แม้รางวัลบัลลงดอร์ในปีนี้จะได้รับคำชื่นชมมากมายว่าเหมาะสมกับผู้ที่ได้รับรางวัลด้วยประการทั้งปวง หลายคนบอกว่าเบื่อแล้วกับการที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ลีโอเนล เมสซี่ ผลัดกันรับรางวัลมาตลอดระยะเวลา 10 ปี จะว่าไปตามหน้าเสื่อ การที่ ลูก้า โมดริช ได้รางวัลนี้ก็สมเหตุสมผลด้วยประการทั้งปวงไม่ว่าจะเป็นการพา ทีมชาติโครเอเชีย ทีมโนเนมไม่มีใครคาดคิดเป็นรองแชมป์โลก และการพา เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 3 ติดต่อกัน
กรีซมันน์ คีย์แมนคนสำคัญ
ทว่าคนที่ดูผิดหวังและน่าเสียดายมาก ๆ คงไม่ใช่ 2 ดาวเตะที่กล่าวไปก่อนหน้าแน่ ๆ แต่เขาคนนั้นคือ อ็องตวน กรีซมันน์ ดาวยิงชาวฝรั่งเศสของทัพ แอตเลติโก มาดริด หนึ่งในกองหน้าแห่งยุคที่ดีที่สุด เพราะเขาถือเป็นคีย์แมนคนสำคัญทั้งในนามทีมชาติและระดับสโมสร การพาฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์เขานับว่ามีส่วนร่วมเต็ม ๆ หรือการพาทัพ แอตฯ มาดริด คว้าแชมป์ยูโรปา ลีก เขาก็คือตัวขับเคลื่อนในการเดินหน้าหาความสำเร็จ แล้วทำไมถึงยังถูกมองข้ามกันได้ลงคอ คงเป็นคำถามในใจที่ดาวยิงทัพ “เลอ“เบลอส์” ผู้นี้อยากรู้จริง ๆ
จะว่าไปฟอร์มการเล่นของทั้ง โมดริช และ กรีซมันน์ เองก็ไม่ได้จัดว่าขี้เหร่หรือแย่ ในทางกลับกันดูแล้วทั้งคู่น่าจะทำผลงานได้ดีในระดับใกล้เคียงด้วยซ้ำ หากบอกว่า โมดริช ทำผลงานได้ดีกว่าด้วยการพาทีมคว้าถ้วยใหญ่ของยุโรป อย่างนั้นในนามทีมชาติ กรีซมันน์ ก็ต้องได้รับการยกย่องมากกว่าในฐานะการพาทีมคว้าแชมป์โลก บางคนเกิดมาเพื่อให้โลกจำ แต่บางคนอาจเกิดมาเพื่อให้เกือบถูกจำ เพราะบ่อยครั้งที่เรามักเห็นความโหดร้ายบนโลกฟุตบอลเสมอ เช่น เมสซี่ ที่คงไม่มีโอกาสคว้าแชมป์โลกทั้ง ๆ ที่คว้ารางวัลบัลลงดอร์เป็นว่าเล่น , เดวิด เบคแฮ่ม นักเตะที่ไม่ได้เก่งที่สุดในโลกแต่มีเงินมีทองและมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้คือเรื่องราวที่บ่งบอกว่าฟุตบอลนอกจากเรื่องของความสามารถแล้ว เรื่องดวงก็จัดเป็นอีกสิ่งที่นักเตะทุกคนพึงมีติดตัวไว้ด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่แค่การเล่นบอลอย่างแข็งขัน การฝึกซ้อมอย่างไม่ยอมแพ้ แม้นั่นคือเรื่องดีในการเป็นนักฟุตบอลแต่อย่าลืมว่าบ่อยครั้งความทุ่มเทที่เราทำไปแล้วไม่ได้สิ่งตอบแทนอันเหมาะสมก็อาจทำให้แอบท้อในใจง่าย ๆ เหมือนกัน เป็นแบบ กรีซมันน์ ที่ตัวเขากำลังรู้สึกเหมือนตำแหน่งพระรองเข้าครอบงำเขาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาที่เขาจะได้เฉิดฉาย
