โจ โกเมซ สู่การพัฒนาเป็นปราการหลังจอมแกร่งแห่งทัพ หงส์แดง

โจ โกเมซ สู่การพัฒนาเป็นปราการหลังจอมแกร่งแห่งทัพ หงส์แดง

โจ โกเมซ กองหลังดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ ของ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อาจถูกมองว่าทำผิดพลาดที่ปล่อยให้ ราอูล ฆิเมเนซ หัวหอกชาวเม็กซิโก ของ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส ตีเสมอ 1-1 ในเกมที่ “หงส์แดง” บุกไปเฉือนเอาชนะ “หมาป่า” 2-1 ในเกมลีกที่สนามโมลินิวซ์ สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา จากสถิติ ผลบอลสด 888

อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดของ โกเมซ มันไม่น่าแปลกใจ มันเป็นประสบการณ์ที่หายากสำหรับกองหลังดาวรุ่งทุกคน และนี่เป็นประตูแรกในลีกที่ ลิเวอร์พูล เสียไปในเกมที่มีดาวเตะวัย 22 ปี ลงสนาม นับตั้งแต่เสียประตูจากลูกยิงของ เตมี ปูคกี้ ดาวยิงชาวฟินแลนด์ ในเกมที่ “หงส์แดง” เปิดรังแอนฟิลด์ เอาชนะ นอริช ซิตี้ 4-1 ในนัดเปิดฤดูกาล

มันเป็นระยะเวลานานถึง 724 นาที ระหว่างเสีย 2 ประตู และก่อนหน้านี้มันเป็นการเก็บคลีนชีตติดต่อกัน 7 เกม นับตั้งแต่ โกเมซ ได้กลับมาลงสนามเป็นตัวจริงในเกมที่เอาชนะ บอร์นมัธ 3-0 ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

โกเมซ พัฒนาฟอร์มจนลายเป็นกำลังสำคัญในแนวรับของ ลิเวอร์พูล ร่วมกับ เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติฮอลแลนด์ ได้อย่างแข็งแกร่งในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา พร้อมกับพาพลพรรค “หงส์แดง” รั้งจ่าฝูงจนถึงเวลานี้

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ของ ลิเวอร์พูล ค่อนข้างมีอารมณ์รุนแรงกับในงานแถลงข่าวหลังจบเกมกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน เมื่อถูกถามถึงการประเมินความพยายามของ โกเมซ โดยระบุว่า “ก่อนอื่นสิ่งที่ผมคาดหวังจาก โจ คือเขาทำได้ดีกว่านี้ เขาเหมือนกับทุกๆคนในทีมที่ยังสามารถทำได้ดีกว่านี้อีก”

นี่คือความต้องการของผู้จัดการทีมที่นำผู้เล่น ลิเวอร์พูล กลุ่มนี้ไปสู่เกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ 40 โดยไม่ต้องพ่ายแพ้ และพลพรรค “หงส์แดง” เก็บชัยชนะได้มากถึง 35 เกม ซึ่งแม้แต่ในวันก่อนหน้าเกมกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน นั้น คล็อปป์ ยังพูดถึงความจำเป็นในการปรับปรุงระดับสมาธิ และคุณภาพการเล่นที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในแนวรับ

อดีตเทรนเนอร์ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน กล่าวว่า “ในฐานะเซ็นเตอร์ฮาล์ฟของทีมที่ดี คุณจะมีลูกบอลอยู่ที่เท้าของคุณมากกว่าที่คุณจะมีความท้าทายในการป้องกัน แต่เมื่อคุณมีความท้าทายในการป้องกัน มันก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในเกมทั้งหมด และวูล์ฟแฮมป์ตัน แตกต่างอย่างมากกับทุกทีมที่เราเผชิญในซีซั่นนี้”

ในเกมกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน นั้น โกเมซ ต้องดวลกับ ฆิเมเนซ อย่างดุเดือดตลอดทั้งเกม และเขาต้องขยับออกไปซ้อนตำแหน่งของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ ฟูลแบ็คดาวรุ่งชาวอังกฤษ “หงส์แดง” อยู่หลายครั้ง

ขณะเดียวกัน อดาม่า ตราโอเล่ ปีกชาวสเปน ของ วูล์ฟแฮมป์ตัน ก็ใช้ความเร็วสร้างความปั่นป่วนให้กับบรรดานักเตะ ลิเวอร์พูล อย่างมาก เขาสามารถเลี้ยงหลบได้ทั้ง จีนี่ ไวจ์นัลดุม กองกลางชาวดัตช์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็คซ้ายทีมชาติสก็อตแลนด์ ของ “หงส์แดง” แต่ โกเมซ ก็ช่วยตัดบอลได้หลายจังหวะ

ขณะเดียวกัน เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษ ของ ลิเวอร์พูล ซึ่งรับบทกูรูให้กับ “สกายสปอร์ต” สื่อกีฬาชั้นนำแดนผู้ดีว่า “ฟาน ไดจค์ เป็นเหมือนพี่ใหญ่ในแนวรับ เขาเป็นนักเตะที่โดดเด่นมาก ผม ไม่คิดว่า มันประเมินไม่ได้เลยในการวัดสิ่งที่เขาทำเพื่อเราในฐานะทีม”

