ซีเนอดีน ซีดาน
ผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศสที่มีโปรไฟล์ในการทำทีมระดับสูงเช่นกัน เราจะไม่นับเรื่องที่เขาเป็นสุดยอดตำนานนักเตะ แต่เราจะเน้นไปที่โปรไฟล์การคุมทีมระดับสโมสรของซีดานเป็นหลัก เขาเป็นผู้จัดการทีมที่พา เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ได้มากมายเลยทีเดียวนับตั้งแต่ที่มาคุมทีมครั้งแรกในช่วงก่อนปลายปี 2015เรอัล มาดริด ในยุคที่ซีดานคุมทีม สามารถคว้าถ้วยแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองได้ถึง 3 สมัยติดต่อกัน และยังได้แชมป์ลาลีกา 2 สมัย พ่วงด้วยแชมป์สโมสรโลกอีก 2 สมัยติดต่อกันด้วย เรียกว่าความสำเร็จด้านถ้วยแชมป์นั้นจับต้องได้แต่คำถามคือ ซีดาน จะนำแทคติกการเล่นแบบไหนมาปรับใช้กับนักเตะนิวคาสเซิ่ลที่มีในตอนนี้มากกว่าที่เป็นประเด็น !
อันโตนิโอ คอนเต้
สุดยอดผู้จัดการทีมชาวอิตาเลียนที่มีโปรไฟล์โดดเด่นไม่แพ้ซีดานเช่นกัน เพราะเขาเองก็เคยพาทีมยูเวนตุส คว้าแชมป์เซเรียอามาครองได้ถึง 3 สมัยติดต่อกัน รวมถึงยังได้แชมป์บอลถ้วยในประเทศอีกสารพัด แม้แต่ตอนมาคุมทีมเชลซีก็ยังพาทีมได้แชมป์พรีเมียร์ลีกแชมป์บอลถ้วย ขาดไม่ได้กับตอนคุมทีมอินเตอร์ มิลาน เขาคือผู้จัดการทีมคนแรกที่พาทีมอินเตอร์ แย่งแชมป์ลีกกลับมาจากยูเวนตุสได้ หลังจากที่ยูเว่ผูกขาดมา 9 ปีติดต่อกันสไตล์การทำทีมของ คอนเต้ ค่อนข้างชัดเจนเลยว่า เน้นกองหลังตัวกลาง 3 คน เน้นแดนกลางให้แน่น มีความชัวร์ในการเล่นเกมสวนกลับและกองหน้าตัวเป้าก็ต้องแกร่ง มันอาจจะเวิร์คกับนิวคาสเซิลก็ได้ แถมคอนเต้เองก็มีประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีกมาก่อน ยิ่งมาคุมทีมที่มีเงินทุนให้ใช้เหลือเฟือด้วยอีก มันอาจจะจุดติดก็ได้
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส
ยอดผู้จัดการทีมชาวนอร์ทไอริชที่มีประสบการณ์ในเวทีพรีเมียร์ลีกระดับโชกโชน ทั้งกับสวอนซี และ ลิเวอร์พูล แม้ว่าจะไม่มีแชมป์ในลีกอังกฤษเลย แต่ว่าสไตล์การทำทีมของ “บีร็อด” เป็นการทำทีมแบบเน้นเกมรุก ต่อบอลสวยงาม เพรสซิ่งเร็ว เรียกได้ว่ามันคือสไตล์บอลที่ตรงกับอุมคติที่แฟนบอลนิวคาสเซิล ถวิลหามาตั้งแต่สมัยที่ เควิน คีแกน คุมทีมเมื่อ 25 ปีที่แล้วเลยก็ว่าได้แต่ติดที่ว่า ร็อดเจอร์ส ยังมีสัญญาคุมทีมเลสเตอร์ ซิตี้ อยู่นั่นเอง และเขาจะยอมหักหลังเลสเตอร์ด้วยการมาคุมทีมนิวคาสเซิล ในช่วงกลางซีซั่นอย่างนั้นเหรอ
สตีเว่น เจอร์ราร์ด
ผู้จัดการทีมที่มีประสบการณ์น้อยที่สุดในลิสต์ และยังมีเคยไปคุมทีมในลีกท็อปด้วย แต่ก็สร้างชื่อเสียงขึ้นมาได้พอสมควร จากการที่เขาพาทีม กลาสโกว เรนเจอร์ส คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของสก็อตแลนด์ได้แบบไร้พ่ายในฤดูกาลที่แล้วเขาทำทีมแบบเน้นเกมรุก ให้โอกาสดาวรุ่งได้แจ้งเกิดมากมาย แต่กระนั้นแล้วคำถามก็คือตัวของ “เจิด” มีความพร้อมแล้วจริงๆเหรอกับการจะมาคุมทีมในพรีเมียร์ลีก และนิวคาสเซิลเองก็อยู่ในช่วงของการต้องก่อสร้างทีมใหม่ เขาจะช่วยทีมได้มากน้อยแค่ไหนกันแน่ !
