เลสเตอร์กับตำนานการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบสุดเวอร์วัง

เลสเตอร์กับตำนานการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบสุดเวอร์วัง

เลสเตอร์ ซิตี้ กับการสร้างตำนานคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2015-16 ถือได้ว่าเป็นตำนานที่เล่าได้ถึงรุ่นลุกรุ่นหลานเลยทีเดียว กับทีมเล็กๆทีมหนึ่งที่มีอัตราการแทงจากบ่อนการพนันในประเทศอังกฤษเมื่อปี 2015 อยู่ที่ 5000-1 เท่านั้น แต่กลับหักปากกาเซียนด้วยการเถลิงแชมป์พรีเมียร์ลีก 2015-16 มาครองได้อย่างน่าเหลือเชื่อ โดยที่เหล่าทีมบิ๊กเนมหลายๆสโมสรในเวลานั้นยังต้องอึ้งเลยทีเดียว ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับ เลสเตอร์ มันคงเทียบกับยุคสมัยที่ทีมอย่าง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 1995-96 มาครองได้นั่นเอง เพียงแต่ว่า เหตุการณ์ที่เลสเตอร์สร้างขึ้นเมื่อปี 2016 หรือราวๆ 20 ปีหลังจากที่แบล็คเบิร์นคว้าแชมป์ลีก มันดูจะมีหลายองค์ประกอบมาบรรจบกันอยู่ จังหวะมันเลยลงล็อกพอดีนั่นเอง วันนี้เราจะมาดูว่าทำไมเมื่อ 5 ปีก่อนนั้น เลสเตอร์ถึงสามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองได้อย่างน่าเหลือเชื่อ !

สโมสรยักษ์ใหญ่หลายทีมอยู่ในช่วงผลัดใบ

ในฤดูกาล 2015-16 หลังจากที่สโมสร เชลซี สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองในฤดูกาลก่อนได้นั้น มันก็ได้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ไล่ตั้งแต่เชลซีนั้นผลงานหลุดฟอร์ม แพ้รัวๆตั้งแต่ต้นฤดูกาลจนทำให้ โชเซ่ มุรินโญ่ โดนปลดจากการทำงานเป็นผู้จัดการทีมอีกครั้ง หรือจะเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ซึ่งตอนนั้นฟอร์มการเล่นกำลังหลุดทะเลไปเยอะจนไม่เหลือลายแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2013-14 เลยด้วยซ้ำแม้แต่กับทีม ลิเวอร์พูล ก็มีอาการที่เข้าขั้นแย่เช่นกัน จนสุดท้ายพวกเขาก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งโค้ชจาก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ไปเป็นตัวของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เรียกว่าในช่วงเวลาที่เหล่าทีมบิ๊กเนมใพรีเมียร์ลีกยังจับต้นชนปลายไม่ถูกนั้น เลสเตอร์ ภายใต้การทำทีมของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ เป็นคนทำทีมก็เดินหน้าเก็บชัยชนะได้ต่อเนื่อง รู้ตัวอีกทีก็ขึ้นไปอยู่บนตำแหน่งจ่าฝูงแล้ว

ความพีคของนักเตะในทีมกำลังได้ที่

ความพีคของนักเตะในทีมกำลังได้ที่

กล่าวกันว่าถ้าหากมันถึงช่วงที่นักเตะในทีมมาถึงจุดพีคในการเล่น แถมยังมาเกิดขึ้นพร้อมกันด้วยอีก อะไรจะมาขวางมันก็คงยาก และในเวลาดังกล่าวนั้น นักเตะในทีมหลายคนมีประสบการณ์ในการค้าแข้งมาพอสมควร แถมมาถึงจุดพีคด้วย มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เลสเตอร์จะทำผลงานได้ดี จังหวะจะโคนมาลงตัวในตอนนั้นพอดี

ความสมดุลตั้งแต่ผู้รักษาประตูถึงกองหน้า

ผู้รักษาประตูอย่าง แคสเปอร์ ชไมเคิล ที่เหนียวหนึบ , ปราการหลังที่เคยผ่านการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้วอย่าง โรเบิร์ต ฮูธ , กองหลังคู่หูที่ไว้ใจได้อย่าง เวส มอร์แกน และยังมีแดนกลางที่คอยปัดกวาดทำให้คู่ต่อสู้เล่นยากอย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่ได้ชื่อว่าเป็นมิดฟิลด์ตัวรับแข้งเทพที่มีทักษะในการตัดเกมและอ่านเกมดีพอๆกับ โคล้ด มาเกเลเล่ , แนวรุกที่มี ริยาด มาห์เรซ ที่ทั้งลากเลื้อยเก่ง เปิดบอลแม่นยำและจบสกอร์ได้ดี และสุดท้ายนั้น “ลูกระเบิด” นามว่า เจมี่ วาร์ดี้ ที่คมกริบในการทำประตู บวกกับประสบการณ์และมันสมองของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ที่วางแผนให้เข้ากับสไตล์ของเลสเตอร์ด้วยอีก มันเลยกลายเป็นฝันร้ายของทีมตรงข้ามในพริบตา แค่ ก็องเต้ คอยตัดบอลและคอยส่งบอลให้ปีกตัวทำเกมอย่าง มาห์เรซ รับบอลและหาจังหวะเปิดบอลแม่นๆให้กับ วาร์ดี้ได้ทำประตู แค่นี้ก็เด็ดดวงแล้ว

ชัยชนะกับดวงเป็นของคู่กัน

ชัยชนะกับดวงเป็นของคู่กัน

ว่ากันว่าการเล่นฟุตบอลนั้น บางทีมเล่นมาดีทั้งทัวร์นาเมนต์ แต่กลับมาตกม้าตายตอนรอบชิงชนะเลิศ หรือว่าเล่นดีมาทั้งฤดูกาล แต่กลับมาพลาดแชมป์ในบั้นปลายแบบฉิวเฉียด กล่าวได้ก็คือทีมฟุตบอลแบบนี้ “ไม่ได้พกดวงมาด้วย”แต่สำหรับเลสเตอร์นั้น พวกเขากลับมาสิ่งที่เรียกว่า “ดวงทีมจะเป็นแชมป์” เพราะนอกจากว่าพวเขาจะฟอร์มดีแล้ว บรรดาตัวเต็งแชมป์พรีเมียร์ลีกทีมอื่นยังพร้อมใจกันพลาดด้วยเช่นกัน แต่กระนั้นแล้ว ก็ต้องพูดอีกอย่างคือทีมที่มาแรงใฤดูกาลดังกล่าวอีกทีมอย่าง สเปอร์ส ทำแต้มไล่เลี่ยกับ เลสเตอร์ ด้วยเช่นกัน แต่ว่าพวกเขา “ไม่มีดวงจะเป็นแชมป์” จนจบแค่ที่ 2 ตามหลังเลสเตอร์ที่เป็นแชมป์นั่นเอง