แมนฯซิตี้ กับการแก้ปัญหาในแนวรับเจ้าปัญหา

แมนฯซิตี้ กับการแก้ปัญหาในแนวรับ

“อาการบาดเจ็บของเขาไม่ดี และเท่าที่ดูมันจะเปลี่ยนโอกาสลุ้นแชมป์ไปที่แอนฟิลด์ นั่นเป็นเรื่องใหญ่มาก” นี่คือคำพูดของ เจอร์เมน จีนาส อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษ ของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งปัจจุบันรับหน้าที่กูรูให้กับ “บีบีซี” สื่อกีฬาชั้นนำแดนผู้ดี กล่าวถึงอาการบาดเจ็บของ อายเมริค ลาปอร์เต้ ปราการหลังชาวฝรั่งเศส ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก

ลาปอร์เต้ ได้รับบาดเจ็บในเกมที่ แมนฯซิตี้ เปิดรังเอติฮัด สเตเดี้ยม ถล่ม ไบร์ทตัน 4-0 เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา และต้องลงเปลหามออกจากสนาม โดยกองหลังวัย 25 ปี เข้ารับการประเมินอาการ และต้องพบกับข่าวร้าย เนื่องจากต้องพักยาวเกือบ 5 เดือนเลยทีเดียว

ในขณะที่ ลาปอร์เต้ บาดเจ็บนั้น ก่อนหน้านี้ เลรอย ซาเน่ ปีกทีมชาติเยอรมัน ของ แมนฯซิตี้ ก็ต้องพักยาวจนถึงเดือนมีนาคมปี 2020 เช่นเดียวกัน หลังจากได้รับบาดเจ็บบริเวณเอ็นไขว้หน้าในระหว่างเกมคอมมูนิตี้ชิลด์ กับ ลิเวอร์พูล เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ตลอด 5 เดือนที่ ลาปอร์เต้ หมดสิทธิ์ลงสนามนั้น เขาต้องพลาดเกมพรีเมียร์ลีกอย่างน้อย 15 นัด และอดเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มทุกนัด รวมไปถึงฟุตบอลถ้วยภายในประเทศอย่างเอฟเอ คัพ และคาราบาว คัพ อีกด้วย

การพลาดช่วยทีมของอดีตกองหลัง แอธเลติก บิลเบา มันเป็นระยะเวลาประมาณหนึ่งในสามของฤดูกาลของ แมนฯซิตี้ ดังนั้น เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือ “เรือใบสีฟ้า” จะต้องเผชิญปัญหาใหญ่ เนื่องจากเขาเหลือเซ็นเตอร์ฮาล์ฟอาชีพไว้ให้ใช้งานอีกแค่ 2 คน คือ จอห์น สโตน และ นิโคลัส โอตาเมนดี้

ลาปอร์เต้ ย้ายจาก บิลเบา มาเล่นกับ แมนฯซิตี้ ด้วยค่าตัว 57 ล้านปอนด์ ในปี 2018 จากนั้นเขาสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นหัวใจสำคัญในแนวรับของ “เรือใบสีฟ้า” มาโดยตลอด และแทบไม่พลาดการลงสนามในเกมใหญ่เลย

คริส ซัตตัน อดีตหัวหอก แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ซึ่งรับหน้าที่กูรูให้กับ “บีบีซี” กล่าวว่า “ลาปอร์เต้ เป็นยอดนักสู้ในแนวรับของ แมนฯซิตี้ เขาเป็นผู้นำทีม และเป็นกองหลังอันดับหนึ่งของทีม ดังนั้นมันจะน่าสนใจที่จะดูว่า กวาร์ดิโอล่า จะแก้ปัญหาการขาดกองหลังตัวหลักอย่างไร”

“ลาปอร์เต้ เป็นเหมือนกับที่ เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ ทำกับ ลิเวอร์พูล แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่เขาสามารถนำบอลไปเปิดเกมรุกได้ แต่งานหลักของเขาคือ การปกป้อง เขาทำให้ แมนฯซิตี้ แข็งแกร่งขึ้น และทำให้พวกเขามีความมั่นคงในเกมรับ”

“กวาร์ดิโอล่า เคยบอกว่า ลาปอร์เต้ เป็นกองหลังตัวกลางที่ดีที่สุดในยุโรปเมื่อเดือนที่แล้ว และการสูญเสียเขา มันจะส่งผลกระทบต่อพลังการเคลื่อนไหวของแนวรับทั้ง 4 คนอย่างแน่นอน” ซัตตัน กล่าว

