ทฤษฏีน่าสนใจ … หากลูกากูคืนฟอร์ม = เชลซีคืนชีพลุ้นแชมป์เต็มตัว จริงหรือไม่

เชลซีคืนชีพลุ้นแชมป์

หลังจากเริ่มต้นฤดูกาล 2021/22 ได้อย่างน่าประทับใจ ไล่กระซวกประตูคู่แข่งซะสนุกเท้านั้นดูเหมือนว่า เชลซี ก็เริ่มที่จะมีช่วงเวลาที่ผันผวนเล็กน้อยเช่นกันอันที่จริงแล้วนั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาถูกประเมินคุณภาพของทีมสูงเกินไปหรือเป็นทีมระดับเทพประทับอะไรหรอก แต่ก็แค่ว่าทุกทีมต้องเจอปัญหาแย่ๆมาปะทนในบางช่วงเวลาบ้างเช่นกัน เชลซีเองก็หนีไม่พ้นกับสถานการณ์แบบนี้ แต่แล้วในที่สุดทัพ “เดอะ บลูส์ไ ก็เริ่มจะกลับมาแก้ตัวได้เร็วกว่าที่คิดไว้ เริ่มเค้นเอาความสามารถของพวกเขาออกมาใช้ในการปราบคู่ต่อสู้ได้มากขึ้นด้วยเช่นกันแต่ถึงกระนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะกลับมาเป็นทีมลุ้นแชมป์ได้อีกครั้งก็ตาม แต่บางทีถ้าดูดีๆ มันอาจจะสายเกินไปก็ได้ เพราะในช่วงเวลาที่เชลซีเริ่มทำแต้มตกหล่นไปนั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับมาโชว์ฟอร์มได้แบบไร้เทียมทานอีกครั้งแล้ว และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครหยุดพวกเขาได้เลยในขณะนี้สิ่งที่พอจะทำให้ เชลซี พอจะเบ่งได้อยู่บ้างก็คือในขณะนี้ เชลซี มีแต้มเท่ากับลิเวอร์พูลก็จริง แต่พวกเขาไม่ได้มีสตาร์ระดับคุณภาพสูงมากนัก ถ้าให้เทียบกับลิเวอร์พูลที่ตอนนี้มียอดนักเตะเต็มทีมไปหมดอย่างไรก็ตาม “หงส์แดง” ก็จะต้องเสียผู้เล่นหลักสองคนนั่นคือ โม ซาลาห์ และซาดิโอ มาเน่ สองดาวยิงตัวเก่งไปทำหน้าที่ให้กับทีมชาติของตัวเองในศึก AFCON ในเดือนหน้า ในขณะที่เชลซี ก็จะต้องปล่อย เอดูอาร์ด เมนดี้ ไปทำหน้าที่เช่นกันเมื่อนักเตะดาวเด่นของทีมตัวเองไม่อยู่ และลิเวอร์พูลก็เริ่มอ่อนกำลังลงอย่างชัดเจน มันน่าจะเป็นโอกาสสำหรับเชลซีที่จะประกาศศักาได้อีกครั้งในการแข่งขันเพื่อลุ้นชิงตำแหน่งแชมป์กลับมาให้ได้ และต้องหวังพึ่งเหล่ากองหน้าดาวดังในทีมเพื่อไล่ตามแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ให้ทัน

และในเกมนี้ พวกเราก็ต้องยกย่อง โรเมลู ลูกากู

และในเกมนี้ พวกเราก็ต้องยกย่อง โรเมลู ลูกากู

ด้วยเช่นกัน เพราะยามที่ทีมต้องการความสามารถในการยิงประตูพลิกเกมได้นั้น เขานี่แหละที่สามารถเป็นตัวเอกให้กับทีมได้ พลิกสถานการณ์ได้นักเตะชาวเบลเยี่ยมรายนี้ สามารถพลิกเกมให้กับเชลซีได้ ในเกมที่พวกเขาเอาชนะ แอสตัน วิลล่า 3-1 ในวันบ็อกซิ่งเดย์ เขาเล่นงานนักเตะแบ็คโฟร์ของวิลล่าได้มากที่สุด เขาทำประตูได้จากจังหวะโหม่งบอลโฉบตัดหน้ากองหลังวิลล่า และที่สำคัญคือเขาอาศัยความแข็งแกร่งในการพาบอลเข้าไปในเขตโทษได้ และเรียกฟาวล์จนทำให้ทีมได้จุดโทษ ทำให้ทีมได้สามแต้มที่สำคัญในเกมนี้จนได้และนี่ก็ถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดของลูกากูตั้งแต่เขากลับมาที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ในช่วงซัมเมอร์ และหลังจากที่ เชลซี ต้องอดทนอย่างหนักกับช่วงเวลาหนึ่งที่ฟอร์มของเขาไม่ดีเท่าไหร่และยังมีอาการบาดเจ็บรบกวน แต่ตอนนี้เขาต้องการพิสูจน์ว่าเขามีค่าพอที่จะเล่นให้กับสโมสรที่เจ้าตัวเคยอยู่มาตั้งแต่ในวัยเด็ก และยังยอมที่จะจ่ายเงินถึง 98 ล้านปอนด์เพื่อเซ็นสัญญาดึงเขากลับมาอยู่ในทีม

ในเกมนี้ ลูกากู

ในเกมนี้ ลูกากู

เล่นได้ดี ทั้งพักบอล ดึงตัวประกบ แทงค์ฝ่ายตรงข้าม แต่ถ้าให้พูดตามตรง ผลงานของเขาก็ยังห่างไกลสถิติของ ดิดิเยร์ ดร็อกบา และ ดิเอโก้ คอสต้า ในสมัยที่ยังเป็นกองหน้าให้กับทีม ซึ่งทั้งคู่ประสบความสำเร็จแบบสุดๆในช่วงเวลาสองทศวรรษที่ผ่านมาที่น่าสังเกตคือ เชลซี ไม่เคยคว้าแชมป์ลีกได้เลยหากไม่มีสองคนนั้นเป็นกองหน้าในทีม และตอนนี้ลูกากูเองก็มีโอกาสที่จะเขียนชื่อของเขาลงในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสรด้วยเช่นกัน ถ้าเขาได้แชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้หลังจากย้ายออกจากอินเตอร์ ซึ่งเขาได้แชมป์เซเรีย อาเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เขาก็หวังว่าจะใช้ประสบการณ์อันมีค่าที่เขามี ในการนำมาใช้ในการยกระดับทีม ทำให้พวกเขากลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้ หลังจากที่พวกเขาได้ล่าสุดก็คือในฤดูกาล 2016-17สถิติ 2 ประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ของ ลูกากู อาจจะน่าเป็นห่วง แต่ถ้าเขาฟอร์มเข้าฝักสุดๆล่ะก็ มันก็ยากที่จะหาใครมาหยุดเขาได้เช่นกัน