เอดินสัน คาวานี่ กับ 7 เรื่องราวที่น่าทึ่งของ “เอล มาทาดอร์”

1. คาวานี่ เป็นนักเตะที่เคยได้รับรางวัลรองเท้าทองคำของลีกสูงสุดในยุโรปมาแล้ว 2 แห่งด้วยกัน โดยเขาเคยได้รางวัลดาวยิงสูงสุดของ กัลโช่ เซเรียอา มาครองในฤดูกาล 2012-13 หลังจากที่เขากราดยิงได้มากถึง 29 ประตูให้กับนาโปลี และมันยังเป็นฤดูกาลสุดท้ายที่ คาวานี่ เล่นให้กับนาโปลีด้วยเช่นกัน โดยหลังจากสิ้นฤดูกาล 2012-13 เขาก็ย้ายไปเล่นให้กับ PSG ด้วยค่าตัวแพง

1. คาวานี่

2. การย้ายทีมจากนาโปลีไปยัง เปแอสเช่ เขาเป็นเจ้าของค่าตัวมูลค่า 53 ล้านปอนด์ (64 ล้านยูโร) ที่ทาง PSG จ่ายให้กับนาโปลีในปี 2013 มันเลยทำให้เขาได้กลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลฝรั่งเศส (ในเวลานั้น) และยังเป็นสถิติสูงสุดเป็นอันดับ 6 ในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอล ณ ตอนนั้น (ตอนนี้สถิติของเขาหล่นมาอยู่ในอันดับ 6 ของโลก และเป็นอันดับ 2 ของลีกหลังจากเจอดีลสะพานฟ้าของ เนย์มาร์ ที่ย้ายจาก บาร์เซโลน่า มาอยู่กับ PSG ในปี 2017 ด้วยค่าตัว 222 ล้านยูโร หรือ 4 ปีหลังจากที่ คาวานี่ ย้ายมาอยู่กับ PSG)

3. คาวานี่ เป็นนักเตะเจ้าของสถิติตัวทำประตูสูงสุดตลอดกาลของ PSG ด้วยการยิงไป 200 ประตูจาก 301 นัด และยังเป็นการทำสถิติแซงหน้า ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เจ้าของสถิติคนเดิมภายในเวลาไม่นานด้วย และนอกจากนี้ คาวานี่ ยังคว้าแชมป์ไปทั้งสิ้น 19 รายการในสีเสื้อ PSG เรียกได้ว่าเขาเป็นตำนาน และยังเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ PSGในช่วงสมัยที่อยู่กับ PSG ตอนแรกนั้นเขาต้องรับบทบาทเป็น “ปีกซ้าย” เพราะตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าที่โปรดปรานนั้น ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กองหน้าทีมชาติสวีเดน ยึดเอาไว้อย่างเหนียวแน่น แถมยังยิงประตูได้มากมายด้วย แต่เมื่อซลาตันย้ายไปจากทีมในปี 2016 คาวานี่ เจ้าของเสื้อหมายเลข 9 ของสโมสรก็ได้กลายมาเป็นกองหน้าตัวเป้าของทีมอย่างเต็มตัว

4. และในช่วงเวลาที่เขาอยู่กับ PSG เขาก็ได้รับรางวัลรองเท้าทองคำ (ดาวยิงสูงสุด) ของลีกเอิง 1 ทั้งสิ้น 2 ครั้งด้วยกัน โดยได้ไปในฤดูกาล 2016-17 (แต่เสียแชมป์ลีกเอิงให้กับ โมนาโก) และได้อีกครั้งในฤดูกาล 2017-18 (หนนี้ได้แชมป์ลีกเอิงกลับมา) และยังได้รับตำแหน่งเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของลีกเอิงในฤดูกาล 2016-17 อีกด้วย

4. และในช่วงเวลาที่เขาอยู่กับ PSG

5. ในปัจจุบัน คาวานี่ เป็นนักเตะเจ้าของสถิติการทำประตูสูงสุดเป็นอันดับ 2 ตลอดกาลของทีมชาติอุรุกวัย ด้วยการยิงไปทั้งสิ้น 51 ประตู ตามหลังสถิติของ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าเพื่อนร่วมรุ่นจากทีมแอตเลติโก มาดริด อยู่อีก 12 ประตูด้วยกัน โดยเขามีโอกาสลลงเล่นให้กับทีมชาติอุรุกวัยเป็นครั้งแรกในปี 2008 และยังได้ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว 3 สมัย ไล่ตั้งแต่ในปี 2010 (ได้อันดับที่ 4 ของทัวร์นาเมนต์) , 2014 และ 2018 นอกจากนี้ ยังเป็นตัวหลักของทีมชาติชุดที่ได้แชมป์ โคปา อเมริกา 2011 อีกด้วย

6. เขาเป็นตัวแทนของทีมชาติอุรุกวัย โดยเขามีโอกาสไปลงทำการแข่งขันในฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ระดับอินเตอร์รายการใหญ่ๆ รวมกันมาแล้วถึง 8 รายการ และอย่างที่ได้กล่าวไปว่า เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอุรุกวัยที่คว้าแชมป์โคปา อเมริกาในปี 2011 บนแผ่นดินของอาร์เจนติน่า และแน่นอนว่าอุรุกวัยคือทีมที่เอาชนะอาร์เจนติน่า ได้สำเร็จในรอบน็อคต์เอาท์ด้วยเช่นกัน หลังจากเอาชนะตอนยิงจุดโทษได้

7. ฉายาที่แฟนบอลตั้งให้กับตัวของ คาวานี่ คือ “เอล มาทาดอร์” อันเป็นชื่อเรียกของนักสู้วัวกระทิงในภาษาสเปน และมีอีกฉายาหนึ่งคือ “เดอะ คิลเลอร์” ซึ่งตั้งตามสไตล์การเล่นของ คาวานี่ ทีเป็นกองหน้าตัวเป้าที่เน้นทำประตูใส่ทีมตรงข้าม

7. ฉายาที่แฟนบอลตั้งให้กับตัวของ คาวานี่