เสาไฟฟ้า หน้าหล่อ โอลิวิเย่ร์ โจนาธาน ชิรูด์ [Olivier Giroud]

เสาไฟ้า หน้าหล่อ โอลิวิเย่ร์ โจนาธาน ชิรูด์ [Olivier Giroud]

โอลิวิเย่ร์ โจนาธาน ชิรูด์ เกิดวันที่ 30 กันยายน 1986 เป็นนักฟุตบอลชาวฝรั่งเศส ที่เล่นตำแหน่งกองหน้าให้เชลซี ทีมในพรีเมียร์ลีก และทีมชาติฝรั่งเศส เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพกับทีมเกรอน็อบล์ ในลีกเดอซ์ ก่อนที่จะย้ายไปเล่นที่ตูร์เมื่อปี 2008 เพียงฤดูกาลที่ 2 ที่ตูร์เข้าได้ตำแหน่งดาวซัลโวโดยยิงได้ 21 ลูก ทำให้เขาได้ย้ายมาเล่นในลีกเอิง กับทีมมงต์เปลลิเย่ร์ ชิรูด์ก็ได้ตำแหน่งดาวซัลโวอีกเมื่อยิงได้ 21 ลูกในฤดูกาล 2011/12 ส่งผลใช้เขาได้ย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกกับทีม อาร์เซน่อล เขาพาทีมได้แชมป์เอฟเอคัพ ปี 2014-2015 และ 2017 รวมแล้วยิงได้กว่า 105 ประตูจาก 253 เกมให้ปืนใหญ่ เดือนมกราคม 2018 เขาย้ายไปร่วมทีมเชลซีด้วยการยืมตัว 18 เดือน ชิรูด์ได้ลงสนามให้ทีมชาติฝรั่งเศสในปี 2011 เขาลงเล่นกว่า 80 นัดและเป็นส่วนหนึ่งที่พาทีมเขาถึงรอบควอเตอร์ไฟนัลปี 2012 และฟุตบอลโลก 2014 และรอบชิงชนะเลิศปี 2016 ปีนั้นเขาได้รับรางวัลบรอนซ์บู๊ต (รองดาวซัลโซฟุตบอลยูโร) และสุดท้ายคว้าแชมป์โลก 2018 กับทีมชาติฝรั่งเศส

อาชีพนักเตะช่วงแรก

ชิรูด์เกิดที่เมืองชอมบูรี่ ในแคว้นโรห์น-แอลป์ ที่ใกล้กับหมู่บ้าน โฟรกส์ หรือจังหวัดเกรอน็อบล์ ชิรูตมีเชื้อสายอิตาเลียนตามย่าของเขา เขาเริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมบ้านเกิด โอลิมปิก เดอ โฟรกส์และใช้เวลาที่นั่น 6 ปีก่อนที่จะมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับทีมเกรอน็อบล์ด้วยวัย 13 ปีเท่านั้น

ระดับอาชีพ

เกรอน็อบล์

ชิรูด์อยู่ที่เกรอน็อบล์ 5 ปีโดยลงเล่นในทีมอคาเดมี่ ก่อนที่จะเซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ด้วยวัย 21 ปี ซึ่งเขากล่วว่า “เป็นการเซ็นสัญญาเพื่อเป็นนักฟุตบอลอาชีพเป็นครั้งแรกของผม ซึ่งผมจะพยายามพัฒนาความสามารถของตัวเองไปเรื่อยๆ ถ้าคุณเชื่อใจผม ผมจะตอบแทนคุณด้วยความสามารถที่ผมมี” ในฤดูกาล 2005-06 เขาได้รับการโปรโหมดขึ้นสู่ทีมสำรอง ที่ซึ่งเขาได้เล่นในช็องปิยงนาต์ เดอ ฟร้องซ์ หรือฟุตบอลดิวิชั่น 5 ฝรั่งเศส ชิรูด์เป็นนักเตะคีย์แมนของทีมอย่างรวดเร็วเมื่อยิงได้ 15 ประตูจาก 15 นัด เขาได้ลงสนามให้ทีมสำรองเพียงแค่ 7 เดือนเท่านั้นก็ได้ขึ้นชั้นมาเล่นทีมชขุดใญฆ่ของสโมสร เมื่อเดือนมีนาคม 2006 ภายใต้ผู้จัดการทีมเธ๊ยร์รี่ กูเด็ด โดยลงสนามเกมแรกวันที่ 27 มีนาคม ลงมาเป็นตัวสำรองท้ายเกมที่เสมอ เกอญง 1-1 ในฟุตบอลลีกเดอซ์ เขายังเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดใหญ่โดยได้ลงสนาม 5 เกมและเป็นตัวสำรองทั้งหมด

ชิรูด์ได้ขึ้นชั้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ถาวรเมื่อฤดูกาล 2006/07 ภายใต้ผู้จัดการทีมคนใหม่ เปตอง ปูลิกูเอ็น และนิโกล่า มาเกรี่ ที่มอบหมายเลขเสื้อเบอร์ 22 ให้เขา หลังจากนั้นเขาได้ลงสนามเป็นตัวสำรอง เกมที่พบ นิออร์ (แพ้ 2-1) , วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2007 เขายิงประตูแรกในฟุตบอลอาชีพช่วงทดเวลาบาดเจ็บเกมที่ชนะ เลอ อาฟร์ เขากล่าวถึงประตูนั้นว่า “เป็นความทรงจำที่ยอดเยี่ยมของผม ผมไม่คิดมาก่อนแลยว่าจะยิงประตูแรกในฟุตบอลอาชีพได้สำเร็จ” หนึ่งเดือนต่อมา ชิรูด์ได้ลงสนามเกมที่ 3 เกมพบเกอญง ในนัดนั้นเกมจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 แต่ชิรูด์ก็ถูกใบแดง บทสรุปฤดูกาลนั้นเขาลงสนาม 18 เกมยิงได้ 2 ประตูกับทีมและพาทีมจบอันดับที่ 5 ในฤดูกาล

