ทำไมเซ็นเตอร์ฮาล์ฟถึงเป็นตำแหน่งที่วิเคราะห์ศักยภาพยากที่สุด

ทำไมเซ็นเตอร์ฮาล์ฟถึงเป็นตำแหน่งที่วิเคราะห์ศักยภาพยากที่สุด

“เมื่อเดือนที่แล้วผมนั่งทานกาแฟพร้อมกับอดีตแมวมอง และผู้อำนวยการฟุตบอลที่ทำงานในสโมสรอังกฤษหลายแห่ง และในที่สุดการสนทนาของเราก็ไปเข้าเรื่องเกี่ยวกับ มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ เขาเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่แพงที่สุดเป็นอันดับต้นๆของโลกซึ่งมีค่าตัวประมาณ 75 ล้านยูโร และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 85.5 ล้านยูโร”

“อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้เป็นตัวจริงให้ ยูเวนตุส มานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว และต้องตกไปเป็นตัวสำรองของ เมริห์ เดมิรัล ใน 5 เกมหลังสุด สำหรับผมไม่สงสัยเลยว่า เดอ ลิกต์ เป็นดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์ แต่มันเป็นปีแรกของเขาในลีกใหม่ และการทำงานกับโค้ชคนใหม่ และในวัยเพียง 20 ปี เขาจะต้องพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอน” กราบิเอลเล่ มาร์ค็อตติ ผู้สื่อข่าวระดับอาวุโสของ “อีเอสพีเอ็น” อธิบาย

แมวมองคนหนึ่งกล่าวต่อว่า “คุณอาจพูดถูก แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง มันเป็นเรื่องยากมากที่จะทำนายอนาคตของพวกเขา เราใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการไปติดตามดูฟอร์มเด็กๆและผู้เล่นดาวรุ่ง และบางทีมันยากจริงๆที่จะฟันธงอนาคตของพวกเขา”

“นั่นทำให้ผมคิดอย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับกรณีของ มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ ในวัย 20 ปี และถ้ามาตรฐานที่เราจะตัดสินเขาคือ การเป็นกองหลังให้กับหนึ่งในสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในโลกในช่วงอายุของเขา มันเป็นความคาดหวังที่สูงมากๆ”

“ผมพยายามนึกย้อนไปถึงเซ็นเตอร์ฮาล์ฟชื่อดังคนล่าสุดที่เริ่มต้นในตำแหน่งนั้นตั้งแต่อายุยังน้อยกับสโมสรยักษ์ใหญ่ ซึ่งมันมีไม่มากนัก ยกตัวอย่าง มัทส์ ฮุมเมิลส์ ที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมนุด์ และ โฆเซ่ ฆิมิเนซ ที่ แอตเลติโก้ มาดริด ส่วน เซอร์จิโอ รามอส ที่ เรอัล มาดริด เขาโดนจับไปเล่นแบ็คขวาก่อนที่จะย้ายมาเป็นกองหลังตัวกลางในวัย 23 ปี”

ในวัยเดียวกันนั้น เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ กองหลังทีมชาติฮอลแลนด์ กำลังเล่นให้กับ โกรนิงเก้น ทีมกลางตารางในศึกเอริวิซีลีก เขายังไม่ได้เล่นให้กับทีมใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล จนกระทั่งอายุ 26 ปี หลังจากใช้เวลาพัฒนาตัวเองกับ เซาแธมป์ตัน และ กลาวโกว์ เซลติก

ขณะเดียวกัน คาลิดู คูลิบาลี่ เซ็นเตอร์แบ็คชาวเซเนกัล เริ่มค้าแข้งกับ เม็ตซ์ ซึ่งอยู่ในลีกที่สองของประเทศฝรั่งเศสในเวลานั้น จากนั้นเขาก็ย้ายไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ เก็งค์ ก่อนจะได้ย้ายมา นาโปลี ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา ในวัย 23 ปี

เลโอนาร์โด โบนุชชี่ กองหลังทีมชาติอิตาลี เคยไปเล่นด้วยสัญญายืมตัวกับทีมในเซเรีย บี อย่าง ปิซ่า และ เตรวิโซ่ ก่อนจะย้ายมายัง ยูเวนตุส ส่วน จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ตอนอายุ 23 ปี เขายังไปเล่นกับ ฟิออเรนติน่า ด้วยสัญญายืมตัวในตำแหน่งแบ็คซ้ายอยู่เลย

