การเมืองกลั่นแกล้ง ! 3 ตำนานนักเตะที่เปลี่ยนทีมชาติเพราะ “พิษการเมืองเล่นงาน”

การเมืองกลั่นแกล้ง ! 3 ตำนานนักเตะที่เปลี่ยนทีมชาติเพราะ “พิษการเมืองเล่นงาน”

เล่นมากกว่า 1 ทีมชาติ ! ในอดีตนั้นมักจะมีเรื่องราวของตำนานนักเตะชื่อดังหลายๆคนที่เคยมีโอกาสเลือกเล่นให้กับทีมชาติมากกว่า 1 ชาติ บางคนนั้นมากกว่า 2 ยังมีด้วยเหตุผลหลายๆประการด้วยกัน และนี่ก็คือเหล่าตำนานนักเตะในอดีตที่เคยมีโอกาสเล่นให้กับทีมชาติมากกว่า 1 ชาติแต่ก็สามารถสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมขึ้นมาได้

เฟเรนซ์ ปุสกัส

เราจะเริ่มต้นกันที่สุดยอดตำนานดาวยิงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในวงการฟุตบอลสเปนและฮังการี่อย่างตัวของ เฟเรนซ์ ปุสกัส เขาคือยอดศูนย์หน้าหมายเลข 10 ที่มีเท้าซ้ายทรงพระสิทธิภาพที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยมีมาเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการจบสกอร์ระยะใกล้-ไกล หรือการเล่นเป็นปีก หรือกองหน้าสไตล์ “กองหน้าตัวใน” , หน้าเป้า , หน้าต่ำ เขาเล่นได้หมด และไม่ว่าจะเล่นในบทบาทไหน เขายิงประตูได้เสมอ แถมยังแข็งแกร่งมาก เทคนิคสูงแม้ว่าจะมีรูปร่างอ้วนๆ ปุสกัสนั้นคือตำนานของทีมชาติฮังการี่ เขาเคยได้เหรียญทองโอลิมปิก 1952 มาแล้ว และยังได้รองแชมป์ฟุตบอลโลก 1954 พร้อมพกสถิติลงเล่นให้ทีมชาติไป 85 นัด กราดยิงเละเทะ 84 ประตูเลยทีเดียว แต่ว่าเพราะปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศฮังการี่ สงครามกลางเมือง การรุกรานของนาซี และปัจจัยทางด้านการเมืองมันเลยทำให้เหล่าฮีโร่ของชาติในด้านกีฬาหลายๆคนอยู่ในฮังการี่ต่อไปไม่ได้ และในช่วงเวลาหลังจากนั้น ปุสกัส ก็ได้ย้ายไปเล่นให้กับ เรอัล มาดริด และสุดท้ายเขาก็ได้โอนสัญชาติจนได้ลงเล่นให้กับทีมชาติสเปนแทน น่าเสียดายที่เขาได้ลงเล่นให้กับทีมชาติสเปนแค่ 4 เกมและยิงประตูไม่ได้เลย เพราะด้วยวัยที่สูงขึ้น แถมช่วงเวลาดังกล่าวนั้นสเปนเองก็มีนักเตะแกนหลักที่ยังสดและหนุ่มอยู่ในทีมหลายคนแล้ว มันเลยทำให้ปุสกัสไม่ได้มีผลงานอะไรที่ดีเท่าไหร่

อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่

อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่

เขาเองก็มีชะตาชีวิตคล้ายๆกับ เฟเรนซ์ ปุสกัส เพื่อนรักที่เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาในเรอัล มาดริด โดยมันเริ่มต้นตั้งแต่สมัยแรกที่ ดิ สเตฟาโน่ ยังเล่นอยู่ในลีกอาร์เจนติน่า ซึ่งเป็นบ้านเกิดที่แท้จริงของเขานั่นเอง เขาเป็นสมาชิกตัวหลักของสโมสรริเวอร์เพลท และได้ลงเล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนติน่าไป 8 เกม ยิงได้มากถึง 6 ประตู แถมยังได้แชมป์ทวีปอเมริกาใต้ (โคปา อเมริกา ในปัจจุบัน) มาครองในปี 1947 อีกด้วย ก่อนที่สุดท้าย เขาจะได้ย้ายไปเล่นให้กับทีม มิเลียนนาริออส ในลีกโคลอมเบียในสมัยนั้นรัฐบาลประเทศอาร์เจนติน่า ได้มีการเข้ามาแทรกแทรงเรื่องฟุตบอลพอสมควร พวกเขากดดันให้ AFA ไม่ให้เรียกนักเตะที่ไปเล่นนอกประเทศตัวเองมาติดทีมชาติ และนั่นก็เลยทำให้ ดิ สเตฟาโน่ เปลี่ยนสัญชาติไปเล่นให้กับทีมชาติโคลอมเบียแทน เพราะเขากำลังค้าแข้งในโคลอมเบียพอดีแต่พอย้ายไปเล่นในสเปนให้กับ เรอัล มาดริด เขาได้ลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่ยาวๆนานเกิน 10 ปี เขาจึงมีโอกาสได้ลงเล่นให้กับทีมชาติสเปนแทน แถมยังพีคสุดๆในการเล่นให้กับทีมชาติสเปนด้วย โดยยิงไป 23 ประตูจากการลงเล่นไป 31 เกม แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เคยได้ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเลยสักครั้ง

โอมาร์ ซิวอรี่

โอมาร์ ซิวอรี่

ตำนานลูกหนังของทีมยูเวนตุส เป็นนักเตะที่มีเท้าซ้ายทรงอิทธิฤทธิ์ แข็งแกร่ง เทคนิคแพรวพราว ยิงคม เลี้ยงบอลเก่ง แถมยังมีลูกตุกติกที่ตบตากรรมการได้เนียนๆด้วยเขาเป็นสมาชิกของทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดแชมป์โคปา อเมริกา 1957 โดยเขาลงเล่นให้กับอาร์เจนติน่าเฉพาะแค่ช่วงสมัยที่เขาเล่นให้กับริเวอร์เพลทในลีกอาร์เจนติน่า แต่เมื่อเขาจะย้ายไปเล่นให้กับยูเวนตุสในอิตาลี เขาก็เจอประเด็นแบบเดียวกันกับที่ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ เคยโดนมาก่อนนั่นคือ รัฐบาลอาร์เจนติน่าไม่สนับสนุนให้ทีมชาติของพวกเขา เรียกนักเตะที่ค้าแข้งนีลกต่างแดนมาเล่นทีมชาติซิวอรี่ไม่แคร์ เขาได้เปลี่ยนสัญชาติมาเป็นอิตาลีตามเชื้อสายทางคุณปู่ของเขาและได้ลงเล่นให้กับทีมชาติอิตาลีแทน โดยเขามีโอกาสไปเล่นฟุตบอลโลก 1962 ในนามทีมชาติอิตาลีด้วย ลงเล่นไป 9 เกมแถมทะลวงสกอร์ได้ 8 ลูกเลยทีเดียว