โซลารี่ แค่ตัวแก้ขัดแล้วใครคือตัวจริงของราชันชุดขาว

โซลารี่ แค่ตัวแก้ขัดแล้วใครคือตัวจริงของราชันชุดขาว

ภายหลังการออกสตาร์ทแบบดูไม่จืดของ เรอัล มาดริด ด้วยการพ่ายแพ้ไปถึง 4 ครั้งจาก 10 เกม รวมถึงการบุกไปโดน บาร์เซโลน่า ทีมคู่ปรับตลอดกาลไล่ถลุงแบบไม่ไว้หน้า 5-1 และร่วงหล่นลงไปอยู่ในอันดับที่ 9 ของตาราง จึงทำให้พวกเขาอดรนทนไม่ไหวจนต้องปลด ยูเลน โลเปเตกี พ้นออกจากตำแหน่ง หากแต่การแต่งตั้งตัวแทนของ อดีตกุนซือทีมชาติสเปน ก็กลายเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจพอสมควร โดยเฉพาะกับกลุ่มแฟนบอลที่ไม่ได้ติดตามพวกเขาอย่างใกล้ชิด เพราะชื่อของ ซานติอาโก้ โซลารี่ ก็อาจไม่ได้เป็นที่คุ้นหูเท่าไรนักแม้แต่ภายใน สเปน ก็ตาม อย่างไรก็ตาม ราชันชุดขาว ก็ได้ประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่า การเข้ามารับตำแหน่งของ โซลารี่ จะเป็นไปเพียงชั่วคราวเท่านั้น พร้อมกับข่าวจากแวดวงในที่ว่าทีมกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาตัวแทนที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์เพื่อเข้ามารับงานต่อในระยะยาว

หรือ โซลารี่ จะเป็น นิวซีดาน?

อันที่จริงชะตากรรมของ โลเปเตกี อาจมาถึงทางตันก่อนที่เขาจะพาทีมไปพ่ายแพ้ยับเยินในศึก เอล กลาซิโก้ ที่ คัมป์ นู เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยซ้ำ พอหลังจบเกมก็ยิ่งมีกระแสเกี่ยวกับ อันโตนิโอ คอนเต้ อดีตเฮดโค้ช เชลซี ที่กำลังเตรียมตัวจะเข้ามาทำหน้าที่แทนเขาในถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว แต่ก็เกิดปัญหาขึ้นเมื่อ คอนเต้ ไม่ยอมตกลงกับเงื่อนไขของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร มาดริด และจากสถานะของ โลเปเตกี ที่ถูกกาหัวทิ้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงทำให้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการผลักดันโค้ชทีมกาสตีย่าหรือทีมสำรองของพวกเขาขึ้นมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นการชั่วคราว

