10 ดาวดังที่ยังต้องพิสูจน์ตัวเองในพรีเมียร์ลีก 2018-19

ดาวดังพรีเมียร์ลีก ที่ต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไป

เชื่อว่าแฟนบอลส่วนใหญ่คงเริ่มรู้สึกกระดี๊กระด๊ากับการใกล้ออกสตาร์ทของ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่ที่จะเริ่มต้นเปิดฉากขึ้นในคืนวันศุกร์ที่ 10 สิงหาคมนี้ เรามาลองไล่เรียงกันดูว่ามียอดแข้งชื่อดังคนไหนบ้างที่จะต้องพยายามงัดฝีเท้าออกมาเพื่อพิสูจน์ความคุ้มค่าและกอบกู้ชื่อเสียงของตนเอง

อเล็กซิส ซานเชซ (แมนฯ ยูไนเต็ด)

ซุปตาร์ชาวชิลี เคยตกอยู่ท่ามกลางมหากาพย์การแย่งชิงตัวจาก 2 ยอดทีมแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ แต่สุดท้ายแล้วฝั่งทีมสีแดงก็เป็นฝ่ายได้ครอบครองลายเซ็นและดึงตัวเขาก้าวเข้าสู่รั้ว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หากแต่ช่วงครึ่งฤดูกาลที่ผ่านมาเขาไม่สามารถสร้างอิมแพ็คใดๆให้กับทางต้นสังกัดใหม่ได้เลย เหล่าสาวกปีศาจแดงต่างพากันคาดหวังผลลัพธ์ที่จับต้องได้มากกว่าการทำไปแค่ 3 ประตูจากการลงสนาม 18 นัด และในซีซั่นใหม่นี้ก็จะเป็นบทพิสูจน์สำคัญของ ดาวยิงวัย 29 ปี ที่จะได้เริ่มต้นนับหนึ่งกับทีมตั้งแต่ต้นฤดูกาล

อัลบาโร่ โมราต้า (เชลซี)

จากการกระหน่ำรวดเดียว 6 ประตูไปตั้งแต่ก่อนสิ้นเดือนกันยายน ทำให้การเริ่มต้นชีวิตใหม่ในรั้ว สแตมฟอร์ด บริดจ์ ดูจะเป็นอะไรที่สดใส แต่แล้วทุกอย่างก็กลับดูจืดจางลงจนทำให้ หัวหอกวัย 25 ปี ถึงกับพลาดโอกาสร่วมก๊วน ขุนพลแดนกระทิงดุ เพื่อเดินทางไปยัง รัสเซีย ในช่วงที่ผ่านมา อดีตศูนย์หน้าจาก เรอัล มาดริด ทำไปได้เพียงแค่ประตูเดียวจาก 14 เกมส์ในลีกหลังช่วง บ็อกซิ่ง เดย์ เป็นต้นมา จึงทำให้เจ้าตัวต้องเร่งเค้นฟอร์มย่างหนักกับผจก.ทีมคนใหม่เพื่อโอกาสในการเป็นผู้เล่น 11 คนแรกของทีมต่อไป

พอล ป็อกบา จะทำได้เหมือนเวิร์ลคัพอีกไหม

พอล ป็อกบา (แมนฯ ยูไนเต็ด)

ด้วยความคาดหวังอันยิ่งใหญ่จากค่าตัวที่เคยเป็นสถิติโลก บวกกับการมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ ฝรั่งเศส ก้าวขึ้นไปครองบัลลังก์แชมป์โลกได้อย่างภาคภูมิ ก็ยิ่งทำให้ปฏิเสธศักยภาพอันเหลือล้นของ มิดฟิลด์วัย 25 ปี ไปไม่ได้เลย หากแต่ผลงานตลอด 2 ฤดูกาลที่ผ่านมาของเขากับ ปีศาจแดง ยังดูห่างไกลจากขีดความสามารถที่เจ้าตัวเคยสาดแสงเปล่งประกายเอาไว้กับ ยูเวนตุส รวมถึงในนามทีมชาติ บางทีสิ่งที่แฟนๆ ยูไนเต็ด กำลังภาวนาอยู่ก็คือ ขอให้ความสำเร็จอันสูงสุดจาก เวิลด์ คัพ จะเป็นตัวช่วยจุดประกายความเชื่อมั่นให้กับเขาในฤดูกาลที่จะถึงนี้

ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง (อาร์เซน่อล)

อันที่จริงเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา มีเพียงแค่ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์, เซร์คิโอ อเกวโร่ และ แฮร์รี่ เคน เท่านั้นที่มีสถิติการทำประตูต่อนาทีใน พรีเมียร์ลีก ได้ดีกว่า หัวหอกทีมชาติกาบอง จากการติดคัพไทในถ้วย ยูโรปา ลีก จึงทำให้เขามีโอกาสลงสนามรวมกันเพียงแค่ 14 ครั้งในช่วงครึ่งฤดูกาล แต่กับผลงาน 10 ประตูก็เป็นอะไรที่ดูสวยหรูไม่น้อย และสิ่งที่ เดอะ กันเนอร์ส คาดหวังเอาไว้จากตัวเขาในเวลานี้ก็คงหนีไม่พ้นการออกสตาร์ทซีซั่นใหม่แบบเต็มตัวพร้อมรักษาสถิติยิงรัวๆเอาไว้ เพื่อพาทีมกลับไปอยู่ในตำแหน่งลุ้นท็อป 4 ให้ได้อีกครั้ง

เดเล่ อัลลี่ (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์)