ย้ายไปอิสตร์แบบยืมตัว

จากความพยายามหลายครั้ง ชิรูด์ได้ย้ายไปเล่นที่อิสตร์ด้วยการยืมตัว (เล่นในระดับชองปิยงนาต์ นาซิยงนาล) หรือระดับดิวิชั่น 3 ของฝรั่งเศส ภายใต้ผู้จัดการทีมเฟรเดอริค อาร์ปิยง เขายังคงพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องในตำแหน่งกองหน้า โดยที่เพียงเกมที่สองเท่านั้นเขาก็ยิงประตูแรกให้ทีมได้ เป็นเกมที่ชนะลาวัล 2-1, สองสัปดาห์ต่อมา ชิรูด์ยิงประตูเกมที่ชนะฟานส์และเกรไตล์ , เขายิงได้ 2 ประตูเป็นครั้งแรกเกมที่พบอาร์ก-อาวิญง (ชนะ 2-0), หลังจากนั้น เขายิงได้ 2 ลูกอีกครั้งเกมที่ชนะเปา 3-2 , เดือนพฤศจิกายนและธันวาคมเป็นเดือนที่เขายิงประตูไม่ได้เลย แต่เขาก็มายิงประตูเกมที่แพ้ฟานส์ 3-2 เกมชนะโบเว่ส์ 2-0 เขายิงประตูในเดือนเมษายนที่พบปารีสและมาร์ตินิกส์ ที่รวมแล้วเขาิงประตูให้อิสตร์กว่า 14 ประตู โดยเป็นการยิงสี่ประตูที่สต๊าด ปาร์เซแม็ง สนามเหย้าของอิสตร์ หลังจากประสบความสำเร็จในการย้ายไปเล่นแบบยืมตัว เขาก็กลับมาที่เกรอน็อบล์อีกครั้ง โดยลงสนามให้ทีมในฟุตบอลลีกเอิง แต่ว่าผู้จัดการทีมเมห์เม็ด บาซดาเรวิช ที่ย้ายเขาไปอยู่ที่อิสตร์ ก็ไม่ชอบเขาและขึ้นเขาไปอยู่ในบัญชีการย้ายทีม โดยโค้ชกล่าวว่า” เขายังไม่มีคุณภาพพอที่จะเล่นในระดับลีกเอิง” ปี 2011 ทำให้ชิรูด์ต้องหาทีมเล่นใหม่ ชิรูด์กล่าวว่า “ไม่รู้ว่าโค้ชคิดอย่างไรกับผม ผมคิดว่าผมมีความสามารถมากพอที่จะเล่นกับทีมได้ แต่ผมก็ต้องหาทีมใหม่ต่อไป”

ตูร์

วันที่ 28 พฤษภาคม 2008 มีรายงานว่าชิรูด์ตกลงย้ายไปเล่นที่ตูร์ (ทีมลีกเดอซ์) เป็นเวลา 3 ปี กองหน้ารายนี้เป็นที่ต้องการของผู้อำนวยการสโมสร มักซ์ มาร์ตี้ ที่เคยเป็นซีอีโอ ที่เกรอน็อบล์มาก่อน ชิรูด์เข้ามาเป็นลูกทีมของผู้จัดการทีมดาเนียล ซานเชซ ชิรูด์กล่าวว่า “เขาสอนให้ผมเป็นกองหน้าที่ดี คำแนะนำของเขาช่วยผมได้มากทีเดียว ผมต้องการจะตอบแทนเขาด้วยการยิงประตู” เขาได้สวมเสื้อหมายเลข 12 แต่ว่าช่วงต้นมีอาการเจ็บทำให้กว่าจะได้ลงสนามกับทีมก็ปาเข้าไปวันที่ 3 กันยายนเป็นเกมที่ทีมมีชัยเหนือนีมส์ 1-0, หนึ่งเดือนต่อมา ชิรูด์ยิงประตูแรกเกมที่พบล็องส์ จากประตูในครึ่งหลัง เขายิงประตูให้ทีมชนะ 3-1, สองสัปดาห์ต่อมา เขายิงประตูที่สามให้ทีมเกมชนะอฌักซิโอ้ ในรายการเฟร้นช์ คัพ เขายิงได้ 5 ประตูจาก 2 นัด และการแข่งขันในรอบที่ 8 เขายิงประตูเดียวให้ทีมชนะ 1-0 เหนือทีมกึ่งอาชีพ ปาซี่ย์ วัลลี่ส์ เดออูร์ จากนั้นทีมก็พบกับรียูนิอง เขายิงได้ 4 ประตูในเกมที่ชนะ 7-1, ตูร์ต้องตกรอบด้วยน้ำมือของลอริย็องต์ หลังกจาที่เขายิงสี่ประตูเกมที่พบ ฌอง ดากซ์ เกมนั้นทำให้ฟอร์มของเขาไปเข้าตา มงต์เปลลิเย่ร์ และเม็ตซ์ 2 ทีมจากลีกเอิงในที่สุด ต่อมาวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2009 เขายิงสองประตูเกมที่พบนีมส์

เขาได้รับบาดเจ็บ พลาดการลงสนามในฟุตบอลลีกสามนัด หลังจากนั้นเขาลงสนามเป็นตัวสำรองสองเกม เกมแรกวันที่ 3 เมษายนเกมพบอองเช่ร์ เขายิงประตูแรกให้ทีมชนะ 3-1 ต่อมาก็มาเจ็บจากการซ้อม และตูร์ยังต้องแข่งขันกับหลายทีมในการขึ้นขั้นไปเล่นลีกเอิง โดยถึงแม้ว่าจะขาดชิรูด์แต่ทีมก็ไม่แพ้สี่เกม เขาได้ลงสนามอีกครั้งเกมกับบูโลญจน์วันที่ 8 พฤษภาคม เขายิงประตูสุดท้ายให้ทีมในฤดูกาลนั้น แต่ว่าทีมก็ไม่สามารถผ่านขึ้นชั้นไปเล่นลีกเอิงได้ เขาจบฤดูกาลดับตูร์ด้วยการลงสนาม 275 นัดยิงได้ 14 ประตู ฤดูกาล 2009/10 เขาได้รับเลือกให้เป็นกองหน้าตัวหลักของทีม แทนที่การจากไปของ เตเนม่า เอ็นดิอาย ที่ย้ายไปน็องต์ เขาเริ่มต้นฤดูกาลอย่างร้อนแรงเมื่อยิงได้ 2 ประตูเกมที่เปิดฤดูกาลชนะเลอ อาฟร์ 2-1 ในฟุตบอลเฟร้นช์ ลีกคัพ ,วันที่ 18 สิงหาคม 2009 เขายิงประตูแรกในฟุตบอลลีกกับคู่แข่งทีมเดิม (เลอ อาฟร์) จากนั้นก็มายิงประตูแก็งก็องต์ , วันที่ 18 กันยายนเขายิงคนเดียวสี่ประตูเกมที่ชนะอาร์ก-อาวิญง 4-2 ซึ่งเขาเป็นนักเตะอาชีพคนที่สองที่ยิง 4 ประตูในเกมระดับอาชีพได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยทำได้มาก่อนเลย ต่อมาอีก 15 นัดในทุกรายการเขายิงได้ 10 ประตู และเขาเป็นกองหน้าที่ยิงประตูได้อย่างต่อเนื่องจากโอกาสเพียงไม่กี่ครั้ง ชิรูด์จบปี 2009 ด้วยการยิงได้ 16 ประตูและ 13 ประตูในนั้นเป็นฟุตบอลลีก