กวาร์ดิโอล่า เชื่อมั่นในการจับคู่กันของ สโตน และ โอตาเมนดี้ หรือไม่? สโตน ก็เพิ่งกลับมาจากอาการบาดเจ็บ และ แมนฯซิตี้ ก็ไม่มีการคว้ากองหลังคนใหม่เข้ามาแทน แวงซ็องต์ กอมปานี อดีตกัปตันทีมชาวเบลเยี่ยม ที่ย้ายออกไปในช่วงฤดูร้อน

ในระยะสั้นอย่างน้อย แมนฯซิตี้ สามารถใช้ แฟร์นานดินโญ กองกลางชาวบราซิล เพื่อเสียบช่องว่างดังกล่าวได้ โดยดาวเตะแซมบ้าวัย 34 ปี กำลังฝึกซ้อมในตำแหน่งกองหลังฝั่งซ้ายก่อนที่ ลาปอร์เต้ จะได้รับบาดเจ็บ

สโตน และ โอตาเมนดี้ อาจเล่นด้วยกันได้ โดยก่อนหน้านี้ พวกเขาเล่นด้วยกันหลายครั้งอาทิ ในเกมคอมมูนิตี้ชิลด์ กับ ลิเวอร์พูล ดังนั้นความคุ้นเคยจะไม่เป็นปัญหา แต่พวกเขาดูเหมือนจะไม่เป็นคู่กองหลังที่ กวาร์ดิโอล่า เชื่อมั่นเป็นพิเศษ

นับตั้งแต่ ลาปอร์เต้ ย้ายมาร่วมทีม แมนฯซิตี้ ในเดือนมกราคม 2018 สโตน และ โอตาเมนดี้ ได้เริ่มเล่นคู่กันเพียง 3 ครั้งในเกมพรีเมียร์ลีก 56 นัด และในฤดูกาลที่แล้วพวกเขาลงสนามคู่กันในเกมเอฟเอ คัพ กับ รอทเธอร์แฮม, เบิร์นลีย์ และ นิวพาร์ต เคาน์ตี้ รวมถึงเกมลีกกับ เอฟเวอร์ตัน และ บอร์นมัธ

เกมการแข่งขันอื่นๆที่ สโตน และ โอตาเมนดี้ ได้เริ่มต้นด้วยกันในกองหลังตัวกลางในรอบ 20 เดือนที่ผ่านมาคือการพบกับ ฮัดเดอร์ฟิลด์ ในเกมปิดฤดูกาล 2017-18 ทำให้มีเกมทั้งหมด 6 เกม จาก 80 เกมรวมทุกรายการที่พวกเขาเล่นด้วยกัน

ซัตตัน กล่าวต่อว่า “เห็นได้ชัดว่า กวาร์ดิโอล่า ไม่มีความเชื่อมั่นมากนักในการเล่นด้วยกันของ สโตน และ โอตาเมนดี้ และเขาจะต้องเป็นกังวลในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ”

แดนนี่ เมอร์ฟี อดีตกองกลาง ลิเวอร์พูล กล่าวเสริมว่า “สถิตินั้นน่าประหลาดใจอย่างยิ่ง อาจเป็นไปได้ว่าผู้จัดการทีมคิดว่าพวกเขาไม่ได้ทำงานที่ดีร่วมกันหรือว่า พวกเขาทั้งสองคนไม่ชอบเล่นกองหลังตัวกลางทางด้านซ้าย”

โอตาเมนดี้ ซึ่งถนัดท้าขวา มักจะถูกย้ายจากกองหลังตัวกลางทางด้านขวาไปทางซ้าย เมื่อ ลาปอร์เต้ ไม่พร้อมลงสนาม เขาทำอย่างนั้นในระหว่างเกมกับ ไบร์ทตัน ในขณะที่ สโตน ก็ถนัดเท้าขวาเช่นกัน และเขาไม่ได้เล่นทางแนวรับด้านซ้ายมาตั้งแต่สัปดาห์ช่วงแรกที่ย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน มายัง แมนฯซิตี้

เมอร์ฟี่ อธิบายต่อว่า “ในตำแหน่งกองกลางกลางส่วนใหญ่ที่ผมเคยเล่นในระหว่างอาชีพของตัวเองนั้น ผมเคยเล่นทั้ง 4 ตำแหน่ง และยังมีบางครั้งที่ผู้จัดการทีมจะเชื่อด้วยตัวเองว่า กองหลังไม่สามารถทำแบบนั้นได้บนสนาม”