ในซีซั่นที่แล้ว ดาวเตะทีมสิงโตคำราม ยิงประตูได้น้อยกว่าเลข 2 หลักเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ย้ายมาปักหลักอยู่ที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน โดยทำได้น้อยลงครึ่งหนึ่งจากซีซั่นก่อนหน้านั้น แม้มันจะเป็นตัวเลขที่ดูไม่น้อยเลยสำหรับนักเตะวัย 22 ปีก็ตาม แต่ด้วยผลงานและฟอร์มการเล่นที่ดูเงียบเชียบอย่างต่อเนื่องใน ฟุตบอลโลก 2018 ก็ทำให้หลายๆคนเริ่มมีความกังวลว่าเขาจะสามารถยกระดับเกมส์ของตนเองกลับคืนมาอีกครั้งในฤดูกาลใหม่ได้หรือไม่

จอห์น สโตนส์ (แมนฯ ซิตี้)

แม้ ปราการหลังวัย 24 ปี จะทำผลงานโดยรวมที่ รัสเซีย ได้อย่างน่าชมเชย แต่ก็หลีกหนีความจริงข้อหนึ่งไม่พ้นว่า อังกฤษ ต้องสิ้นสุดการเดินทางอยู่เพียงแค่รอบรองชนะเลิศจากประตูชัยของ โครเอเชีย ที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของเขา และมันก็เป็นจุดด่างพร้อยข้อหนึ่งที่มองข้ามไปไม่ได้จากกองหลังศักยภาพสูงที่ยังสลัดปัญหาเรื่องสมาธิหลุดในเกมส์ไปไม่พ้น เขาอาจจำเป็นจะต้องรีบปรับปรุงทัศนคติการเล่นในเรื่องนี้ แต่สิ่งแรกที่เขาควรนึกถึงก่อนในตอนนี้ก็คือ ความพยายามที่จะพาตัวเองกลับไปอยู่ในไลน์อัพ 11 คนแรกของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ให้จงได้

วิลเชียร์ หวังติดทีมชาติอีกครั้ง

แจ็ค วิลเชียร์ (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด)

หลังการพูดคุยกับ อูไน เอเมรี่ นายใหญ่คนใหม่ในถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ที่ไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นสำหรับโอกาสการลงสนาม และการถูกหมางเมินจาก แกเร็ธ เซาธ์เกต ในการร่วมเดินทางไปยัง รัสเซีย จึงทำให้ กองกลางร่างเล็ก ตัดสินใจออกเดินทางเพื่อสร้างอนาคตให้กับตนเอง ด้วยวัยเพียง 26 ปีบวกกับการทำงานร่วมกับอดีตกุนซือผู้เคยคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาครองได้สำเร็จ ก็น่าสนใจว่าการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในการค้าแข้งกับ ทีมขุนค้อน จะนำภาพอันเรืองรองในอดีตของเขากลับคืนมาได้หรือไม่

อดัม ลัลลาน่า (ลิเวอร์พูล)

มีหลายเสียงรำพันว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับ ทีมสิงโตคำราม ที่ต้องปราศจากการสร้างสรรค์ในพื้นที่กลางสนามจาก มิดฟิลด์หน้ามน ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ที่ผ่านมา จากที่เขาเคยสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นกับทางต้นสังกัดอยู่เสมอ เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ ดาวเตะวัย 30 กะรัต มีโอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงใน พรีเมียร์ลีก ให้กับ หงส์แดง เพียงแค่ครั้งเดียวในซีซั่นที่แล้วเนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บ ในขณะนี้หลังจากสามารถเรียกความฟิตกลับมาเต็มที่อีกครั้ง ก็เป็นเรื่องที่น่าจับตามองว่าเขาจะหาทางกลับมาสอดแทรกตัวเองลงในทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ อีกครั้งได้อย่างไร

ไรอัน เซสเซยง (ฟูแล่ม)

วิงแบ็ควัยทีน ฝากผลงานอันยอดเยี่ยมไว้ใน ลีก แชมเปี้ยนชิพ ในฤดูกาลที่ผ่านมา ท่ามกลางข่าวลือหนาหูถึงการเตรียมจะโยกย้ายไปสู่ทีมใหญ่อื่นๆที่คอยจับจ้องตาเป็นมันอยู่เป็นระยะๆ แต่สุดท้ายแล้ว แข้งดาวรุ่งวัย 18 ปี ก็สามารถพาตนเองพร้อมกับต้นสังกัดขยับขึ้นมาโลดแล่นอยู่ในเวที พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ จนถึงตอนนี้คงเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกสายตาที่จะคอยเฝ้าติดตามผลงานของเขา แต่ในขณะเดียวกันนี่ก็คือบททดสอบสำคัญสำหรับเจ้าตัวที่จะก้าวขึ้นไปเป็นนักเตะระดับชั้นนำได้ดังที่หวังหรือไม่

ลอริส คาริอุส (ลิเวอร์พูล)

มันคงกลายเป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน ผู้รักษาประตูวัย 25 ปี หลังก่อความผิดพลาด 2 ครั้งซ้อนในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จนส่งผลให้ทีมของเขาได้รับเพียงแค่เหรียญรางวัลปลอบใจ แม้จะพยายามฟันฝ่าจนสามารถขยับขึ้นมายึดตำแหน่งมือ 1 ของ หงส์แดง ได้ในช่วงที่ผ่านมา แต่จากผลงานชวนเหวอในเกมส์สำคัญก็ทำให้อนาคตของ นายทวารซูเปอร์โมเดล ยังดูน่าเป็นห่วง และล่าสุดก็ยังมีข่าวว่าเจ้าตัวเริ่มลังเลใจที่จะฝากอนาคตไว้กับถิ่น แอนฟิลด์ หลังจากที่ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ก้าวเข้ามาสู่ทีม

ลอริส คาริอุส เสียความมั่นใจหนัก