อีกเกมที่น่าสนใจของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาคือการพบกันระหว่าง อาร์เซน่อล เปิดรังเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ และยังถือเป็นศึกนอร์ท ลอนดอน ดาร์บี้ แมตช์ อันสุดตื่นเต้นเร้าใจก่อนที่ตอนจบจะเป็นเจ้าบ้านที่คว้าชัยไปอย่างเหนือชั้น 4-2 ทำให้นอร์ท ลอนดอนในภาคแรกนี้กลายเป็นสีแดงเต็มตัว ไม่ใช่สีขาวเหมือนครั้งก่อน ๆ อีกต่อไป อีกเรื่องอันน่าสนใจของเกมนี้คือมันยังแสดงให้เห็นถึงกึ๋นในการแก้เกมของ อูไน เอเมรี่ ยอดกุนซือผู้เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับทีมได้อีกครั้งในปีนี้
ในช่วงจบครึ่งแรกทั้ง ๆ ที่ตอนต้นเกม ทัพปืนโต ออกนำไปก่อนอย่างรวดเร็วจากจุดโทษ แต่กลายเป็นว่าพวกเขาต้องตามหลังในช่วงพักครึ่ง ทันใดนั้น เอเมรี่ ได้ตัดสินใจส่ง อารอน แรมซี่ย์ มาประจำการเพื่อหวังปั่นป่วนแนวรับของผู้มาเยือน บทสรุปก็คือมันดันได้ผลตามความต้องการของเขาเป๊ะ สกอร์ที่ออกมาจึงพลิกกลับเป็นชัยชนะอย่างงดงามของเจ้าบ้านชนิดที่แฟนทีมเยือนถึงกับงงไปเลยว่า มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร เอาเข้าจริงทั้งหมดทั้งมวลคงต้องยกความดีความชอบให้กับยอดกุนซือรายนี้ที่มองเห็นอะไรบางอย่างจากเกมการแข่งขันจนเขาตัดสินใจส่งตัวความเร็วลงไปท้าทายแนวรับของ สเปอร์ส
กุนซือระดับอ๋องในการแก้เกม
ไม่ใช่แค่เกมนี้เท่านั้น หากใครติดตาม อาร์เซน่อล มาตลอดในช่วงตั้งแต่ต้นซีซั่น จะเห็นเลยว่า เอเมรี่ จัดเป็นกุนซือระดับอ๋องในการแก้เกมอย่างมาก หลายแมตช์พวกเขาแทบจะพังพินาศในช่วงครึ่งแรกแต่ก็กลับมาได้ในเกมครึ่งหลัง นั่นแสดงให้เห็นอะไรบางอย่างในความสามารถของกุนซือรายนี้ที่ตอนแรกถูกค่อนขอดว่าเป็นพวกกุนซือขัดตาทัพ เป็นช่วงเวลาที่อาร์เซน่อลยังไม่รู้จะเลือกใครดีเลยไปคว้าตัวเขามาคุมทีมพลาง ๆ ก่อน ทว่าอดีตกุนซือเปแอสเชได้แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นอีกของจริงบนถนนสายผู้จัดการทีม ไม่ใช่ของปลอมทำเหมือนที่จะมาดูถูกกันได้ง่าย ๆ
ถือเป็นช่วงเวลาที่แฟนบอลอาร์เซน่อลกำลังมีความสุขอย่างมากในการกลับมามีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกครั้ง โดยตารางคะแนนล่าสุดพวกเขาก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับ 4 เรียบร้อย มีแต้มเท่ากับ สเปอร์ส แต่ประตูได้เสียดีกว่า ตามหลังอันดับ 3 อย่าง เชลซี เพียงแค่แต้มเดียว ตามหลังจ่าฝูง 8 แต้ม นับว่าไม่ไกลกันมาก อีกทั้งเชื่อว่าในใจลึก ๆ ของแฟนบอลก็อยากเห็นทีมตัวเองได้ลุ้นแชมป์กับเขาบ้างในปีนี้เพราะมันไม่เคยสัมผัสอารมณ์ที่ว่ามานานแสนนาน
