แมนฯยูไนเต็ด กำลังทำให้ แมคไกวร์ กลายเป็นกองหลังที่แพงที่สุดในโลก

แมนฯยูไนเต็ด กำลังทำให้ แฮร์รี่ แมคไกวร์ กลายเป็นกองหลังที่แพงที่สุดในโลก

แฮร์รี่ แมคไกวร์ ปราการหลังคนสำคัญของ “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ สโมสรดังในศึกพรีเมียร์ลีก ซึ่งเคยช่วยทีมชาติอังกฤษ ลงเล่นในรอบรองชนะเลิศศึกฟุตบอลโลกปี 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ตอนนี้เขากลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในเมืองผู้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังติดตามสถานการณ์ของเขาอย่างใกล้ชิด

แมคไกวร์ มีความกระตือรือร้นที่สุดในการดิ้นรนต่อสู้เพื่อยืนยันว่า เขาเก่งที่สุดในตำแหน่งของตัวเอง และต้องพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าฝีเท้าของเขานั้นสมควรได้รับการยกย่อง แต่ถ้า เลสเตอร์ เดินเกมตามทางของพวกเขาและบังคับให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่ายเกินกว่า 80 ล้านปอนด์ เพื่อเป็นค่าตัวของ แมคไกวร์ นั้น เขาจะกลายเป็นเล่นในตำแหน่งกองหลังที่แพงที่สุดในโลกทันที

นั่นจะทำให้จำนวนเงิน 75 ล้านปอนด์ ที่ ลิเวอร์พูล จ่ายให้กับ “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน เพื่อเป็นค่าตัวของ เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติฮอลแลนด์ เมื่อตลาดนักเตะเดือนมกราคมปี 2018 นั้น ถูกทำลายลงทันที

ดาวเตะดัตช์ ไม่เพียงแต่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นกองหลังดีที่สุดในโลก แต่ยังได้รับการถูกยกให้เป็นตัวเต็งในการคว้ารางวัล Ballon d’Or ในปีนี้อีกด้วย หลังจากที่เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่งพาพลพรรค “หงส์แดง”ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน คว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นสมัยที่ 6 ได้สำเร็จ เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา

ทั้งหมดนี้สำหรับผู้เล่นที่ เลสเตอร์ คว้าตัวมาจากฮัลล์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์ เมื่อ 2 ปีก่อนแหล่งข่าวบอกกับ “ESPN FC” สื่อกีฬาชั้นนำในแดนผู้ดีว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีม แมนฯยูไนเต็ด มุ่งมั่นที่จะเซ็นสัญญา แมคไกวร์ โดยเร็วที่สุดเพื่อเสริมทัพการป้องกันของ “ปีศาจแดง” ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่ทั้ง 2 สโมสรยังอย่ในชุดที่ห่างไกลกันในแง่ของการประเมินค่าตัวปราการหลังชาวอังกฤษ

แมนฯยูไนเต็ด ซึ่งเสนอค่าตัวเริ่มต้น 40 ล้านปอนด์สำหรับ แมคไกวร์ เมื่อเดือนที่แล้ว กำลังเตรียมที่จะเพิ่มข้อเสนอมากขึ้นถึง 70 ล้านปอนด์ เพื่อเซ็นสัญญากับ ดาวเตะวัย 27 ปีให้ได้ แต่จุดเริ่มต้นของ เลสเตอร์ คือ 80 ล้านปอนด์ และรายงานบางรายงานชี้ให้เห็นว่า “สุนัขจิ้งจอก” พร้อมแล้วที่จะปล่อยเขาออกจากถิ่นคิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม

แต่สำหรับความสามารถทั้งหมดของ แมกไกวร์ ในฐานะผู้บังคับบัญชาแนวรับ เขาเป็นผู้เล่นที่จัดการกับภัยคุกคามทางอากาศ และบนพื้นได้เป็นอย่างดี รวมถึงการผ่านบอลในระยะใกล้,ไกล, และการครอบครองบอลของเขาก็ทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นสไตล์ของกองหลังสมัยใหม่อย่างแท้จริง

เลสเตอร์ เป็นผู้ให้บริการที่ชาญฉลาดเมื่อพูดถึงการขายผู้เล่น พวกได้เงิน 60 ล้านปอนด์ เมื่อขาย ริยาด มาห์เรซ ปีกทีมชาติแอลจีเรีย ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อ 12 เดือนที่แล้ว และ ทำให้ เชลซี ยอมจ่ายเงินจำนวน 35 ล้านปอนด์ ให้กับ แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ กองกลางชาวอังกฤษ เมื่อปี 2017

เลสเตอร์ รู้ดีว่า แมนฯยูไนเต็ด กำลังมองหาตัวเลือกอื่นสำหรับผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังที่ได้รับการพิสูจน์ตัวเองแล้ว ดังนั้น “ปีศาจแดง” จึงค่อนข้างถูกบีบโดยให้ เอ็ด วู้ดเวิร์ด รองประธานบริหารของสโมสร มองหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา

วู้ดเวิร์ด เคยเป็นนักวาณิชธนกิจของ JP Morgan ก่อนที่จะทำงานให้กับ แมนฯยูไนเต็ด รู้จักกับกลไกตลาดนักเตะ และเป็นเรื่องที่โชคร้ายสำหรับเขาและ “ปีศาจแดง” ที่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสภาพที่ไม่เอื้ออำนวยในการจ่ายค่าตัวนักเตะในจำนวนมหาศาล

อย่างไรก็ตาม แมนฯซิตี้ ก็ถูกบังคับให้จ่ายค่าต่อรองเช่นเดียวกัน เมื่อพวกเขาจ่าย 50 ล้านปอนด์ เพื่อเซ็นสัญญากับ ไคลน์ วอลค์เกอร์ แบ็คขวาทีมชาติอังกฤษ จาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งทำให้อดีตดาวเตะ “ไก่เดือยทอง” กลายเป็นฟูลแบ็คที่แพงที่สุดในโลก