หากดูในแวบแรก ก็มีความเชื่อมโยงที่คล้ายคลึงกันอยู่ไม่น้อยระหว่างเส้นทางการทำงานของ โซลารี่ และ ซีเนดีน ซีดาน อดีตเพื่อนร่วมทีมของเขาที่เคยทำหน้าที่เดียวกันก่อนหน้านี้เมื่อปี 2014 ทั้งคู่เคยลงสนามร่วมกันภายในทีม ราชันชุดขาว ภายใต้การบริหารของ เปเรซ ในช่วงยุคแรกๆ โดยที่ ดาวเตะชาวอาร์เจนติน่า มีโอกาสลงสนามให้ทีมไปทั้งหมด 148 นัดระหว่างปี 2000 ถึง 2005 แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะได้ออกสตาร์ทจากตำแหน่งม้านั่งสำรอง หลังจากนั้น โซลารี่ ก็ย้ายไปอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน ก่อนจะปิดฉากอาชีพค้าแข้งกับ เพนาโรล สโมสรชื่อดังของ อุรุกวัย และได้หวนกลับคืนสู่ เบร์นาเบว เพื่อมาเริ่มต้นงานโค้ชในระดับเยาวชน จนได้ไต่เต้าขึ้นมาเป็นผจก.ทีมชุด B ของสโมสรในปี 2016 ภายหลังจากที่ ซีดาน ก้าวขึ้นไปรับตำแหน่งคุมทีมชุดใหญ่ไม่นาน จนกระทั่งวันนี้ การที่เขากำลังเดินตามรอยเส้นทางของ ซีดาน มาแทบจะเป๊ะๆ และไหนยังจะเคยเป็นอดีตผู้เล่นที่อยู่กับทีมมาเป็นระยะเวลานานพอสมควร จนกระทั่งได้ก้าวเข้าคุมทีมชุดสำรองก่อนจะถูกผลักดันขึ้นมาช่วยแก้ไขสถานการณ์ในช่วงวิกฤติ ทั้งหมดนี้จะสามารถบ่งชี้ได้ว่าเขากำลังจะกลายเป็น ซีดาน คนต่อไปหรือไม่? คำตอบสั้นๆคือ “ไม่” เพราะหากลองเจาะลึกลงไปในรายละเอียดก็จะเห็นถึงความแตกต่าง แม้ทั้งคู่จะมีเส้นทางเดินที่คล้ายคลึงกันก็ตาม

การเปลี่ยนแปลงแบบถาวรจะเกิดขึ้นเมื่อไร

จากจุดเริ่มต้น ซีดาน เคยถูกหมายมั่นปั้นมือจาก เปเรซ มาก่อนแล้ว ว่าพร้อมจะสนับสนุนให้เขาก้าวขึ้นมานั่งเก้าอี้ผจก.ทีม เรอัล มาดริด โดยมีการวางแผนให้เขารับบทผู้ช่วยของ คาร์โล อันเชล็อตติ ภายในฤดูกาล 2013-14 เพื่อเป็นการเรียนรู้และเตรียมพร้อมสำหรับงานใหญ่ในอนาคต นอกจากนี้ด้วยชื่อเสียงของการเป็นผู้เล่นระดับไอคอนที่กลายเป็นตำนานผู้ถูกจดจำในฐานะอดีตนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของสโมสร แถมด้วยการทำหน้าที่เป็นทูตประจำสโมสรผู้มีบุคลิกอันโดดเด่นมาก่อนหน้านี้ จึงทำให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับการยอมรับจากทุกๆคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา แต่กับ โซลารี่ เป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป เขาเป็นเพียงผู้เล่นคนหนึ่งที่ไม่ได้มีสถานะดาวเด่นของทีมแต่อย่างใด นอกจากนี้ในสายตาแฟนบอล มาดริด ส่วนใหญ่ก็ยังมองไปในทำนองเดียวกันว่า เขาเป็นเพียงอดีตผู้เล่นคนหนึ่งไม่ใช่ยอดนักเตะขวัญใจอะไรทำนองนั้น

นอกจากนี้ เขายังไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานร่วมกับทีมชุดใหญ่อย่างที่ ซีดาน เคยมีโอกาสมาก่อนเลยแม้แต่น้อย หรือแม้แต่กับสโมสรอื่นๆก็ตาม รวมถึงผลงานการคุมทีมชุดสำรองของเขาก็อยู่ในระดับงั้นๆ จากการพาลูกทีมจบในอันดับที่ 8 และ 11 ของ เซกุนด้า เบ หรือลีกดิวิชั่น 3 ของประเทศในช่วง 2 ปีหลังสุด และถึงแม้เขาจะได้รับความไว้วางใจจาก เปเรซ ก็ตาม แต่ก็ยังมีบางสิ่งที่อาจจะกลายเป็นอุปสรรคในการทำงานสำหรับเขา ทั้งจากการที่เคยค้าแข้งอยู่กับ แอตเลติโก มาดริด ทีมคู่แข่งร่วมเมืองมาก่อน รวมถึงการแสดงออกถึงความชื่นชมในตัว ลีโอเนล เมสซี่ มาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากทั้งคู่เป็นคนบ้านเดียวกันที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ใน เมืองโรซาริโอ ประเทศอาร์เจนติน่า