วันที่ 26 มกราคม 2010 มีรายงานว่ามงต์เปลลิเย่ร์ทีมจากลีกเอิง เซ็นสัญญาคว้าตัวชิรูด์ จากตูร์ ด้วยสัญญา 3 ปีครึ่ง ซึ่งค่าตัวในการย้ายทีมอยู่ที่ 2 ล้านยูโร แต่ว่ามงต์เปลลิเย่ร์จะให้เขามาเล่นกับตูร์จนจบฤดูกาล 2009/10 เสียก่อน เขายอมรับว่าการย้ายมาที่มงต์เปลลิเย่ร์เป็นเหมือนกำไรของผม “ผมคิดว่าที่นี่ (มงต์เปลลิเย่ร์) จะมีทีมงานสตาฟฟ์โค้ชที่ช่วยให้คุณเก่งขึ้นได้ และสโมสรยังมีศูนย์ฝึกที่ดี มีเรื่องของการักษาพยาบาลที่ดีสนามสวยงาม และมีผู้ชมเต็มสนาม” หลังจากที่เซ็นสัญญาเขาลงสนาม 3 สัปดาห์ต่อมายิงประตูไม่ได้เลย ก่อนที่จะยิงได้ 1 ประตู วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2010 เกมที่ชนะอาร์ก-อาวิญง , 2 สัปดาห์ต่อมาเขายิงอีก 1 ลูก เกมที่ชนะขาโต้รูซ์ , หนึ่งสัปดาห์ต่อมาเขายิงประตูให้ทีมมีชัยเหนือสตราส์บูร์ก หลังจากนั้นอีก 7 เกมเขาก็ยิงไม่ได้เลย ก่อนที่จะยิงได้เกมนัดสุดท้ายที่พบนีมส์ เขาจบฤดูกาลด้วยการลงสนาม 42 นัดยิงได้ 24 ประตู โดยในฟุตบอลลีกเขายิงได้ 21 ประตูได้ตำแหน่งดาวซัลโวของลีก หลังจากนั้นเขาก็ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของลีกเดอซ์ ในปีนั้น และติดทีมยอดเยี่ยมลีกเดอซ์ด้วย

มงต์เปลลิเย่ร์

ชิรูด์ ย้ายเข้าสู่มงต์เปลลิเย่ร์อย่างเป็นทางการ

ชิรูด์ ย้ายเข้าสู่มงต์เปลลิเย่ร์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2010 เข่ได้ลงสนามเกมฟุตบอลสโมสรยุโรปกับทีม ในวันที่ 29 กรกฎาคมซึ่งเป็นเกมเลกแรกของฟุตบอลยูฟ่า ยูโรป้าลีก รอบคัดเลือกรอบที่สาม กับทีมจากฮังการี กิยอร์ ในนัดนั้นชิรูด์ยิงประตูแรกให้ทีมในครึ่งแรก และสุดท้ายทีมก็ชนะด้วยประตูของชิรูด์ แต่ว่าก็ต้องมาโชคร้ายแพ้ในเกมที่สอง กอร์รวมสองนัดเสมอกันต้องเตะลูกโทษตัดสิน มงต์เปลลิเย่ร์แพ้ไป นัดแรกในฤดูกาลฟุตบอลลีกเอิงของทีม เตะกับบอร์กโดซ์ เกมนั้นมงต์เปลลิเย่ร์ชนะ 1-0, วันที่ 28 สิงหาคมเขายิงประตูแรกในฟุตบอลลีกเอิงเป็นเกมที่ออกไปเยือนวาล็องเซียน เกมนั้นทีมชนะ 1-0 , วันที่ 25 กันยายน ชิรูด์ยิงสองประตูเกมที่เปิดบ้านชนะ อาร์ก-อาวิญง ทำให้เขายิงประตูใส่อาร์ก-อาวิญงไปแล้ว 9 เม็ด หนึ่งสัปดาห์ต่อมามงต์เปลลิเย่ร์ต้องพบความพ่ายแพ้ต่อ ลีลล์ 3-1 แต่เขายิงประตูได้, เดือนพฤศจิกายน 2010 เขายิงประตูชัยทั้งสองนัดเกมที่ชนะตูลูสและนีซ

ในฟุตบอลถ้วย เฟร้นช์ ลีกคัพเขาพามงต์เปลลิเย่ร์เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศอย่างน่าเซอร์ไพรส์ โดยรอบรองชนะเลิศพวกเขาพบกับเปแอสเช และชิรูด์ได้ลงสนามตลอดทั้งเกม เกมนี้ยืดเยื้อถึงขั้นต่อเวลาพิเศษ และนาทีที่ 117 เขายิงประตูตัดสินชัยชนะส่งผลให้ทีมเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยเป็นครั้งแรก และนัดชิงชนะเลิศพวกเขาพบมาร์กเซย์ พวกเขาแพ้มาร์กเซย์หวุดหวิดจากการยิงประตูของตาเย่ ตาอิโว่ ชิรูด์ได้ลงสนามเต็มเกมเหมือนกัน (ถึงแม้ว่าจะยิงประตูไม่ได้) แต่ว่าก่อนหน้านี้เมื่อสองเดือนที่แล้ว เขาได้ลงสนามพบเปแอสเช และเป็นผู้ยิงประตูเสมอ 2-2 ในเกมที่ปาร์ค เดส แปรงซ์ ตลอดทั้งฤดูกาลเขายิงประตูทีมลุ้นแชมป์ด้วยกันอย่างมาร์กเซย์และลียงได้ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม มงต์เปลลิเย่ร์ก็แพ้ทั้งสองนัด หลังจากนั้นเขาจบฤดูกาลด้วยการเป็นดาวซัลโวของทีม วันที่ 31 พฤษภาคม 2011 ชิรูด์เซ็นสัญญากับทีมต่อไปจนถึงปี 2014

