โธมัส เฮสเลอร์ ราชาลูกนิ่งผู้ซึ่งเป็นได้แค่ “พระรอง” ในสโมสร

โธมัส เฮสเลอร์ ราชาลูกนิ่งผู้ซึ่งเป็นได้แค่ “พระรอง” ในสโมสร

ถ้าหากว่าเราจะพูดถึงนักเตะสักรายที่ชีวิตนี้เป็นได้แค่พระรอง เจอกับการคว้ารองแชมป์มาแล้วสารพัดทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ เราคงจะนึกถึงนักเตะที่มีชื่อว่า มิชาเอล บัลลัค ตำนานมิดฟิลด์กัปตันทีมชาติเยอรมันที่เคยค้าแข้งกับทีมชั้นนำมาแล้วมากมายใช่ … บัลลัค เคยคว้าแชมป์มาหลายรายการกับ บาเยิร์น มิวนิค และ เชลซี แต่ทว่ามันก็มีอยู่หลายครั้งเลยทีเดียวที่เขาได้ “รองแชมป์” ไปครอง ซึ่งนั่นก็คือในสมัยที่เขาอยู่กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่ซึ่งเขได้“ทริปเปิ้ลรองแชมป์” ไปครองในฤดูกาล 2001-02 โดยเขาได้ทั้ง รองแชมป์ฟุตบอลถ้วย เดเอฟเบ โพคาล 2001-02 , รองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2001-02 และไม่พอยังอุตส่าห์ได้รองแชมป์ฟุตบอลโลก 2002 ในนามทีมชาติเยอรมันอีก แม้แต่ในปี 2008 ก็ยังได้แค่รองแชมป์ยูโร 2008 เท่านั้นแต่เชื่อหรือไม่ว่า มีนักเตะอีกรายหนึ่งที่ซวยหนักกว่าบัลลัค เพราะเขาไม่เคยได้แชมป์ในระดับสโมสรเลย เคยสัมผัสแค่แชมป์ฟุตบอลถ้วยในนามทีมชาติเยอรมันเท่านั้น บัลลัค นี่ยังมีแชมป์ระดับสโมสรให้เชยชมอยู่หลายรายการ และนักเตะที่เราจะพูดถึงก็คือ “ยอดคมแสนคม” โธมัส เฮสเลอร์ ตำนานเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเยอรมันที่ซึ่งมีทักษะที่ยอดเยี่ยม แต่มีวาสนาน้อยนิดในการคว้าแชมป์ระดับสโมสร เรามาทำความรู้จักกับนักเตะรายนี้กันหน่อย

เจ้าพ่อรองแชมป์ระดับสโมสร

เจ้าพ่อรองแชมป์ระดับสโมสร

จอมทัพทีมชาติเยอรมันรายนี้ เป็นนักเตะสไตล์หมายเลข 10 ที่ครบเครื่อง และเขาแจ้งเกิดขึ้นมากับทีม “แพะบ้า” โคโลญจน์ ตั้งแต่ช่วงกลางยุค 80 ในฐานะมิดฟิลด์ตัวรุกดาวรุ่งของสโมสร แต่ความซวยในการที่ชีวิตนี้จะมีโอกาสได้แค่รองแชมป์ก็เริ่มเกิดขึ้นกับที่นี่ โดยเขาได้รองแชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัยติดต่อกัน และยังได้รองแชมป์ ยูฟ่า คัพ ด้วยอีกรายการ …พอย้ายไปเล่นให้กับ ยูเวนตุส เขาก็ยังมิวายได้แค่รองแชมป์ ซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย และปีต่อมาเขาก็ยังเหมือนดวงมันต้องเป็นแค่พระรอง เพราะขนาดย้ายมาอยู่กับ อาแอส โรม่า ก็ยังได้แค่รองแชมป์ ซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันอีกแล้ว แล้วความปวดตับก็ยังมาเยือนไม่จบ เมื่อเขาจบการแข่งขันในสีเสื้อโรม่าด้วยการได้แค่ “รองแชมป์ โคปปา อิตาเลีย” อีก 1 รายการ …ในช่วงปลายอาชีพ แทนที่จะมีแชมป์บอลถ้วยสักรายการประดับโปรไฟล์ในระดับสโมสร โดยเขาได้แค่รองแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล เป็นครั้งที่ 2 ในชีวิต ซึ่งตอนฤดูกาล 1995-96 เขาอยู่กับคาร์ลรูเชอร์

ทักษะควรค่าแก่การคว้าแชมป์รายการใหญ่

ทักษะของ เฮสเลอร์ ก็เป็นที่ยอมรับอยู่แล้วว่าเขาคือเพลย์เมกเกอร์ระดับโลกอย่างแท้จริง เขาทั้งเลี้ยงบอลดี เล่นได้ทั้งสองเท้า จ่ายบอลคมกริบโดยเฉพาะลูกคิลเลอร์พาส และลูกครอสบอลที่แม่นยำราวจับวาง ด้วยสกิลที่ครบเครื่องในการเป็นหมายเลข 10 แบบนี้มันก็น่าเสียดายที่เขาไม่มีแชมป์ระดับสโมสรติดมือเลย
แต่ก็ยังดีที่ เฮสเลอร์ มีวาสนากับทีมชาติเยอรมันสุดๆ เพราะเขาเป็นตัวหลักของทีมชาติในชุดที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1990 รวมถึงยังได้แชมป์ฟุตบอลยูโร 1996 มาครองได้อีกด้วย ก็นับว่ามีจุดนี้นั่นเองที่ทำให้ตัวของ เฮสเลอร์ เอาชนะตัวของ บัลลัค ที่ไม่เคยได้แชมป์ระดับสโมสรเลย

ยิงประตูน้อย แต่ว่ายิงได้ราวกับเทวดาเข้าสิง

ยิงประตูน้อย แต่ว่ายิงได้ราวกับเทวดาเข้าสิง

ปกตินั้นนักเตะหมายเลข 10 มักจะมีสถิติในการยิงประตูที่โหดไม่แพ้พวกบรรดากองหน้าอาชีพเลยด้วยซ้ำ แต่ตัวของ เฮสเลอร์ เขาเป็นหมายเลข 10 ที่ยิงน้อยไปหน่อย แต่มันก็แลกกับการที่เขาเป็นจอมทัพที่ต้องแบกทีมและทำทุกอย่างเพื่อทีมตัวเอง เป็นมันสมองให้กับทุกคน แต่กระนั้นแล้ว เวลาที่ได้ยิงประตู แต่ละดอกที่ เฮสเลอร์ ได้วางเท้ายิงนั้นสวยๆทั้งนั้น โดยเฉพาะกับลูกฟรีคิกโค้งติดไซด์โป้งเสียบสามเหลี่ยม ถือได้ว่าเป็นลูกยิงหากินของเขาเลยทีเดียวเฮสเลอร์ เป็นอีก 1 ราชาลูกตั้งเตี่แฟนบอลยกย่องในเรื่องนี้มาก และไม่มีใครลืมลูกฟรีคิกสุดฉมังที่เขายิงใส่ทีมชาติสวีเดนในฟุตบอลยูโร 1992 อย่างแน่นอน