ลำพังด้วยชื่อเสียงโลว์โปรไฟล์ในการคุมทีม เรอัล มาดริด B การที่ โซลารี่ จะเคยเชียร์ เมสซี่ อย่างออกนอกหน้ามาก่อนก็อาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่าไร แต่พอมารวมกับการขาดประสบการณ์ในการคุมทีมระดับสูงก็ทำให้โอกาสที่เขาจะถูกวางให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งในระยะยาวของ โลเปเตกี นั้นดูริบหรี่เต็มที

การเปลี่ยนแปลงแบบถาวรจะเกิดขึ้นเมื่อไร ?

โลส บลังโกส ไม่ได้ปิดบังความจริงแม้แต่น้อยว่า โซลารี่ เป็นแค่คนที่เข้ามาทำหน้าที่ในระยะสั้นๆ หากแต่การแต่งตั้งเขาเข้ามาแทน โลเปเตกี คือการสะท้อนให้เห็นเด่นชัดถึงการไม่ยอมรับความแตกต่างระหว่าง คุณภาพของทีม และ ผลลัพธ์ที่ได้มา ของเหล่าผู้บริหาร แต่ระยะเวลาในการทำงานของ โซลารี่ จะยาวนานเท่าไรนั้น น่าจะมีปัจจัยสำคัญอยู่ที่ช่วงพักเบรกเกมทีมชาติภายในเดือนพฤศจิกายน เพราะนั่นจะเป็นโอกาสสำคัญของ เปเรซ ในการพบปะเจรจากับเหล่าตัวเต็งที่จะเข้ามารับงานต่อแบบถาวร ก่อนจะเข้าสู่ช่วงที่มีโปรแกรมถี่ จากการลงเตะในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เหลือ และใน ลา ลีกา อีก 4 นัดรวมถึงรายการ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ในช่วงก่อนถึงวันคริสต์มาส และยังมีปัจจัยสำคัญอีกข้อหนึ่งก็คือ จากกฎระเบียบของ ราชสหพันธ์ฟุตบอลสเปน (หัวข้อที่ 60) ระบุไว้ว่า ตำแหน่งผจก.ทีมชั่วคราวจะทำหน้าที่อยู่ได้เพียง 2 สัปดาห์เท่านั้นก่อนที่จะมีการประกาศชื่อผู้มารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่ก่อนจะถึงวันนั้น งานที่กำลังรอ โซลารี่ อยู่ตรงหน้าคือการพาลูกทีมลงเตะในเกม โกปา เดล เรย์ รอบ 32 ทีมเลกแรกกับ เมลีย่า คู่แข่งจากดิวิชั่น 3 และเกมลีกที่ต้องพบกับ เรอัล บายาโดลิด และ เซลต้า บีโก้ รวมถึงเกมยุโรปที่จะเผชิญหน้ากับ วิคตอเรีย พัลเซ่น

จากโปรแกรมทั้ง 4 นัดดูเหมือนจะเป็นเกมที่ไม่น่าหนักอกหนักใจซักเท่าไร หากแต่มันก็มีความคล้ายคลึงกับช่วงเวลาอันย่ำแย่ของพวกเขาก่อนหน้านี้ ซึ่งเกิดขึ้นไม่นานก่อนเกม กลาซิโก้ จากความพ่ายแพ้ 3 นัดติดต่อกันในการดวลแข้งกับ ซีเอสเคเอ มอสโก, อลาเบส และ เลบานเต้ ทีมคู่แข่งที่ดูเหมือนจะไม่มีพิษสงอะไรเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่จะมารับประกันผลงานของพวกเขา และเป้าหมายหลักของ โซลารี่ ก็คือการพยายามประคับประคองทีม และค่อยๆฟื้นฟูสภาพความมั่นใจที่กำลังเปราะบางของลูกทีมให้กลับคืนมา เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการส่งต่อไปยังผู้ที่น่าจะเหมาะสมกว่าเขา

ใครคือตัวแทนในระยะยาว?