ลาปอร์เต้ ไม่พร้อมลงสนาม เขาทำอย่างนั้นในระหว่างเกม

“ที่ ลิเวอร์พูล ซามี่ ฮูเปีย จะอยู่ทางแนวรับฝั่งซ้ายเสมอโดยมี เจมี่ คาร์ราเกอร์ อยู่ทางด้านขวา และในตอนที่ผมอยู่กับ ฟูแล่ม เบรเด้ ฮันเกลันด์ จะอยู่ทางซ้าย โดยมี อารอน ฮิวส์ อยู่ทางขวา”

“และหากหนึ่งในนั้นไม่พอดี ผู้จัดการทีมก็มักจะดูที่สมดุลของกองกลางแทนที่จะเป็นแค่การเลือกคนมาแทน ผมจำได้ว่า คริส สมอลลิ่ง ก็ไม่เคยเล่นเป็นกองหลังตัวกลางทางฝั่งซ้ายเช่นกัน นับตั้งแต่เขาเข้ามาในทีม ฟูแล่ม”

“ด้วยคุณภาพที่ สโตน และ โอตาเมนดี้ ทั้งคู่มี ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะอึดอัดนักหากถูกโยกไปเล่นทางซ้าย แต่คุณต้องรู้ว่า กวาร์ดิโอล่า ดูพวกเขาในการฝึกซ้อมทุกวัน เขาจะมีความคิดในใจของเขาเกี่ยวกับแผนการของเขาและส่วนที่เหลือของทีม”

“สิ่งอื่นๆ ที่อาจเป็นปัจจัยในการไม่เลือกให้พวกเขาเล่นด้วยกัน มันคือจำนวนข้อผิดพลาดที่พวกเขาทำทั้งคู่เคยทำมา พวกเขาเป็นทั้งผู้เล่นที่ดี แต่พวกเขาทั้งคู่มีข้อผิดพลาดมากกว่า กอมปานี หรือ ลาปอร์เต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สโตน ตกอยู่ภายใต้ความผิดพลาดของเขา และเขาก็ถูกมองข้ามไปเพราะ แมนฯซิตี้ ประสบความสำเร็จในฤดูกาลที่ผ่านมา” เมอร์ฟี่ กล่าว

ซัตตัน กล่าวเสริมว่า “ผมคิดว่า สโตน มีจิตใจที่จะพิสูจน์ความห้าวหาญต่อไป และไม่ใช่แค่ในการเล่นคู่กับ โอตาเมนดี้ เท่านั้น นี่เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขาที่จะทำเช่นนั้น บางส่วนของการป้องกันของเขาอยู่ในความสงสัยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และในฤดูกาลที่ผ่านมาในเกมใหญ่ เขามักทิ้ง ลาปอร์เต้ ไว้ให้เจองานยาก และหมายความว่าในตอนนี้เขาต้องก้าวขึ้นมาพิสูจน์ตัวเองแล้ว”

แฟร์นานดินโญ สามารถเข้ามาเติมเต็มช่องว่างของ ลาปอร์เต้ ได้ดีแค่ไหน? ในขณะที่เราต้องรอและดูว่า สโตน สามารถชนะใจ กวาร์ดิโอล่า ได้หรือไม่ ดูเหมือนว่าเทรนเนอร์ชาวสเปน มีความเชื่อมั่นในตัว แฟร์นานดินโญ ว่าจะเป็นกองหลังตัวกลางได้

กวาร์ดิโอล่า เคยกล่าวถึง แฟร์นานดินโญ หลังจมเกมกับ ไบร์ทตัน ว่า “เขาเป็นกองกลางและทุกคนก็รู้ รวมถึงตัวผมเองด้วย แต่ผมคิดว่าเขามีความสามารถในการเล่นเป็นกองหลังตัวกลางได้ เขาเป็นคนฉลาดเร็ว แข็งแกร่ง เขาสามารถสกัดบอลได้ และเขาอ่านเกมได้ดี”

เมอร์ฟี่ กล่าวว่า “ตราบใดที่ โรดรี้ ยังแข็งแกร่ง และสามารถรับบทบาทนี้ได้แล้ว แฟร์นานดินโญ จะย้ายไปเล่นเป็นกองหลัง มันก็ไม่ได้ทำให้ แมนฯซิตี้ อ่อนแอลงไป เขาเป็นทุกอย่างที่ กวาร์ดิโอล่า พูด และเขาก็มีประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม เขาเก่งมากในการสกัดบอล รวมถึงขึ้นเกมตามสไตล์ของ ซิตี้”