ความสามารถทั้งหมดของ แมกไกวร์

ในขณะที่ความคิดของ ลิเวอร์พูล ถูกถามเมื่อพวกเขาจ่าย 75 ล้านปอนด์ ให้กับ ฟาน ไดจค์ เมื่อ 18 เดือนที่แล้ว แมนฯซิตี้ และ “หงส์แดง” ตอนนี้ทั้งคู่ยืนยันว่าพวกเขามีเหตุผลในการทำลายสถิติการซื้อตัวนักเตะเพื่อเซ็นสัญญากับ วอล์กเกอร์ และ ฟาน ไดจค์

ขณะเดียวกัน สิ่งที่ ลิเวอร์พูล และ แมนฯซิตี้ ทำนั้น มันส่งผลให้ แมนฯยูไนเต็ด ต้องตัดสินใจว่า แมคไกวร์ น่าจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นการลงทุนระยะยาวที่ฉลาดเช่นเดียวกับ “เรือใบสีฟ้า” และ “หงส์แดง” แม้ว่าต้นทุนค่าตัวของเขาสูงจนดูน่าตกใจก็ตาม

ประวัติศาสตร์ของ แมนฯยูไนเต็ด แน่นอนตั้งแต่เวลาที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือชาวสกอตแลนด์ อำลาทีมไป เฟอร์กี เป็นตัวอย่างของการเซ็นสัญญานักเตะราคาแพง ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นการลงทุนที่ดี และคุ้มค่าสำหรับ “ปีศาจแดง”

แกร์รี พัลลิสเตอร์ กองหลังทีมชาติอังกฤษ 2.3 ล้านปอนด์ , รอย คีน มิดฟิลด์ทีมชาติไอร์แลนด์ 3.75 ล้านปอนด์ , รุด ฟาน นิสเตลรอย หัวหอกชาวดัตช์ 19 ล้านปอนด์ และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ กองหลังจอมแกร่ง 30 ล้านปอนด์ ทั้งหมดกลายเป็นสถิติของเกาะอังกฤษเมื่อพวกเขาย้ายมาอยู่ที่ แมนฯยูไนเต็ด

ในขณะที่ เวย์น รูนี่ย์ อดีตดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ถูก เฟอร์กูสัน คว้าตัวมาจาก “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ด้วยค่าตัวจำนวน 27 ล้านปอนด์ ในปี 2004 จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น “ปีศาจแดง” มีมากกว่าค่าธรรมเนียมการโอนย้ายที่มากพอสมควร โดยแต่ละคนพิสูจน์ว่า ค่าใช้จ่ายเริ่มแรกนั้นคุ้มค่าในระยะยาว

อย่างไรก็ตามคุณค่าของ แมนฯยูไนเต็ด ได้ถูกทิ้งร้างตั้งแต่ เฟอร์กูสัน อำลาทีมในปี 2013 โดยที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบมักจะรู้ว่าราคาของบางสิ่งมีมากกว่าคุณค่า นี่คือเหตุผลที่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในตำแหน่งที่ยากลำบาก

แมคไกวร์ เป็นอีกกรณีที่ต้องจ่ายเงินมหาศาลสำหรับผู้เล่นที่ไม่เคยมีชีวิตอยู่กับราคาตั๋วหรือไม่? หรือกองหลัง เลสเตอร์ เป็นตัวแทนในปัจจุบันของ พัลลิสเตอร์ หรือ เฟอร์ดินานด์ โดยอดีตแนวรับ “ปีศาจแดง” ทั้งสองคนที่ถูกตั้งคำถามในเวลานั้น แต่ใครทำให้ค่าใช้จ่ายในการย้ายทีมดูราคาถูกที่สุด?

สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ แมคไกวร์ ไม่ใช่กองหลังที่ดีที่สุดในโลก จริงอยู่ ฟาน ไดจค์ ไม่ได้เป็นอย่างนั้นมาก่อนเช่นกัน เมื่อเขาย้ายจาก เซาแธมป์ตัน มาเล่นให้ ลิเวอร์พูล

แต่ตอนนี้ ฟาน ไดจค์ มีคู่แข่งน้อยสำหรับคำชื่นชมนั้น หลังจากผ่านไป 18 เดือนที่ แอนฟิลด์ ค่าตัวจำนวน 75 ล้านปอนด์ ของเขาตอนนี้ ดูเหมือนว่า จะเป็นความคุ้มค่า และ ลิเวอร์พูล จะได้เงินเพิ่มเป็นสองเท่าในตอนนี้หากพวกเขาโง่พอที่จะพิจารณาขายแข้งดัตช์ออกจากสโมสร

มันจะไร้เดียงสาสำหรับ แมนฯยูไนเต็ด ที่จะคาดหวังว่า แมคไกวร์ จะเดินไปในเส้นทางเดียวกันอย่างรวดเร็ว แต่เขาดีกว่า นักเตะแนวรับที่พวกเขามีอยู่อย่าง ฟิล โจนส์ และ คริส สมอลลิง และเขาจะเข้ามาปรับปรุงแนวรับ “ปีศาจแดง” ได้อย่างแน่นอน

ดังนั้นราคาจึงต้องเป็นมูลค่ามหาศาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และ แมนฯยูไนเต็ด ต้องยอมรับว่ากลไกตลาดทำให้พวกเขาต้องทำลายค่าธรรมเนียมการย้ายทีมด้วยค่าตัวสถิติโลกสำหรับปราการหลังรายนี้

สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ แมคไกวร์ ไม่ใช่กองหลังที่ดีที่สุดในโลก