ภายหลังมหกรรมการถูกฉีกหน้าโดย บาร์ซ่า ก็มีข่าวแพร่สะพัดไปว่า คอนเต้ คือว่าที่ผจก.ทีมคนใหม่ของ เรอัล มาดริด แต่ด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมของเขาก็กลับกลายเป็นอุปสรรคสำคัญ มาร์ก้า สื่อดังในสเปน มีรายงานเมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ข้อเรียกร้องเพิ่มเติมในการรับตำแหน่งของเขาก็คือ การเซ็นสัญญากับศูนย์หน้าและเซ็นเตอร์แบ็คเพิ่มอย่างละ 1 คน ซึ่งคาดว่าจะถูกนำมาประยุกต์ใช้กับแผนการเล่นแบบแนวรับ 3 คนของเขา ในเบื้องต้น เปเรซ ดูจะไม่ยินดีกับเงื่อนไขเหล่านี้ แต่ยังคงมีเวลาเหลืออีกราว 2 สัปดาห์ให้กับพวกเขาในการพยายามแสดงจุดยืนของตนเอง ซึ่งทั้งคู่ก็ดันขึ้นชื่อในเรื่องยอมหักไม่ยอมงอพอๆกัน อย่างไรก็ตามข้อเรียกร้องที่แข็งกร้าวของ คอนเต้ ก็อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีระหว่างตัวเขากับ เปเรซ และบรรดานักเตะในอนาคต ยังมีประเด็นที่น่าเป็นห่วงอีก จากการที่ คอนเต้ เป็นคนที่เข้มงวดกับลูกทีมมากๆ และต้องการให้ทุกคนอยู่ภายใต้คำสั่งของเขาเท่านั้นและสำหรับคนที่แตกแถวก็คงจะอยู่ด้วยกันยาก ซึ่งอาจจะไม่เข้ากับผู้เล่นภายในทีมที่คาดหวังการปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความเท่าเทียมกัน เหมือนกับแนวทางที่ ซีดาน เคยทำเอาไว้ ดังนั้นหลังการเจรจาที่ล้มเหลวบางที เปเรซ อาจกำลังมองหาตัวเลือกอื่นๆอยู่

หรือ โซลารี่ จะเป็น นิวซีดาน

ฮอร์เก้ วัลดาโน่ ตำนานแข้งราชันชุดขาว ผู้ที่ยังดำรงตำแหน่งผอ.ฝ่ายกีฬา ก็ได้เอ่ยชื่อถึง โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ กุนซือทีมชาติเบลเยี่ยม ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยให้สัมภาษณ์ผ่าน ออนด้า เซโร่ สถานีวิทยุในสเปน ว่า “คอนเต้ มีศักดิ์ศรีมากมายจากการที่เขาคว้าชัยชนะได้จากหลากหลายประเทศ แต่ โรเบร์โต้ น่าจะเป็นคนที่ปรับตัวเข้ากับทีมได้ดีกว่า” แฟนๆ เรอัล มาดริด อาจไม่ต้องรอนานสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังใกล้เข้ามา เพราะบางที อาร์แซน เวนเกอร์ ที่กำลังว่างงานอยู่อาจเป็นคนที่ เปเรซ กำลังเล็งเอาไว้ หรือบางทีเขาอาจจะยอมวัดใจปล่อยให้ โซลารี่ ทำงานต่อไปจนจบฤดูกาล ระหว่างนั้นก็หาทางเกลี้ยกล่อม โชเซ่ มูรินโญ่ ไปพลางๆให้ยอมกลับมาคุมทีมอีกเป็นรอบที่ 2