ผลงานของ ฟาน ไดจค์ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประเมินค่าเขา เพราะเขาไม่ได้พลาดการลงสนามในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ให้กับ ลิเวอร์พูล เลยแม้แต่นาทีเดียว แต่ผลกระทบของ โกเมซ ต่อการป้องกันของ “หงส์แดง”นั้นค่อนข้างตรงไปตรงมามากกว่าที่จะประเมิน

โกเมซ กลับมาสู่ทีมตัวจริงอีกครั้ง

เมื่อไม่นานมานี้เองที่ คล็อปป์ ถูกถามคำถามเกี่ยวกับแนวรับของ ลิเวอร์พูล หลังไม่สามารถเก็บคลีนชีตได้เลยถึง 8 เกมในพรีเมียร์ลีก แม้พลพรรค “หงส์แดง” จะเก็บชัยชนะได้ก็ตาม แต่ความเปราะบางของการป้องกันนั้นไม่ได้รับการมองว่ายั่งยืน

โกเมซ กลับมาสู่ทีมตัวจริงอีกครั้งหลังจาก เดยัน รอฟเรน กองหลังโครแอต และ โจเอล มาติป ปราการหลังชาวแคมเมอรูน ได้รับบาดเจ็บ และดาวเตะวัย 22 ปี กลับมาพร้อมกับการพลิกฟื้นสถิติแนวรับของ ลิเวอร์พูล หลังจากที่เสียไปมากถึง 13 ประตูในช่วงที่เขาไม่ได้ลงสนาม

คล็อปป์ กล่าวว่า “ผมทราบดีว่ามันอาจเป็นปัญหาได้ เราผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของฤดูกาลโดยมีกองหลัง 2 คนได้รับบาดเจ็บ และ ฟาบินโญ่ ที่เล่นในตำแหน่งนั้นได้ก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากจริงๆ”

โกเมซ ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เขายังคงเป็นลูกน้องของ ฟาน ไดจค์ ในทีมชุดแรก แต่ในเกมเอฟเอ คัพ เมอร์ซีย์ ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ ที่ ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์ เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 1-0 เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมานั้น เขาต้องเป็นผู้นำแนวรับในการเล่นร่วมกับ แนต ฟิลลิปส์ กองหลังดาวรุ่งที่กลับมาจากการยืมตัวจาก สตุ๊ตการ์ท

อย่างไรก็ตาม ในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน นั้น โกเมซ ก็ไม่ทำให้ คล็อปป์ ผิดหวัง โดนนายใหญ่ “หงส์แดง” กล่าวหลังจบเกมว่า “เขากำลังจัดการป้องกันทั้งหมดของทีม และอาจเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่ได้ทำหน้าที่แบบนั้น” และในเกมกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการพัฒนาของ โกเมซ ซึ่ง คล็อปป์ อธิบายว่าเขายังมีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับการปรับปรุง

ลิเวอร์พูล ยังคงมีผลงานที่น่าเหลื่อเชื่อ พวกเขาเก็บได้ 94 จาก 96 คะแนน และไม่แพ้ใครมาแล้วติดต่อกัน 40 เกม ดังนั้นความสำเร็จในการทำลายสถิติไร้พ่ายจำนวน 49 เกม อาร์เซน่อล นั้น ก็ยังอยู่ในความเป็นไปได้ที่ “หงส์แดง” จะเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย

เกือบทุกตำแหน่งหากคุณดูทีม ลิเวอร์พูล ชุดนี้นั้น มีผู้เล่นที่อยู่ในจุดสูงสุดของพวกเขา แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่สามารถพัฒนาต่อไปได้ หนึ่งในนั้นคือ โกเมซ ซึ่งเห็นได้จากการให้สัมภาษณ์หลายๆครั้งของ คล็อปป์ หลังจบเกม

โกเมซ ทำได้ดีขึ้น และเขาจะดีขึ้นอีก การตัดสินใจ การวางตำแหน่ง สมาธิ ความมั่นคง สิ่งเหล่านี้ล้วน แต่เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ไม่มีสิ่งใดที่จะเบี่ยงเบนความสนใจจากผู้เล่นที่เขาเป็นทุกวันนี้ กับฟอร์มที่เขาแสดงให้เห็นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา

ลิเวอร์พูล จะต้องหาวิธีที่จะชนะในพรีเมียร์ลีกโดยที่ไม่มี โกเมซ แต่ตามสถิติชี้ให้เห็นว่า มันอาจจะยากสำหรับ “หงส์แดง” หากจะเก็บคลีนชีตโดยไร้กองหลังทีมชาติอังกฤษรายนี้ลงสนามในแนวรับ

โกเมซ ทำได้ดีขึ้น และเขาจะดีขึ้นอีก