หลังจากที่ ริชาร์ดส์ ได้เห็นผลงานของ “มันโช่” ที่คุมทีมชาติอิตาลีเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในยูโร 2020 เขาก็อดไม่ได้ที่จะเขียนถึง มันชินี่ ผ่านทาง Daily Mail เพื่อยกย่องตำนานผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้“ผมสงสัยว่าทำไมถึงต้องมีคนบางคน ที่จ้องแต่จะกล่าวหาผมว่ามีอคติเมื่อผมได้พูดถึง โรแบร์โต้ มันชินี่ ความสัมพันธ์ของผมกับเขาไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย คุณกำลังเฝ้าดูหนึ่งในผู้จัดการที่เก่งที่สุดในโลกอยู่ไม่ใช่เหรอ ผมเองก็เห็นเขาเป็นแบบนั้นจริงๆ และมันก็ทำให้ผมงงว่าทำไมทีมเช่น ท็อตแนม และ เอฟเวอร์ตัน ถึงไม่ลองตั้งเป้าไปที่เขาบ้างผู้จัดการทีมแบบเขาคือผู้จัดการที่ยอดเยี่ยม เขามีความสามารถในการพัฒนาผู้เล่น ผมจำได้ว่าตอนที่ มันชินี่ เข้ามาทำงานที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตอนนั้นเขากับผมแทบจะไม่มองหน้ากันด้วยซ้ำ เพราะพวกเราต่างก็มีนิสัยที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง”
“แต่สุดท้าย ผมก็เปลี่ยนความคิดมันได้ในทันทีในการเล่นให้กับเขา คุณต้องเข้าใจถึงความใส่ใจในรายละเอียดของเขา คุณต้องทำตามในสิ่งที่เขาต้องการ เพราะถ้าคุณไม่ทำ คุณก็จะไม่ได้ลงเล่น เขาไม่หยุดยั้งการพัฒนาของคุณเลย เขาท้าทายคุณทางจิตใจเสมอ เป็นหลักจิวิทยาของเขา และเพื่อนร่วมทีมบางคนเคยพูดให้ผมฟังว่า ความรู้สึกมันเหมือนกับว่า ถูกพาตัวกลับไปอยู่ในโรงเรียนเลย เพราะด้วยวิธีการสอนของเขามันเหมือน อาจารย์-ลูกศิษย์มันชินี่เปลี่ยนทุกอย่างที่ซิตี้ การฝึกได้ย้ายไปเป็นตอนบ่ายแก่ๆ การกินอาหารที่โรงอาหารนั้นแตกต่างออกไปจากเดิม เขาจะเดินไปรอบๆ เพื่อดูว่านักเตะแต่ละคนมีอะไรบ้างในจานของพวกเขา และในฐานะที่ผมเป็นคนที่กินมังสวิรัติอยู่แล้ว ผมก็เลยไม่ค่อยมีปัญหา แต่เขาก็จะพูดกับผมเสมอถึงความสำคัญของอาหารที่ดีมีคุณภาพ มันส่งผลต่อพลังงานและกล้ามเนื้อ”
“เขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของคุณเลย คุณจะชอบดื่มเบียร์หรือทำอะไรมา เขาจะไม่ว่าแต่เท่าที่ผมรู้มาก็คือ เขาเป็นคนไม่ดื่ม ไม่สูบ ดูแลตัวเองดีมากๆ ก็ลองดูสิว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไรในตอนนี้ เขาอายุ 56 ปีแล้ว แต่เขากลับยังดูหนุ่มแน่น เขาจริงจังกับมันมากแค่ไหนในเรื่องการรักษาสุขภาพคุณจะเห็นเขาออกกำลังกายในยิมเสมอ เขามีจักรยานเสือหมอบ เขาจะออกไปวิ่ง ชอบออกกำลังกายโดยเน้นที่ส่วน ‘หน้าท้อง’ เขาเคยทำซิทอัพติดต่อกันให้ผมดูด้วย และเขาก็ไม่กลัวที่จะฝึกชกมวยด้วยความปรารถนาของเขาแต่ละอย่างนั้นมันดูไร้ที่ติจริงๆ ความปรารถนาของ มันชินี่ ก็คือการทำให้ทีมของเขาไม่แพ้ใคร หากคุณยอมทำตามแนวทางของ มันชินี่ และแสดงความจงรักภักดีต่อเขา เขาก็จะอยู่ที่นั่นเพื่อสนับสนุนคุณเสมอ เขาไม่เคยลืมคนที่ช่วยเหลือเขา และคุณจะเห็นได้ว่าสตาฟฟ์โค้ชของทีมชาติอิตาลี รักเขาแค่ไหน”
“มันเป็นบทเรียนที่สำคัญในประวัติศาสตร์สำหรับผม ผมเคยได้เห็นเขายืนเล่นเป็นกองหน้าอยู่เคียงข้าง จานลูก้า วิอัลลี่ แม้แต่ในทีมชาติอิตาลีตอนนี้ที่ทั้งคู่ได้ทำงานร่วมกันในฐานะทีมงานโค้ชด้วย ทั้งคู่เก่งกาจพอกันผมจำได้ว่า มันชินี่ มักจะบอกให้เราทุกคนรู้เสมอว่าในอดีตนั้น เขาเป็นผู้เล่นระดับแนวหน้า — บ่อยครั้งที่เขามักจะท้าทายพวกผมว่า ‘ไหนไอ้หนุ่ม โชว์เทคนิคของแกให้ดูหน่อยสิ’ เขาจะถามคุณแบบนั้นด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเสมอ – เขาชอบการโชว์สกิลส่วนตัวของนักเตะ และเขาเองก็โชว์อะไรเด็ดๆให้พวกเราได้เห็นอยู่บ่อยๆเช่นกันเมื่อตอนที่ผมมีปัญหาอาการบาดเจ็บหัวเข่าผมต้องไปที่อิตาลีเพื่อพบกัศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เชื่อเถอะว่ากับผู้จัดการทีมบางคน เมื่อคุณได้รับบาดเจ็บ พวกเขาอาจจะทำเป็นมองไม่เห็นและไม่สนใจ แต่ว่า มันชินี่ กลับโทรหาผมในตอนที่ผมอยู่ที่นั่นแล้วถามผมว่า ‘ไมคาห์ นั่นแกใช่ไหม มีอะไรที่แกต้องการให้ผมช่วยรึเปล่าล่ะ ถ้าแกต้องการให้ผมช่วยอะไร ผมจะบินไปหาเลย’ เขากล่าวแบบนั้น มันเป็นท่าทางที่ผมไม่เคยลืมเลยถึงทั้งคู่จะไม่ได้เจอหน้ากันมานานแล้ว อาจจะเคยเขม่นกันในช่วงแรกๆที่ได้ร่วมงานกัน แต่สุดท้ายนั้นคนที่ไมคาห์รับรู้ได้ว่าห่วงใยเขาที่สุด เข้าใจเขาที่สุดก็หนีไม่พ้น “มันโช่” คนนี้นั่นเอง