ขณะที่ มิลาน สคริเนียร์ กองหลังทีมชาติสโลวาเกีย ของ อินเตอร์ มิลาน ในวัย 20 ปี เขายังคงเล่นกับ ซิลิน่า ในลีกบ้านเกิด ส่วน อายเมริค ลาปอร์เต้ ปราการหลังชาวฝรั่งเศส ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วง 20 ต้นๆ เขายังเล่นกับ แอธเลติก บิลเบา ทีมกลางตางรางในศึกลา ลีกา สเปน

มาร์ควินญอส กองหลังชาวบราซิล ย้ายจาก โรม่า ไปยัง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทีมดังในศึกลีกเอิง ฝรั่งเศส ด้วยค่าตัวมหาศาล และยังคงมีสถิติเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่แพงที่สุดตลอดกาล แต่ช่วงแรกเขายังเป็นตัวสำรองของ ติอาโก้ ซิลวา และ ดาวิด ลุยซ์ 2 ปราการหลังรุ่นพี่ร่วมชาติ

แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติอังกฤษ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นกองหลังตัวกลางที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์จากข้อมูลของ Transfermarkt และตอนอายุ 20 เขาได้เป็นตัวจริงแต่กับทีมในศึกลีก วัน อย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ก่อนจะย้ายมายัง “ปีศาจแดง” เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมาในวัย 26 ปี

ลูคัส เฮอร์นันเดซ กองหลังทีมชาติฝรั่งเศส ของ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกบุน เดสลีกา เยอรมัน ซึ่งเป็นแนวรับที่ค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก นั้น เขาเล่นแบ็คซ้ายให้กับ แอตเลติโก้ มาดริด ในช่วงอายุ 20 ปี

หากถามว่าตำแหน่งกองหลังตัวกลางมันแตกต่างกันมากกับผู้เล่นในตำแหน่งอื่นหรือไม่ โดยทั่วไปแล้วก็คือ ใช่ เพราะไม่มีอะไรสามารถรับประกันได้ว่า เมื่อคุณอายุ 20 ต้นๆ แล้วกลายเป็นตัวหลักของทีมชั้นนำในยุโรป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะกลายเป็นตัวหลักของทีมไปได้ตลอด

อย่างไรก็ตาม ในกรณีของนักเตะแนวรุกอย่าง เซอร์จิโอ อเกวโร่ กับ แอตเลติโก้ มาดริด, คาริม เบนเซม่า กับ โอลิมปิก ลียง, ลิโอเนล เมสซี่ กับ บาร์เซโลน่า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด , เนย์ม่าร์ กับ ซานโตส, หลุยส์ ซัวเรซ กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และ คีเลียน เอ็มบัปเป้ กับ เปแอสเช ได้รับข้อยกเว้น

ปิแอร์ เอเมอริก-โอบาเมย็อง กองหน้าทีมชาติกาบอง เคยถูก เอซี มิลาน ปล่อยยืมตัวมาที่ ลีลล์ ก่อนจะไปแจ้งเกิดกับ ดอร์ทมุนด์, แฮร์รี่ เคน หัวหอกทีมชาติอังกฤษ ช่วงแรกก็ไม่ค่อยได้รับโอกาสที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ส่วน สลาตัน อิบราฮิโมวิช ดาวยิงสวีเดน ยังคงปรับตัวให้เข้ากับชีวิตที่ อาแจ็กซ์ แต่ส่วนใหญ่ ทุกคนรู้ว่าพวกเขามีฝีเท้าเป็นอย่างไร

มันเป็นเรื่องที่คล้ายกันกับนักเตะในตำแหน่งปีก ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เริ่มต้นกับ ลิเวอร์พูล, เอเด็น อาซาร์ เริ่มต้นกับ ลีลล์ ในฐานะแชมป์ลีก เอิง และเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี, จาดอน ซานโช่ เริ่มต้นที่ ดอร์ทมุนด์ และ เลรอย ซาเน่ เริ่มต้นกับ ชาลเก้

ผู้เล่นในตำแหน่งกองกลาง แบร์นานโด ซิลวา เริ่มต้นกับ โมนาโก

ขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตำแหน่งกองกลาง แบร์นานโด ซิลวา เริ่มต้นกับ โมนาโก, มาร์โก แวร์รัตติ เริ่มต้นกับ เปแอสเช, คริสเตียน อิริคเซ่น และ แฟรงค์กี้ เดอ ยอง กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และ ปอล ป็อกบา กับ ยูเวนตุส

นอกจากนี้ ยังมีนักเตะกองกลางอีกบางส่วนที่มีสัญญากับสโมสรใหญ่แต่ต้องย้ายไปเล่นด้วยสัญญายืมตัวกับทีมอื่น อาทิ ฟาบินโญ่ กับ มาดริด แต่ไปเล่นกับ โมนาโก, คาเซมิโร่ อยู่ในทีม มาดริด ชุดสำรองก่อนจะขึ้นสู่ชุดใหญ่