ชิรูด์ลงประเดิมสนามฤดูกาล 2011-12 ด้วยการยิงประตูในสองนัดแรก ของฤดูกาลโดยพบกับโอแซร์และทีมแชมป์เก่าลีลล์ มงต์เปลลิเย่ร์คว้าชัยชนะได้ทั้งสองนัดและเขาได้ยิงสองประตูเกมที่เสมอแบรนสต์ 2-2 หนังสือพิมพ์ฝรั่งเศส เลอ ปาริเซียงกล่าวว่าเขาเป็น “กองหน้าที่น่าจับตามองมาก” ซึ่งชื่อเล่นของเขาแสดงว่าเขาเป็นคนที่ยิงประตูได้ดี และสื่อหลายสำหนักต่างพากันชื่นชม เขาตลอด 18 นัดในทุกรายการ ชิรูด์ยิงได้ 13 ลูก ซึ่งเขายังมีเกมที่น่าประทับใจในการทำแฮตทริกเกมพบดิฌงและโซโชซ์ด้วย รวมถึงเกมที่ยิงประตูพาทีมมีชัยเหรือ น็องซี่ย์, ลียง , นีซ และประตูในฟุตบอลถ้วยเฟร้นช์คัพและเฟร้นช์ลีกคัพอีกอย่างละประตู

จากฟอร์มของเขากับทีมมงต์เปลลิเย่ร์ เป็นทีมนำจ่าฝูงในฟุตบอลีกเอิง เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2011 เมื่อเดือน 2012 ชิรูด์มีข่าวกับหลายสโมสรมากมาย ประธานสโมสรมงต์เปลลิเย่ร์ หลุยส์ นิโกแล็งกล่าวว่า “ทีมของเราอาจไม่ใหญ่พอ เมื่อเวลาผ่านไปเขาอาจย้ายทีมก็ได้” โดยมีการตั้งราคาค่าตัวเขาที่ 50-60 ล้านยูโร เขาออกสตาร์ทครึ่งฤดูกาลหลังด้วยการทำประตูใส่ลียง และนีซ 2 สัปดาห์ต่อมาทีมพบกับอฌักซิโอ้ เขาแอสซิสต์ประตูที่ 2 และยิงประตูปิดท้ายให้ทีมชนะ 3-0 , วันที่ 24 มีนาคม 2012 เขายิงประตู 1-0 เหนือแซงต์-เอเตียน ชัยชนะนัดนี้ทำให้มงต์เปลลิเย่ร์ขึ้นนำจ่าฝูง และมีโอกาสคว้าแชมป์ลีกเอิงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ชิรูด์จบฤดูกาลด้วยการยิงได้ 21 ประตู 9 แอสซิสต์ นอกจากนี้เขายิงประตูเท่ากับเนเน่ของปารีส แซงต์ แช็กแม็งต์ แต่ว่าเขาได้ตำแหน่งดาวซัลโวลีกเอิง เพราะว่ายิงประตูจากลูกโอเพ่นเพลย์ได้มากกว่า

อาร์เซน่อล

อาร์เซน่อลเป็นทีมที่ชนะการซื้อตัวโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

ฤดูกาล 2012/13

วันที่ 26 มิถุนายน 2012 อาร์เซน่อลเป็นทีมที่ชนะการซื้อตัวโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์โดยเขาเซ็นสัญญาระยะยาวกับทีม โดยมีค่าตัวในการย้ายทีมที่ 9.6 ล้านปอนด์ หรือ 12.4 ล้านยูโร เขาได้เสื้อหมายเลข 12 เขาลงสนามให้ทีมเดือนสิงหาคมลงมาแทนลูคัส โพโดลสกี้ เกมที่เปิดบ้านเสมอซันเดอร์แลนด์ในรายการพรีเมียร์ลีก และยิงประตูแรกให้ทีมวันที่ 26 กันยายน เกมนั้นชนะ 6-1 เหนือโคเวนทรี ซิตี้ในฟุตบอลลีกคัพ, ประตูแรกในพรีเมียร์ลีกเกิดขึ้นวันที่ 6 ตุลาคม เกมที่ชนะเวสต์แฮม 3-1 (โดยเขายิงประตูตีเสมอ 1-1 ) และจ่ายบอลให้ธีโอ วัลค็อตต์ยิงได้ด้วย, วันที่ 30 ตุลาคม อาร์เซน่อลสามารถคัมแบ็คในเกมที่สุดเหลือเชื่อ เมื่อกลับมาชนะเรดดิ้งในฟุตบอลลีก คัพหลังจากที่ตามหลัง 4-0 พลิกกลับมาชนะ 7-5 หลังจากต่อเวลาพิเศษ เกมนั้นเขายิงประตูที่ 2 ให้ทีม, ชิรูด์ยิงประตูแรกในแชมเปี้ยนส์ลีก ให้อาร์เซน่อลเกมที่เสมอ ชาลเก้ 2-2 วันที่ 6 พฤศจิกายน และอีก 4 วันต่อมาเขายิงประตู 3-3 เกมที่เปิดบ้านพบฟูแล่ม ด้วยฟอร์มการเล่นของเขาทำให้เขาติดทีมยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์ของพรีเมียร์ลีกด้วย

17 พฤศจิกายน เขายิงประตูที่ 3 ในเกมที่ชนะสเปอร์ส 5-2 และ 4 วันต่อมาเขาจ่ายบอลให้วิลเชียร์และโพโดลสกี้ยิงประตูเกมที่ชนะมงต์เปลลิเย่ร์ (ทีมเก่าของเขา) ขณะที่ทำให้ทีมผ่านเข้ารอบลึกๆ ของฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีกได้ต่อไป วันที่ 29 ธันวาคม 2012 ชิรูด์ยิงประตูได้และยิงบอลชนคานหนึ่งครึ่งเกม โดยเขาลงสนามนาที 80 แทนที่ของอเล็กซ์ ออกเล็ดซ์ แชมเบอร์เลน เกมนั้นอาร์เซน่อลชนะนิวคาสเซิ่ลได้ 7-3 ที่สนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

23 มกราคม ชิรูด์ลงสนามเกมที่อาร์เซน่อล พบเวสต์แฮม 5-1 และได้รับแมนออฟ เดอะ แมตช์เกมที่พบไบรท์ตัน เป็นเกมเอฟเอคัพรอบ 4 ในอีก 3 วันต่อมาก วันที่ 30 มกราคม ชิรูด์ลงสนามให้ อาร์เซน่อลเป็นเกมที่กลับมาเสมอได้ 2-2 หลังจากที่ถูกทีมหงส์แดงนำก่อน 2-0 (เป็นเกมในบ้านของลิเวอร์พูล) เกมนี้เขาโหม่งลูกฟรีคิกของวิลเชียร์และจ่ายบอลให้ธีโอ วัลค็อตต์ยิงประตูได้ด้วย เดือนมกราคมเขาได้รับรางวัลจากแฟนบอล อาร์เซน่อลว่าเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทีม

13 เมษายน 2013 เขาได้ลงสนามเกมที่ชนะนอริชที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เขายิงประตูจากจุดโทษตีเสมอให้ทีมนาที 85 และอีกไม่ถึง 5 นาทีทีมก็ยิงได้อีก 2 ลูกกลับมาชนะนอริชได้อย่างเหลือเชื่อ เกมนั้นส่งทีมขึ้นไปอยู่อันดับ 3 ของพรีเมียร์ลีก นำหน้าเชลซีและสเปอร์ส เขาได้รับใบแดงเกมที่พบฟูแล่ม และหมายความว่าเขาจะพลาดลงสนามสามเกมให้ อาร์เซน่อล สรุปบทส่งท้ายฤดูกาลนั้นเขายิงได้ 17 ประตู แอสซิสต์ 11 จากการลงสนาม 47 เกม

ฤดูกาล 2013/14

ชิรูด์ยิงประตูแรกให้ทีมเกมที่พบแอสตัน วิลล่าเกมนั้น ทีมแพ้ 3-1 เขายิงอีกประตูเกมนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ที่พบสเปอร์สเมื่อวันที่ 1 กันยายน, วันที่ 26 ตุลาคม ชิรูด์ยิงประตูที่สองเกมที่ชนะคริสตัล พาเลซ 2-0 และทำให้ทีมก้าวสู่ตำแหน่งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกได้ และเกือบหนึ่งเดือนต่อมาเขายิงสองลูกเกมพบเซาแธมป์ตัน ลูกแรกคือฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของอาร์เธอร์ โบรุช, และลูกที่ 2 เป็นการยิงลูกโทษ (ทีมชนะ 2-0) ต่อมาปลายปี 2013 ปืนใหญ่พบนิวคาสเซิลเขาโหม่งบอลจากการเปิดฟรีคิกของธีโอ วัลค็อตต์ ทำให้ทีมเบียดชนะ 1-0 และขึ้นสู่ตำแหน่งจ่าฝูงอีกครั้งในปี 2014 จากนั้นเขายิงประตูได้อีกครั้งหลังจากที่หายเจ็บข้อเท้า เกมที่พบแอสตัน วิลล่าเกมจบลงด้วยชัยชนะของทีม 2-1

วันที่ 8 มีนาคม 2014 ชิรูด์ยิง 2 ประตูเกมที่พบเอฟเวอร์ตัน ในเอฟเอคัพรอบควอเตอร์ไฟนัล เกมนั้นปืนใหญ่ชนะ 4-1 , วันที่ 12 เมษายน เขายิงได้หนึ่งลูกจากจุดโทษเกมที่พบวีแกน ส่ง อาร์เซน่อลเข้ารอบชิงชนะเลิศเอฟเอฟคัพที่เวมบลีย์ วันที่ 17 พฤษภาคม เขาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเกมที่ทีมชนะฮัลล์ได้ 3-2 และเป็นคนเปิดบอลให้อารอน แรมซี่ย์ ยิงประตูชัยให้ทีม ทำให้ อาร์เซน่อลคว้าแชมป์เอฟเอคัพไปครองอีกสมัย

ฤดูกาล 2014/15

ชิรูด์ ออกสตาร์ทฤดูกาลด้วยการยิงลูกที่สาม เกมที่ อาร์เซน่อล ชนะแมนซิตี้ 3-0 ในคอมมูนิตี้ ชิลด์ โดยเป็นการยิงจากระยะ 25 หลาผ่านมือวิลลี่ กาบาเยโร่โกลชาวอาร์เจนตินาเข้าไป ดังนั้นนี่เป็นแชมป์คอมมูนิตี้ ชิลด์ครั้งที่สองของเขากับทีมแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะลงสนามมาในช่วงพักครึ่ง แต่ว่าเขาก็ได้รับแมน ออฟ เดอะแมตช์ จากนั้นเขายิงประตูเกมเสมอเอฟเวอรัตน 2-2 วันที่ 22 สิงหาคม แต่ว่าก็ต้องเจ็บแข้งซ้ายชวดลงสนามไปกว่า 4 เดือน

วันที่ 30 กันยายน 2014 เขาฉลองวันเกิดครอบรอบ 28 ปีด้วยการเซ็นสัญญากับ อาร์เซน่อลต่อไป จะทำให้เขาอยู่กับทีมถึงปี 2018 และได้รับเงินค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นเป็น 80000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เขาได้กลับมาลงสนามเร็วกว่าที่คาดไว้ โดยลงมาแทนที่ของอารอน แรมสซี่ย์ใน 13 นาทีสุดท้ายของเกมที่เปิดบ้านแพ้ต่อแมนยู 1-2 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน เกมนั้นเขายิงให้ทีมช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จากนั้นเขายิงได้สองลูกเกมที่ชนะนิวคาสเซิล 4-1 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม , อีก 13 วันต่อมา เขาถูกใบแดงไล่ออกจากสนามเกมที่ อาร์เซน่อลชนะควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส 2-1 โดยไปเฮดบัตต์ใส่เนดุม โอนูโอฮา หลังจากที่เขาถูกผลักก่อน , เขากลับมาลงสนามหลังจากที่ถูกแบน 3 เกมในเกมที่เปิดบ้านชนะสโต๊ค ซิตี้ 3-0 วันที่ 11 มกราคม

วันที่ 18 มกราคม เขายิงประตูที่ 2 เกมชนะแมนซิตี้ 2-0 ทำให้ปืนใหญ่ชนะที่อิตติฮัด สเตเดี้ยมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2010 ,ต่อมาฟอร์มของเขาก็ยังร้อนแรงต่อเนื่องเมื่อยิงประตูแรกและจ่ายบอลให้โอซิลยิงลูกที่สองเกมชนะแอสตัน วิลล่า 5-0 ในพรีเมียร์ลีก

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ เขายิงได้ 3 ประตู ใน 3 นาทีให้ อาร์เซน่อลชนะมิดเดิ้ลสโบร์ช 2-0 ผ่านเข้ารอบควอเตอร์ไฟนัลในฟุตบอลเอฟเอคัพ ประตูแรกที่เขายิงเป็นลูกที่นักเตะของมิดเดิ้ลสโบร์ชไม่ได้บอลเลย

