกาต์นักเตะ

มันคือความผิดพลาดของทีมสเกาต์นักเตะ

ถ้าหากจะบ่นเรื่องความสามารถของ ลองเลต์ ที่ดูเหมือนว่าตลอด 3 ปีที่เขาอยู่กับบาร์เซโลนา เขาไม่เคยมีผลงานอะไรที่ชัดเจน ไม่เคยมีช็อตอะไรที่หวือหวาหรือเรียกเสียงปรบมือให้กับแฟนบอล ไม่เคยสไลด์สกัดการยิงประตูของ นิคลาส เบนด์เนอร์ ได้เหมือนที่ ฆาเบียร์ มาสเคราโน่ เคยทำได้เมื่อ 10 ปีก่อน , ไม่เคยมีช็อตในการโดดแย่งโหม่งหรือสกัดการยิงได้เฉียบขาดเหมือนที่ คาร์เลส ปูโยล หรือที่ เคราร์ด ปิเก้ เคยทำได้ แล้วแบบนี้บาร์เซโลนาไปซื้อนักเตะที่หาจุดพีคหรือหาความเด่นที่ไม่ดีเอาซะเลยแบบ ลองเลต์ มาทำไม ในปี 2018 ทีมสเกาต์นักเตะของ บาร์เซโลนา หวังที่จะช่วยเหลือสโมสรในการปรับปรุงเกมรับของทีม หลังจากที่พวกเขาต้องเสีย ซามูเอล อุมติตี้ กองหลังทีมชาติฝรั่งเศสดีกรีแชมป์โลกไปหลายเดือนเพราะเจ็บเข่าอย่างรุนแรง พวกเขาเลยรีบหากองหลังที่ไม่ต้องปรับตัวให้มาก และเล่นอยู่ในลีกสเปนอยู่แล้ว สุดท้ายก็หวยออกที่ ลองเลต์ ที่เล่นให้เซบีย่าลองเลต์อาจจะเป็นกองหลังที่เหมาะกับทีมระดับกลางๆที่ไม่มีแรงกดดันมากเท่าบาร์เซโลนา เขาอาจจะเป็นเทพของเซบีย่า แต่กลายเป็นแค่นักเตะธรรมดาๆที่บาร์เซโลนา ก็เรียกได้ว่ามันอาจจะมีทีมอื่นที่เหมาะสมกับเขา แต่ไม่ใช่ที่นี่นั่นเอง