“เขาสามาถดักจังหวะบอลได้ในตำแหน่งของเขา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมคือ เขาสามารถเป็นกองหลังที่ดีได้ เขาชอบมัน และผมไม่เห็นว่า นี่เป็นกรณีที่ขอให้นักเตะบางคนอยู่ในตำแหน่งที่เขาไม่ต้องการอยู่ที่นั่นจริงๆ เมื่อคุณมีปัญหา”

“ตราบใดที่คุณมีคุณสมบัติทางกายภาพที่ถูกต้อง และทักษะที่ดี คุณก็ทำได้ จริงๆ แล้วมันเป็นเพียงการเปลี่ยนความคิดเท่านั้น เขาอาจจะตื่นเต้นกับมันมาก เพราะมันเป็นสิ่งใหม่และแตกต่าง และมันอาจได้บอลน้อยกว่าตำแหน่งกองกลางที่เคยเล่น”

“เขาไม่ได้เป็นตัวเลือกเดียว เท่านั้น เพราะ ไคลน์ วอล์คเกอร์ ที่เคยเล่นเป็นกองหลังตัวกลางให้กับทีมชาติอังกฤษ ก็สามารถทำหน้าที่ตรงนั้นได้ เขาเป็นกองหลังที่มีประสบการณ์ แข็งแกร่ง รวดเร็ว และมีทางบอลที่ดี ถ้าผมเป็น กวาร์ดิโอล่า ผมจะพิจารณาเขาด้วยเช่นกัน”

การป้องกันของ แมนฯซิตี้ ต้องพร้อมสำหรับเกมกับ ลิเวอร์พูล หากมีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการบาดเจ็บของ ลาปอร์เต้ มันเป็นเวลาที่ “เรือใบสีฟ้า” ไม่ต้องเจองานหนักในรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เพราะพวกเขาอยู่ร่วมกลุ่มกับทีมอ่อนกว่าอย่าง ชัคเตอร์ โดเนทส์ค, ดินาโม ซาเกร็บ และ อตาลันต้า

ซัตตัน กล่าวว่า “ทั้งสองทีมนั้น ไม่หยุดยั้งอย่างแน่นอน และถ้าคุณมองไปที่วิธีที่พวกเขาจบฤดูกาลที่แล้ว และเริ่มต้นในปีนี้นี้คุณจะเห็นได้ว่า การพบกันของทั้ง 2 ทีม จะมีความสำคัญอย่างยิ่ง มันเป็นรายละเอียดเล็กน้อยที่อาจเป็นตัวตัดสินแชมป์ของซีซั่นนี้ มีเพียงแค่ ลิเวอร์พูล กับ แมนฯซิตี้ ที่เป็นตัวเต็ง และดูเหมือนว่าพวกเขาใกล้เคียงกันมาก”

“พวกเขาจะต้องนั่งอยู่ที่นั่น และมองหาสิ่งเล็กๆ ที่พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ นี่คือหนึ่งในนั้น ไม่มีใครต้องการได้รับบาดเจ็บ ในการตัดสินใจสิ่งต่างๆ แน่นอนว่าทุกคนอยากจะมีส่วนร่วม ถ้า ซิตี้ ยังคงต้องใช้กองหลังชั่วคราว แม้จะเป็นนักเตะที่ดีอย่าง แฟร์นานดินโญ ในที่สุดมันก็อาจเป็นความแตกต่างระหว่างพวกเขาที่คว้าแชมป์นี้หรือ ลิเวอร์พูล”

“ในสถานการณ์นั้น สิ่งต่างๆ เช่น การปกป้อง อาจจะเป็นปัญหามากกว่านี้สำหรับ ซิตี้ เพราะมันเป็นบางอย่างที่อ่อนแออยู่แล้ว ถึงแม้จะมี ลาปอร์เต้ ก็ตาม ผมมั่นใจว่าผู้จัดการทีมในพรีเมียร์ลีกส่วนใหญ่จะคิดว่า มีโอกาส มันอาจดูเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่แค่ 1 ประตูจาก ซิตี้ คุณอาจจะเพียงพอที่จะแบ่งแต้มกับพวกเขา”

“พวกเขาสามารถเอาตัวรอดไปได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพราะพวกเขาเป็นทีมที่ดี แต่เมื่อเกมใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล เข้ามา มันจะแตกต่างกัน นั่นคือเมื่อมันจะมีปัญหามากขึ้น และสำหรับผมนั่นคือ เมื่อสโตนจะต้องเป็นตัวหลักในแนวรับ” อดีตดาวยิง “กุหลาบไฟ” กล่าวปิดท้าย

ลาปอร์เต้ มันเป็นเวลาที่ เรือใบสีฟ้า ไม่ต้องเจองาน