เลอ เบลอส์ กับความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง

บรรยากาศทีมฝรั่งเศส

ในที่สุดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ก็ได้บทสรุปเรียบร้อย แชมป์โลกคราวนี้เป็นทีของ “ตราไก่” ฝรั่งเศส ที่สามารถเอาชนะ “ตราหมากรุก” โครเอเชีย ไปอย่างสุดมันส์ 4-2 อันดับ 3 เป็นของ “ปีศาจแดงยุโรป” เบลเยี่ยม และอันดับ 4 “สิงโตคำราม” อังกฤษ ต้องยอมรับว่าการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ ฝรั่งเศสดูจะเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ไล่ทุกตำแหน่งสามารถหานักเตะมาทดแทนกันได้ รวมถึงการเกิดดาวรุ่งดวงใหม่อย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่ตอนนี้ได้รับการจับตามองไปเรียบร้อยแล้ว

สิ่งแรกที่ต้องนับถือคือความเก๋าของกุนซืออย่าง ‘ดิดิเยร์ เดส์ชองส์’ ที่แม้ศึกฟุตบอลยูโร 2016 เขาจะโดนวิจารณ์อย่างหนักกับการไม่สามารถพาทัพ ‘เลอ เบลอส์’ ก้าวไปสู่ความหวังในการเป็นแชมป์ได้ จนโดนวิจารณ์ชนิดหลายคนอยากให้ลาออกจากตำแหน่ง แต่ ‘เดส์ชองส์’ ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานของตนเองต่อไปพร้อมสร้างสายเลือดใหม่ของขุนพลตราไก่ขึ้นมา เมื่อผลลัพธ์ที่ได้สุกงอม ทุกอย่างจึงออกมาสวยงามแบบที่เราเห็นกัน

แชมป์ฟุตบอลโลก 2018

เจาะลึกแผงทีมตราไก่ทีละส่วน

คราวนี้มามองกันถึงขุนกำลังที่มีไล่ตั้งแต่นายทวารฟอร์มหนึบอย่าง ‘ฮูโก้ โยริส’ กองหลังตัวสำคัญคู่หูเซนเตอร์ฮาล์ฟอย่าง ‘ราฟาเอล วาราน’ และ ‘ซามูเอล อุมติตี้’ คือหัวใจหลักในแผงรับที่ทำให้ฝรั่งเศสมีความเหนียวแน่นหนึบ ขยับมาที่กองกลางผู้ปิดทองหลังพระอย่าง ‘เอ็นโกโล่ ก็องเต้’ เราจะเห็นได้ชัดเลยว่าบอลอยู่ไหนเขาจะอยู่ที่นั่นเสมอ คอยไล่ ดักบอล สกัดให้ฝ่ายตรงข้ามเสียจังหวะ รวมถึงทำเกมรุกขึ้นมาเองในหลายๆครั้ง ส่วนมิดฟิลด์คู่หูอย่าง ‘ปอล ป็อกบา’ ต้องบอกว่าทัวร์นาเมนต์นี้เขาทำผลงานได้น่าประทับใจมาก ทั้งเรื่องของวินัยในการเล่น ไม่โชว์เหนือเหมือนเวลาอยู่กับ “ปีศาจแดง” และแน่นอนว่าอีกคนที่ต้องคารวะให้เลยคือ ‘คีลิยัน เอ็มบัปเป้’ ดาวเตะความเร็วสูงวัย 19 ปีที่ทำผลงานได้กระหึ่มโลกของแท้ ลากเลื้อย ยิงสวยๆ เรียกว่างานนี้ครบเครื่อง

คู่หน้าอย่าง ‘อ็องตวน กรีซมันน์’ คนนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าทีเด็ดทีขาด เชื่อใจได้เสมอ ส่วน ‘โอลิวิเยร์ ชิรูด์’ แม้โดนค่อนขอดว่าเป็นกองหน้าสากกะเบือ ทำประตูไม่ได้เลย แต่ขอบอกว่านี่คือตัวพักบอลชั้นดีที่ทำให้แผงมิดฟิลด์เล่นง่ายจนฉายแสงแบบเรียงหน้ากัน ภาพรวมทั้งหมดของฝรั่งเศสในฟุตบอลโลกครั้งนี้จึงถือว่างดงามมากๆ สมควรกับการได้รับยกย่องให้เป็นเบอร์ 1 ของโลก และยังทำให้พวกเขาประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ในกีฬาฟุตบอลอีกครั้งหลังต้องรอกันมายาวนานถึง 20 ปีเต็ม นับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1998 ที่พวกเขาคว้าแชมป์ครั้งแรกในบ้านเกิดของตนเอง

ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ผู้พลาดในยูโร 2016 แต่แก้ตัวในเวิร์ลคัพ 2018