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ เขาลงสนามในนาที 60 เกมที่ปืนใหญ่แพ้ต่อโมนาโก 3-1 ในแชมเปี้ยนส์ลีกเกมนั้นเขาพลาดโอกาสทองเยอะมาก 4 วันต่อมา วันที่ 1 มีนาคม เขายิงประตูให้ปืนใหญ่เป็นลูก 1-0 เกมที่ชนะเอฟเวอร์ตัน 2-0 ,เขายังยิงได้อีกหนึ่งลูกเกมที่พบ ควีนสปาร์ค เรนเจอร์, เวสต์แฮมและยิง 2 ประตูเกมพบนิวคาสเซิล ต่อมาเกมที่มาพบโมนาโกอีกครั้งในแชมเปี้ยนส์ลีก เขาก็ยิงได้อีกทำให้เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมเดือนมีนาคม , วันที่ 4 เมษายน เขายิงประตูที่ 4 ให้ทีมเกมเปิดบ้านชนะลิเวอร์พูล 4-1

วันที่ 30 พฤษภาคม เขายิงประตูให้ทีมปืนใหญ่ เป็นประตูที่ 4 หลังจากที่ลงสนามเป็นตัวสำรองเกมนั้นทีมชนะ 4-0 เหนือแอสตัน วิลล่า ที่สนามเวมบลีย์ สเตเดี้ยม (เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ)

ฤดูกาล 2015/16

เขายิงประตูแรกให้ อาร์เซน่อลได้ในฤดูกาลยนั้น เป็นการยิงแบบสลับขาจากการเปิดให้ของ เมซุต โอซิล เกมที่พบพาเลซ แต่นัดนั้นทีมแพ้ 2-1 , วันที่ 20 ตุลาคม 2015 เขาเป็นตัวสำรองลงมายิงประตูแรกเกมที่ชนะ 2-0 เหนือบาเยิร์น มิวนิค ในรายการแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2015/16 รอบแบ่งกลุ่ม , วันที่ 9 ธันวาคม เขายิงประตูแฮตทริกเกมที่ชนะโอลิมเปียกอส 3-0 โดยก่อนเกมทีมต้องการชนะด้วยผลต่าง 2 ประตูเพื่อเข้ารอบต่อไป และทีมก็ทำได้สำเร็จ เขายิงประตูแรกในเกมที่ชนะแอสตัน วิลล่า 2-0 ในอีก 4 วันต่อมา เขาเป็นนักเตะอาร์เซน่อลคนที่ 7 ที่ยิงประตูให้ทีมได้ในพรีเมียร์ลีกครบ 50 ลูก, วันที่ 8 มีนาคม ชิรูด์สิ้นสุดสถิติปืนฝืด 12 นัดด้วยการยิงประตูเกมที่ชนะฮัลล์ ซิตี้ 4-0 ฟุตบอลเอฟเอ คัพนัดรีเพลย์

วันที่ 8 พฤษภาคม 2016 เขายิงประตูเกมที่เสมอ แมนซิตี้ 2-2 ที่สนามซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี้ยมทำให้เขาหยุดสถิติที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกไม่ได้กว่า 15 เกม เขายังแอสซิสต์ให้เพื่อนยิงประตูที่ 2 ในเกมนั้น จ่ายให้อเล็กซิส ซานเชซ หนึ่งสัปดาห์ต่อมาเป็นนัดสุดท้ายของทีมในฤดูกาลนั้น เขายิงแฮตทริกเกมที่ชนะแอสตัน วิลล่า จบฤดูกาลด้วยการยิง 16 ประตูในพรีเมียร์ลีก และ 24 ลูกในทุกรายการ

ฤดูกาล 2016/17

เขาลงสนามเพียง 3 เกมจาก 9 เกมแรกของ อาร์เซน่อล โดยส่วนมากจะลงมาเป็นตัวสำรองด้วย วันที่ 29 ตุลาคม 2016 ลงสนามนาที 69 เกมนัดที่ 10 ของพรีเมียร์ลีก เขายิงได้ 2 ประตูจากการสัมผัสบอลเพียงสองครั้ง เกมนั้นทีมชนะซันเดอร์แลนด์ได้ 4-1 (เกมเยือน) , วันที่ 19 พฤศจิกายน ชิรูด์ยิงประตูนาที 89 พาทีมตีเสมอแมนยู 1-1 ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด วันที่ 26 ธันวาคม เขายิงประตูเกมเปิดเบ้านชนะเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 1-0 ซึ่งเป็นการออกสตาร์ทตัวจริงนัดแรกของเขาในพรีเมียร์ลีก ,วันที่ 1 มกราคม 2017 เขาทำประตูจากลูกตอกส้น (สกอร์เปี้ยน คิก) เกมที่ชนะคริสตัล พาเลซ 2-0 และทำให้อาร์แซน เวนเกอร์ กล่าวว่าเป็นประตูที่สวยที่สุดที่เขาเคยเห็นมาที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม และต่อมาประตูนี้ได้รับรางวัลเฟเร้นซ์ ปุสกัส อวอร์ดในปีนั้น

วันที่ 12 มกราคม 2017 ชิรูด์กับเพื่อนร่วมทีม ฟรานซิส โกเกอแล็งและโลร็องต์ กอสเซียลนี่ เซ็นสัญญาระยะยาวกับ อาร์เซน่อลต่อไป ช่วงที่ลงแข่งฟุตบอลเอฟเอคัพ 2017 กับเชลซีที่เวมบลีย์ ชิรูด์ลงสนามมานาที 78 และยิงประตูตีเสมอให้ทีมเป็น 1-1 หลังจากนั้นนาทีเดียวเขาก็เปิดบอลให้อารอน แรมซี่ย์ยิงประตูชัย ทำให้ปืนใหญ่คว้าถ้วยเอฟเอคัพ เป็นครั้งที่ 13 ในประวัติศาสตร์

ฤดูกาล 2017/18

วันที่ 28 กันยายน 2017 อาร์เซน่อลลงสนามฟุตบอลยูโรป้าลีก รอบแบ่งกลุ่มเกมเยือนบาเต้ บอริซอฟ ชิรูด์ยองประตูที่ 100 ให้สโมสรและเกมนั้นปืนใหญ่ชนะไป 4-2

