1. เปาโล อเล็กซ์ซานเดอร์ โรดริเกวส ฟอนเซก้า เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 1973 ที่เมือง นัมปูล่า ประเทศโมซัมบิก จากนั้นโมซัมบิกก็ตกเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส แต่ประเทศได้รับเอกราชในอีกสองปีต่อมาในปี 1975
2. ฟอนเซก้า ยังคงใช้ชีวิตอยู่ในแอฟริกาจนกระทั่งเขาอายุ 14 ปีก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับครอบครัวของเขาที่ บาร์เรย์โร่ ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีประชากรเพียง 80,000 คนใน เซตูบัล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส
3. อาชีพการค้าแข้งของเขานั้น เขาเริ่มต้นที่บาร์เรย์โร่ด้วย เขาจัดว่าเป็นกองหลังตัวกลางที่เล่นบอลได้สง่างามที่สุดคนหนึ่ง เขาย้ายมาเข้าร่วมทีม บาร์เรย์เรนเซ่ ในปี 1991 โดยจะลงเล่นให้สโมสร 91 นัดตลอดสี่ฤดูกาล การเล่นของเขาที่โดดเด่น มันทำให้เขาย้ายไปปอร์โต้ แม้ว่าเขาจะไม่เคยปรากฏตัวในสนามให้กับทีมชุดใหญ่ก็ตาม และเขายังถูกส่งตัวไปเล่นกับทีมอื่นแบบยืมตัวหลายต่อหลายครั้ง อย่างไรก็ตามเขายังสร้างผลงานที่ดีให้กับตัวเองได้ โดยเขาผ่านการลงเล่นไป 100 เกมในลีกฟุตบอลบ้านเกิดของเขา
4. สโมสรสุดท้ายของเขาในฐานะนักเตะก็คือ เอสเทรล่า เด อามาโดร่า ซึ่งนี่ยังกลายเป็นสโมสรแรกของเขาในฐานะโค้ช – และในขณะเดียวกัน เขาก็ได้ทำงานให้กับทีมเยาวชนของสโมสรเป็นเวลาสองปี การฝึกงานเพื่อเป็นโค้ชที่ยาวนานในลีกระดับล่างของโปรตุเกส มันทำให้เขาสะสมประสบการณ์อย่างเต็มที่ และเขาก็สร้างผลงานที่โดดเด่นที่สโมสร เดสปอร์ติโว อาเวสโค้ชหนุ่มรายนี้ สร้างชื่อได้ในระดับประเทศ ด้วยการนำทีมจากในดิวิชั่นสาม เข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศของฟุตบอลถ้วยโปรตุกีสคัพได้แบบไม่น่าเชื่อ – และทำให้พวกเขาเลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่นสองด้วย
5. ในปี 2012 ฟอนเซก้า ได้รับโทรศัพท์จากทีมชั้นนำของลีกโปรตุเกส – เขาได้ไปเข้ารับตำแหน่งเป็นผู้จัดการ ปากอส และยังพาทีมจบอันดับที่สามในตารางลีกด้วย นั่นก็หมายความว่า เขานำทีมไปแข่งขันรอบเพลย์ออฟของถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกได้ด้วย มันเลยทำให้ชื่อเสียงของเขากระจายไปทั่วเลยทีเดียว
6. หลังจากที่เคยผิดหวังกับปอร์โต้ เขาก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์บอลถ้วยมาครองได้สำเร็จ มันเป็นแชมป์ครั้งแรกของเขาในฐานะโค้ช โดยมันเกิดขึ้นในปี 2013 เมื่อพวกเขาได้แชมป์บอลถ้วยโปรตุเกส คัพ และพ่วงด้วยถ้วย โปรตุเกส ซูเปอร์คัพ อีกรายการและจากนั้น เขาได้ไปเข้ารับตำแหน่งคุมทีม บราก้า และที่นั่นเขาได้แชมป์โปรตุเกสคัพอีกครั้งในปี 2016 โดยเอาชนะปอร์โต้ได้ในด้านการดวลจุดโทษหาผู้ชนะ
7. เรื่องแปลกก็คือ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ฟอนเซก้า ได้ตัดสินย้ายไปเข้าร่วมงานกับสโมสรที่เขาเพิ่งพาทีมก่อนหน้านั้นของตัวเอง แพ้ให้กับ “ว่าที่ทีมใหม่ของเขา” ในการแข่งขันระดับบอลถ้วยยุโรป (ชัคตาร์ในสมัยที่ ฟอนเซก้า เคยคุมทีมนั้นถูกโรม่าโค่นเอาชนะได้ในถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาล 2017-18) และกุนซือชาวโปรตุเกสตอนสมัยไปร่วมงานกับ ชัคตาร์ เขาย้ายมายังยูเครนหลังจากที่เขาคุมทีมบราก้ามานาน และบราก้าของเขา ก็เคยพ่ายแพ้ให้กับ ชัคตาร์ มาแล้วในการแข่งขันยูโรป้าลีก
8. ที่ชัคตาร์ ฟอนเซก้าใช้เวลาสามฤดูกาลในการพาทีมคว้าแชมป์ลีกยูเครนและได้แชมป์บอลถ้วย 2 ครั้งจากการเข้าชิงชนะเลิศสามครั้ง
9. สำหรับแฟนบอล พวกเขาอาจจะจำคาแรคเตอร์ของ ฟอนเซก้า ได้จากการที่เขาได้สวมหน้ากากและชุดคอสเพลย์ของ “หน้ากากดำซอร์โร” เข้าร่วมงานแถลงข่าว หลังการแข่งขันของเขาที่ซึ่ง ชัคตาร์ สามารถเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ในแชมเปี้ยนส์ลีกและโค้ชรายนี้ก็ได้บอกว่า เขาเคยเดิมพันเอาไว้ว่าจะทำแบบนี้ถ้าทีมชนะซิตี้ และสุดท้ายทีมดันชนะจริงๆ“มันเป็นชุดโปรดของผมตอนเด็ก ๆเลยนะครับ” เขาอธิบายตอนเป็นเด็ก บ้านผมยากจนมาก และถ้าคุณยากจนแต่อยากไปร่วมงานคาร์นิวัล ก็แค่ตัดหน้ากากมาใส่ที่หน้า คุณก็เป็นหน้ากากซอร์โรได้แล้ว”
10. นอกทำงานในวงการฟุตบอล ฟอนเซก้ายังมีความสนใจในเรื่องดนตรีและขี่ม้าด้วย
