คริสตอฟ ปิออนเต็ก กับความกดดันในการใส่เสื้อหมายเลข 9 ของมิลาน

คริสตอฟ ปิออนเต็ก กับความกดดันในการใส่เสื้อหมายเลข 9 ของมิลาน

คริสตอฟ ปิออนเต็ก” ถ้าหากว่าเป็นช่วง 2-3 ปีก่อน หมอนี่คือดาวยิงที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงเลยทีเดียว โดยกล่าวกันว่าในยุคที่สไตรเกอร์หมายเลข 9 หาได้ยากเหลือเกินนั้น มันก็มีตัวของ ปิออนเต็ก ในสมัยที่ย้ายมาเล่นให้กับเจนัวนี่เองที่โชว์ฟอร์มความเป็นดาวยิงหมายเลข 9 ชั้นยอดออกมาได้ ชื่อเสียงของ ปิออนเต็ก เรียกว่าดังและมาแรงจนแทบจะแซงตัวของ อาร์คาดิอุซ มิลิค กองหน้าเจนเดียวกันที่ค้าแข้งอยู่กับนาโปลีเลยทีเดียว ซึ่งว่ากันว่า ไม่ตัวของ มิลิค ก็ต้องเป็น ปิออนเต็ก นี่เองที่อาจจะพัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นตัวแทนของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ในทีมชาติโปแลนด์ได้แต่ทว่าในเวลานี้ ชื่อเสียงของเขากลับเลือนหายไปจนแทบไม่มีใครพูดถึงเลย ทั้งๆที่อยู่ในวัย 25 ปีและได้ย้ายไปเล่นในบุนเดสลีกากับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ในช่วงเวลานับตั้งแต่ย้ายออกจาก เจนัว มาอยู่กับ เอซีมิลาน ในปี 2019 ที่ผ่านมา

“ความกดดัน” ไม่เคยหายไปจากนักเตะดาวรุ่ง

ในช่วงที่ ปิออนเต็ก ย้ายมาอยู่กับมิลานใหม่ๆนั้น เขาแทบจะไม่มีความกดดันอะไรเลย และการได้ใส่หมายเลขเสื้อที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับมิลาน มันเลยทำให้เขาลงเล่นได้แบบสบายใจ และยิงประตูได้ต่อเนื่องแต่พอเขาลองของด้วยกรย้ายมาใส่เสื้อหมายเลข 9 อันเป็นเบอร์เสื้อในตำนานของเอซีมิลานเท่านั้น เขาก็เจอกับความกดดันที่ถาโถมเข้ามาในทันที !แฟนบอล นักข่าว ต่างก็คาดหวังว่า ปิออนเต็ก ภายใต้เสื้อหมายเลข 9 ว่าจะยิงประตูระเบิดเหมือนกับเจ้าของคนเดิมอย่าง มาร์โก ฟาน บาสเท่น , ปิ๊ปโป้ อินซากี้ แต่ไม่ใช่เลย  เขาเองก็ไม่ต่างอะไรจากนักเตะอย่าง ลาปาดูล่า และกองหน้าหมายเลข 9 ของมิลานในเจนต่อจากยุคของ อินซากี้ ที่เอาชื่อเสียงมาทิ้งที่นี่ ความกดดันจากการใส่เบอร์เสื้อที่เป็นตำนานมันหนักจริงๆ

มีความเป็นกองหน้าสไตล์ยุคโบราณมากไป

มีความเป็นกองหน้าสไตล์ยุคโบราณมากไป

กองหน้าหมายเลข 9 ในยุคโบราณ หรือยุคคลาสสิกนั้นไม่ต้องทำหน้าที่อะไรมาก พวกเขาแค่ยืนรอยิงประตูในเขตโทษก็พอ ใช้เซนส์ ใช้ความจมูกไวของพวกเขาดูว่าพื้นที่ส่วนไหนในเขตโทษที่มีโอกาสสัมผัสบอลแล้วเป็นประตู ไม่ต้องมีเทคนิคให้มาก เน้นจิ้มบอลเข้าประตูเข้าไปก็เสร็จงานแต่ว่า ปิออนเต็ก ถ้าหากเขาเกิดในยุคสักประมาณยุค 70-80 เขาอาจจะแจ้งเกิดได้ แต่ในฟุตบอลยุคนี้ การที่คุณจมูกไวเพียงอย่างเดียว คมในเขตโทษอย่างเดียวมันไม่พอ คุณต้องมีความหลากหลายด้วยในการเล่นเพื่อทำให้กองหลังทีมตรงข้ามจับทางคุณยากถ้าหากว่าเป็นในยุคสมัยที่ เจนนาโร่ กัตตูโซ่ ยังคงเป็นผู้จัดการทีม กัตตูโซ่ ที่เน้นให้มิลานเล่นบอลสไตล์ไม่ซับซ้อนมาก ไม่ได้มีการต่อบอลสั้นเพื่อเน้นเพรสซิ่ง ปิออนเต็ก แจ้งเกิดได้ไม่ยาก และเมื่อนักเตะแบบ ปิออนเต็ก ไม่สามารถทำอะไรนอกเหนือจากการรอเข้าฮอร์สได้ ต่อบอลกับเพื่อนก็ยาก เชื่อมเกมก็ไม่ไหว ลงมาล้วงบอลเองก็เหมือนว่าจะเป้นการทำอะไรที่ขัดต่อสไตล์การเล่น มันจะทำให้เขาดับซะมากกว่าจะเกิดก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ยังไม่ถึงจุดพีคของตัวเองคือข้อแก้ตัว

ยังไม่ถึงจุดพีคของตัวเองคือข้อแก้ตัว

สำหรับตัวของ ปิออนเต็ก เขาได้ย้ายมาอยู่กับเอซีมิลานตั้งแต่อายุ 22-23 ปีเท่านั้น ซึ่งในบรรดาผู้เล่นตำแหน่งกองหน้าตัวเป้านั้นส่วนใหญ่พวกเขาจะมีจุดพีคในการเล่นอยู่ในช่วงอายุ 26-27 ปีซึ่งเป็นช่วงที่พวกเขาสั่งสมประสบการณ์มาจนเต็มที่แล้วนั่นเอง ปิออนเต็กในเวลานี้อยู่ในวัย 25 ปีซึ่งเรียกว่ามันคงเข้าใกล้สเตปดังกล่าวแล้วด้วย แต่เมื่อเทียบกับคนที่อายุอ่อนกว่าอย่าง เอร์ลิง ฮาลานด์ กองหน้าทีมชาตินอร์เวย์ของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่อายุน้อยกว่าแต่กลับยิงประตุได้เป็นกอบเป็นกำมากกว่า สิ่งนี้ก็น่าคิดเช่นกันว่าต่อให้อีก 2 ปีข้างหน้า ปิออนเต็ก อายุ 27 ปีแล้ว แต่เขาอาจจะไปได้แค่เพียงเท่านั้น และไม่สามารถพัฒนาจนกลายเป็นดาวยิงตัวความหวังได้