เชลซี

ชิรูด์เขาเซ็นสัญญาย้ายทีมไปที่เชลซีด้วยค่าตัวที่ไม่เปิดเผย

วันที่ 31 มกราคม 2018 เขาเซ็นสัญญาย้ายทีมไปที่เชลซีด้วยค่าตัวที่ไม่เปิดเผย เขาลงสนามเกมแรกใหทีมในอีกห้าวันต่อมา ในพรีเมียร์ลีกเกมเยือนวัตฟอร์ด ซึ่งเขาลงสนามนาที 64 แทนที่ของเปโดร อย่างไรก็ตามเกมนั้นเชลซีแพ้ 4-1 วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ชิรูด์ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเกมแรกให้ทีมเขาแอสซิสต์ให้เอแด็ง อาซาร์ เกมที่เปิดบ้านชนะเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 3-0 เขายิงประตูแรกให้ทีมเกมพบฮัลล์ ในเอฟเอคัพรอบ 5 ทีมชนะฮัลล์ได้ 4-0 ,วันที่ 14 เมษายน ชิรูด์ลงสนามมาเป็นตัวสำรองยิงได้ 2 ประตู เกมที่พลิกกลับมาชนะเซาแธมป์ตันได้ 3-2 จากที่ตามหลัง 2-0 ที่สนามเซนต์ แมรี่ส์ สเตเดี้ยม โดยเป็นครั้งแรกที่เขายิงให้เชลซีในพรีเมียร์ลีกด้วย

ฤดูกาล 2018/19

วันที่ 8 พฤศจิกายน ชิรูด์ได้ลงสนามกับเชลซีเกมที่เยือน บาเต้ บอริซอฟในเกมที่สี่ของฟุตบอลยูโรป้าลีก รอบแบ่งกลุ่ม เกมนั้นมีเพียงประตูเดียว และทำให้เชลซีผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ของฟุตบอลรายการนี้ต่อไป เขายิงประตูในฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในเกมที่ทีมแพ้สเปอร์ส 3-1 (เกมเยือน) วันที่ 24 พฤศจิกายน, จากนั้นเขายิงได้สี่ประตูในสามเกม เริ่มจากเปิดบ้านพบพีเอโอเค เชลซีชนะ 4-0 เป็นนัดที่ 500 ในฟุตบอลาอาชีพ เขายิงฟรีคิกตีเสมอให้ทีมและเกมนั้นทีมก็กลับมาชนะได้ แมตช์ต่อมาพบโมล วิดี้ที่อารีน่า ซอสโต้ ซึ่งจบลงที่ 2-2

ระดับทีมชาติ

ชิรูด์ได้ลงสนามในเกมทีมชาติชุดใหญ่

ชิรูด์ได้ลงสนามในเกมทีมชาติชุดใหญ่โดยที่เขาไม่เคยลงเล่นเกมระดับเยาวชขนมาก่อนเลย ปี 2001 เขาถูกเรียกติดทีมชาติฝรั่งเศสยู 16 ยุคเดียวกับโยฮันน์ กูร์กคูฟฟ์ ,โยฮัน กาบาย, ซิลแว็งซ์ มาร์กโวซ์ ภายใต้โค้ชปิแอร์ มานคอฟสกี้ ที่ให้เขาเข้ามาร่วมฝึกซ้อมกับทีมที่แค้มป์ แกลร์กฟงแตน แต่ว่าเขาไม่มีโอกาสลงสนามในช่วงปี 2001-12 กับทีมเลย

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2011 ด้วยความที่เขาเล่นกับสโมสรได้ดีกับมงต์เปลลิเย่ร์เขาได้มีโอกาสถูกเรียกตัวเข้าทีมชาติฝรั่งเศสในยุคของกุนซือโลร็องต์ บล็องก์ ที่พยายามเรียกศูนย์หน้าหลายคนมาเทสต์ รวมถึงตัวเขาด้วยเป็นเกมกระชับมิตรที่พบอเมริกาและเบลเยียม วันที่ 11 และ 15 พฤศจิกายน ตามลำดับ เขากล่าวว่าการติดทีมชาติ “เป็นความฝันในวัยเด็กของผมเลย” ซึ่งเขาได้ออกสตาร์เกมทีมชาติกับอเมริกาโดยลงสนามมาเป็นตัวสำรองเกมนั้นฝรั่งเศสชนะ 1-0 และเกมที่พบเบลเยียมเขาก็ได้ลงเป็นตัวสำรองเช่นกันเกมนั้นเสมอกัน 0-0

วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2012 ชิรูด์ลงสนามในนามทีมชาติชุดใหญ่เต็มเกมในเกมที่เล่นกับเยอรมันและชะนได้ 2-1 สามเดือนต่อมา เขามีชื่อลงแข่งขันในฟุตบอลยูโร 2012 และก่อนทัวร์นาเม้นต์จะเริ่ม เขาได้ลงสนามเกมอุ่นเครื่องกับไอซ์แลนด์ เขาแอสซิสต์ได้สองประตูในเกมที่ชนะ 3-2

วันที่ 16 ตุลาคม 2012 เขายิงประตูตีเสมอให้ทีมในเกมกับสเปน ฟุตบอลโลกรอบคัดลือก โดยลงสนามมานาที 88 เขาโหม่งลูกเปิดของฟร้องก์ ริเบรี่เข้าประตูในนาทีที่ 4 ของช่วงทดเวลาเจ็บ ประตูนั้นทำให้เขาเล่นได้ดีและเรียกความมั่นใจกลับคืนมาด้วย โดยเขาได้ลงสนามกับเพื่อนร่วมทีม อาร์เซน่อล โลร็องต์ กอสเซียลในเกมกระชับมิตรที่พบอิตาลี วันที่ 14 พฤศจิกายน เกมนั้นเขามีโอกาสไม่มากนักแต่ก็พาฝรั่งเศสกลับมาชนะอิตาลีได้ 2-1 (เขาลงสนามในครึ่งหลังร่วมกับนักเตะคนอื่นอีก 5 คน) ,ต่อมาเขายิงสองลูกเกมที่ชนะออสเตรเลีย 6-0 บอลกระชับมิตรในวันที่ 11 ตุลาคม 2013

วันที่ 13 พฤษภาคม 2014 ชิรูด์มีชื่อในทีมของดิดิเยร์ เดส์ชองป์ไปเล่นฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล เขาได้ลงสนามครึ่งหลังเกมที่พบฮอนดูรัส และได้ลงเต็มเกมเกมที่พบสวิตเซอร์แลนด์ เขายิงประตูแรกนาที 17 และเป็นประตูที่ 100 ของฝรั่งเศสในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย โดยจบเกมฝรั่งเศสชนะทีมแดนนาฬิกา 5-2 ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์