อย่างไรก็ตาม ยังมีนักเตะเยาวชนที่มีชื่อเสียงในสโมสรระดับกลางๆ อาทิ ไค ฮาเวิร์ตซ์ กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น, อังเคล ดิ มาเรีย กับ เบนฟิก้า และ มาร์โก้ รอยส์ กับ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค แต่แน่นอนว่า เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เป็นข้อยกเว้นเพราะเขาอยู่ในทีมชุดบี ของ บูโลญจน์ ในลีก 2 ของฝรั่งเศส

มันเป็นกรณีที่กองหลังตัวกลางจะพัฒนาตัวเองขึ้นในภายหลังหรือไม่ ใช่ มันเป็นความจริงที่ว่าประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการอ่านเกม แต่ความแข็งแกร่ง ความเร็ว และความเป็นนักกีฬานั้น มีความสำคัญไม่แพ้กัน และมีแนวโน้มที่จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป

มันยังไม่ได้อธิบายว่า ทำไมในยุคนี้การส่งแมวมองไปดูฟอร์มผู้เล่นมันใช้เวลานานมากสำหรับสโมสรใหญ่ที่จะตระหนักว่านักเตะอย่าง ฟาน ไดจค์, คูลิบาลี่, โบนุชชี่ และ สคริเนียร์ เป็นผู้เล่นที่มีศักยภาพ ซึ่งบางทีในช่วงเป็นดาวรุ่งพวกเขาอาจยังไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นกับสโมสรใหญ่

จิตวิทยาน่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจ เรายอมรับได้หากกองหน้าอายุน้อย หรือคนที่มีประสบกาณ์แล้วยิงประตูชนเสาหรือคาน แต่กองหลังอาจถูกมองว่า ผิดพลาดหากทีมเสียประตู หรือทำให้ทีมต้องเสียจุดโทษ

ในกรณีของ เดอ ลิกต์ เขาเล่นให้กับทีมชาติฮอลแลนด์ครั้งแรกในวัยเพียง 17 ปี ในเวลานั้น และหากทีมเสียประตูเขาอาจดูเป็นส่วนหนึ่งในความผิดพลาด แต่หากเขาเป็นดาวรุ่งที่เล่นในตำแหน่งกองหน้าแล้วยิงประตูชนเสา เขาอาจได้รับคำยกย่องว่าพยายามดีแล้ว นั่นคือวิธีที่คนส่วนใหญ่คิด

อาจมีความรู้สึกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสโมสรใหญ่ที่มีความกดดันอย่างมากจากแฟนบอล และสื่อต่างๆ จะอดทนต่อความผิดพลาดจากการไม่มีประสบการณ์ของกองหลัง สิ่งนี้จะอธิบายได้ว่าทำไม คิเอลลินี่ ต้องเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายก่อนที่จะย้ายเข้ามาเล่นกองหลังตัวกลาง

ทำไม มาดริด ต้องขยับ รามอส ไปเป็นแบ็คขาวก่อน 2-3 ปี และใช้ เปเป้ กองหลังชาวโปรตุเกส และ คริสโตฟ เมตเซลเดอร์ ปราการหลังชาวเยอรมัน เป็นหลักในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ

หรืออาจเป็นได้ว่าสโมสรต่างๆ ไม่ค่อยมีความสามารถในการประเมินศักยภาพของกองหลังตัวกลางโดยเฉพาะเมื่อพวกเขายังเด็กมาก โดยนักเตะบางส่วนถูกปรับจากตำแหน่งอื่น และเปลี่ยนไปเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ในช่วงวัยรุ่นตอนกลาง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเรียนรู้บทบาทใหม่ คนอื่นอาจมีแรงกระตุ้นการเติบโตที่ส่งผลกระทบต่อการประสานงานของพวกเขา

กลับไปที่ เดอ ลิกต์ เป็นนักเตะประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอดีต และเคยเป็นกัปตันทีมของ อาแจ็กซ์ ในชุดเข้าถึงรอบรองชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ดังนั้น การกดดันเขามากขึ้น หรือแนะนำว่าเขาไม่ได้อยู่กับความคาดหวังที่สมเหตุสมผล แต่เขาประสบความสำเร็จมาแล้วมากกว่า 99.99%

มันจะมีประโยชน์มากกว่านี้ถ้าฟุตบอลถามตัวเองว่า ทำไมมันถึงต้องดิ้นรนมากเมื่อมันมาถึงการระบุ และไว้วางใจกองหลังดาวรุ่งผู้มีความสามารถ

เดอ ลิกต์ เป็นนักเตะประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอดีต