5 นักเตะสายเลือดฟ้าขาวผู้มีอิทธิพลต่อทัพอัลบิเซเลสเต้มากที่สุด

5-นักเตะสายเลือดฟ้าขาว

กิเญร์โม สตาบิเล่

กิเญร์โม สตาบิเล่

สุดยอดตำนานดาวยิงผู้นี้ เขาคืออดีตนักเตะระดับท๊อปของวงการฟุตบอลอาร์เจนตินาที่เคยเกือบจะช่วยให้ อาร์เจนตินา ได้แชมป์โลกสมัยแรกมาครองด้วยซ้ำ ด้วยการที่เขาช่วยให้อาร์เจนตินาผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 1930 ได้สำเร็จ ซึ่งนั่นคือการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์อีกด้วยและคู่ต่อกรของอาร์เจนตินาก็คือ “ทีมชาติอุรุกวัย” ที่ซึ่งเป็นเจ้าภาพ แต่ก็สามารถกรุยทางเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศที่มอนเตวิเดโอได้สำเร็จและแน่นอนว่าความหวังของอาร์เจนตินาในการจะคว้าดาวดวงแรกมาประดับเหนือตราของทีมบนเสื้อ นั่นก็คือตัวของ สตาบิเล่ ที่ยิงประตูได้มากมาย แต่สุดท้ายนั้น เขาก็ไม่สามารถพาทีมไปไกลถึงฝันได้สตาบิเล่ยิงประตูในนัดชิงชนะเลิศได้อีกครั้ง มันคือประตูที่ 8 ของเขาในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แต่ก็ต้องจบลงด้วยการคว้าได้แค่รอแชมป์โลกเท่านั้น แต่ว่าจวบจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีนักเตะอาร์เจนตินาคนไหนที่ยิงประตูในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกเพียงครั้งเดียวได้เท่ากับ สตาบิเล่ อีกแล้ง

มาริโอ เคมเปส

 

 

ยอดดาวยิงผมสวยเจ้าของฉายา “เอล มาทาดอร์” คือนักเตะที่ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดกองหน้าหมายเลข 10 ผู้ยิ่งใหญ่ของอาร์เจนตินาเลยทีเดียวเขาเล่นได้ทั้งตัวเป้าและตัวหน้าต่ำที่คอยทำทุกอย่างในแนวรุก เคมเปส เป็นนักเตะถนัดเท้าซ้าย แข็งแกร่ง รูปร่างสูงโปร่ง ทักษะยอดเยี่ยม อีกทั้งในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก 1978 ที่อาร์เจนตินาเป็นเจ้าภาพนั้น เคมเปส ระเบิดฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเขากราดยิงคนเดียวถึง 6 ประตูและได้รางวัลดาวยิงสูงสุดของทัวร์นาเมนต์ไปครองเขาคือนักเตะอาร์เจนตินารายที่ 2 ต่อจาก กิเญร์โม สตาบิเล่ ที่ได้รางวัลรองเท้าทองคำของการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแต่เคมเปส ก้าวนำหน้าสตาบิเล่ไปแล้วก็คือ เขาได้ “ชูถ้วยแชมป์โลก 1978” หลังจากที่ปราบซ่า ฮอลแลนด์ อดีตรองแชมป์เมื่อ 4 ปีก่อนลงได้ในนัดชิงชนะเลิศได้สำเร็จ

ดิเอโก้ มาราโดน่า

 

 

ตำนานจอมทัพหมายเข 10 ผู้ล่วงลับรายนี้ อันที่จริงเขาเคยเกือบจะติดทีตั้งแต่ชุดลุยเวิลด์คัพปี 1978 แล้วด้วยซ้ำ เพียงแต่ช่วงเวลาดังกล่าวนั้น เซซาร์ หลุยส์ เมน็อตติ มองว่า มาราโดน่า ยังเด็กเกินไปและยังมีโอกาสสำหรับมาราโดน่าอีกมาก ในการจะเล่นในฟุตบอลโลกหลังจากผ่านปี 1978 เข้าสู่ปี 1979 มาราโดน่าควงแขน รามอน ดิอาซ เพื่อนสนิทของตัวเองไปคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกรุ่นเล็ก (รุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี) ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ แถมเจ้าตัวยังคว้ารางวัล MVP ประจำรายการไปครองอีกด้วยในปี 1982 มาราโดน่าจบทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกด้วยการโดนใบแดงในเกมกับบราซิล แต่ว่าในอีก 4 ปีต่อมานั้น เขากลับมาด้วยการคาดปลอกแขนกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา และยังระเบิดด้วยการยิง 5 ประตู และยังบวกกับอีก 5 แอสซิสต์ ในทัวร์นาเมนต์จนพาทีมคว้าแชมป์โลก 1986 สำเร็จ พร้อมทั้งกวาดรางวัลประจำทัวร์นาเมนต์มากมาย โดยเฉพาะกับลูกยิงสุดสวยในการแข่งขันรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่เจอกับอังกฤษ

กาเบรียล บาติสตูต้า

กาเบรียล บาติสตูต้า

ในยุคที่ อาร์เจนตินา มีขุมกำลังนักเตะชั้นยอดที่อาจจะทำให้พวกเขามีลุ้นถึงการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกนั้น นักเตะที่พวกเขามองได้เลยว่าเป็นตัวความหวังของชาติอีกรายนั่นก็คือ กาเบรียล บาติสตูต้า ตำนานกองหน้าหมายเลข 9 ผู้ยิ่งใหญ่นั่นเอง“บาติโกล” เป็นกองหน้าหมายเลข 9 คลาสสิกที่มีความคมในการจบสกอร์ทุกรูปแบบ ทั้งการโหม่ง การยิงได้คมกริบด้วยเท้าทั้งสองข้าง แต่จุดเด่นของเขาก็คือ การยิงบอลแบบ “เข้าข้อ” ทำให้ลูกบอลนั้นพุ่งเป็นจรวดก่อนที่จะเสียบตาข่ายอย่างแรงจนแทบขาดนั่นเองเขายิงประตูในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ 3 รายการติดต่อกัน แต่น่าเสียดายที่อาร์เจนตินาในยุคของเขาไม่เคยเฉียดใกล้กับการคว้าแชมป์โลกได้เลย

ลิโอเนล เมสซี่

ลิโอเนล เมสซี่

นี่คือราชันย์ลูกหนังชาวอาร์เจนตินาคนปัจจุบันที่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์โลกให้ได้เสียที โดยมันใกล้เคียงที่สุดก็คือในปี 2014 ที่เขาคาดปลอกแขนกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินาไปไกลถึงรอบชิงชนะเลิศกับเยอรมัน แต่ก็ต้องปราชัยให้กับ เยอรมัน อดีตคู่ต่อสู้ในรอบชิงชนะเลิศเมื่อปี 1990 เข้าให้ด้วยสกอร์ 1-0เมสซี่นั้นผ่านการลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายไปแล้ว 4 สมัย ยิงได้ 6 ประตูด้วยกัน ซึ่งมันน่าเสียดายที่ว่าผลงานของเขาระดับนี้ มันควรจะทำให้เขากับทีมชาติอาร์เจนตินาไปไกลกว่านี้