เกมเปิดสนามฟุตบอลยูโร 2016 วันที่ 10 มิถุนายน 2016 ฝรั่งเศสชนะโรมาเนีย 2-1 เขาติดทีมชาตินัดที่ 50 โดยลงสนามเป็นสิบเอ็ดคนแรกและได้เล่นทุกนาทีด้วย เขายิงประตูแรกจากการเปิดของดิมิทรี ปาเยต์ครอสบอลเข้ามานาทีที่ 57 และยิงประตูในเกมที่ชนะไอซ์แลนด์ 5-2 ในรอบควอเตอร์ไฟนัล จากนั้นรอบชิงชนะเลิศ พวกเขาแพ้ต่อโปรตุเกส 1-0 เขาจบทัวร์นาเม้นต์ด้วยการเป็นดาวซัลโวอันดับสาม ยิงได้ 3 ประตูลิแอสซิสต์ 2 ครั้งได้รับรางวัล บรอนซ์ บู๊ต ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกกับลักเซมเบิร์กเดือนมีนาคม 2017 ฝรั่งเศสชนะ 3-1 เขายิงได้ 2 ลูก รวมแล้วยิงให้ทีมชาติกว่า 23 ลูกอยู่อันดับ 10 ของดาวซัลโวทีมชาติตลอดกาล

วันที่ 2 มิถุนายน 2017 เขายิงแฮตทริกเกมที่ โรอาซอน ปาร์คให้ฝรั่งเศสเกมที่พบปารากวัย เกมนั้นจบลงด้วยชัยชนะของเจ้าบ้านที่ 5-0 เขาเป็นนักเตะคนแรกของฝรั่งเศสที่ทำแฮตทริกได้ในรอบ 17 ปี

วันที่ 17 พฤษภาคม 2018 เขามีชื่อติดทีมชาติ 23 คนไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย วันที่ 28 พฤษภาคม 2018 เขายิงประตูที่ 31 ใหทีมชาติเกมเปิดบ้านพบไอร์แลนด์ ทำให้เขายิงประตูเท่ากับซีเนอดีน ซีดาน และเป็นนักเตะอันดับ 4 ตลอดกาลของฝรั่งเศส เขาได้รับบทบาทใหม่ในการยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า เล่นร่วมกับอองตวน กรีซมันน์และคีลิยัน เอ็มบัปลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 แต่ว่าตลอด 7 นัดเขายิงประตูไม่ได้เลย ทั้งที่มีโอกาสยิง 13 ครั้ง แต่ว่าเขาก็มีส่วนร่วมในการทำประตูของกรีซมันน์และเอ็มบัปเป้ (4 ประตู) วันที่ 30 มิถุนายน ชิรูด์จ่ายบอลให้เอ็มบัปเป้ยิงประตูที่สองเกมที่ชนะฟ้า-ขาวอาร์เจนตินา 4-3 และเกมรอบชิงชนะเลิศ ที่ชนะโครเอเชีย 4-2 เขาพาฝรั่งเศสเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งที่สองได้สำเร็จ

สไตล์การเล่น

ชิรูด์เป็นนักฟุตบอลที่ชอบเล่นเกมบุกมากกว่า ดังนั้นบางครั้งเขาจะได้รับมอบหมายให้เป็นกองหน้าตัวเป้าหรือกองหน้าตัวกลาง ซึ่งเขาก็เคยเล่นกองหน้าตัวที่สองหรือระบบ false-9 เขาเป็นกองหน้าที่ทำงานหนัก แต่ว่าอัตราการยิงประตูของเขาต้อเกมไม่เยอะเท่าไหร่ เขาเป็นกองหน้าที่รูปร่างดี สูง ลูกกลางอากาศก็เล่นได้ดี ยิงประตูคม ยิงบอลได้อย่างมีพลัง สามารถเป็นตัวพักบอลได้ หรือจะเคลื่อนที่ไปที่ว่างเพื่อหลอกคู่ต่อสู้ก็ได้ เขามักจะเป็นกองหน้าที่หลอกให้ตัวประกบวิ่งตาม เพื่อเปิดช่องให้เพื่อนยิงประตู

นอกสนามฟุตบอล

ชีวิตส่วนตัว

ชิรูด์เป็นพี่ชายคนโต โดยเขามีน้องข้ายชื่อโรแม็ง ที่เป็นนักฟุตบอลเหมือนกัน น้องของเขาเล่นกับอคาเดมี่ของโอแซร์ และเป็นนักฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศสยู 15 และ ยู 17 ตามแบบอย่างของเธียร์รี่ อองรี, ดาวิด เทรเซเก้ต์และนิโกล่า อเนลก้า แต่ว่าสุดท้ายน้องชายของเขาก็เลือกเรียนหนังสือมากกว่าและปัจจุบันเป็นนักโภชนาการไปแล้ว

ชิรูด์แต่งงานกับเจนนิเฟอร์ตั้งแต่ ปี 2011

ชิรูด์แต่งงานกับเจนนิเฟอร์ตั้งแต่ ปี 2011 มีลูกสาวชื่อเจด เกิดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2013 ชิรูด์นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก ดังนั้นเขาจึงสักไว้ที่แขนขวาเป็นภาษาลาตินว่า “Dominus regit me et nihil mihi deerit” (“The Lord is my shepherd; I shall not want”). ซึ่งหมายความว่าเขาเชื่อในพระเจ้า และจะสวดมนต์เล็กน้อยก่อนที่จะลงสนามทุกครั้ง เดือนกุมภาพันธ์ 2014 มีรายงานว่าเขาร่วมหลับนอนกับนางแบบที่ชื่อ ซีเลีย เคย์ แต่หลังจากนั้นเขาออกมาขอโทษต่อภรรยาของเขา ซึ่งอาร์แซน เวนเกอร์ก็ไม่ได้ใหความเห็นในเรื่องนี้เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนตัวของนักเตะ

สื่อ

ปี 2013 เขาได้ถ่ายปฏิทินเพื่อการกุศล ปี 2014 เขาเป็นพรีเซนเตอร์ของฮูโก้ บอสส์ และเดือนกุมภาพันธ์ 2015 ชิรูตืได้รับการโหวตว่าเป็นนักเตะที่เซ็กซี่ที่สุดในพรีเมียร์ลีก จากการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร GQ เขากล่าวว่า “เดวิด เบ๊คแฮม เป็นอรงบันดาลใจในการแต่งตัวของเขา”

ชิรูด์เป็นสปอนเซอร์ของพูม่า ตั้งแต่ปี 2009 เขากับอองตวน กรีซมันน์ได้ร่วมกันเป็นเจ้าของรุ่นของพูม่าและถูกปล่อยออกมาเมื่อเดือนสิงหาคม 2016 ซึ่งเขามีชื่อในเกมของฟีฟ่า 16 ด้วย หลังจากที่เขายิงประตูได้เขาจะกล่าวว่าเป็นเพราะรองเท้าพูม่าที่ใส่ได้สบายเท้านั่นเอง