เจาะลึกประวัตินกนางนวล ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน

ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน

ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ ฮัลเบี้ยน เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่ตั้งอยู่ที่เมืองไบรท์ตัน ทางตะวันออกของซัซเซ็ก ประเทศอังกฤษ พวกเค้าแข่งขันอยู่ในลีกสูงสุดของประเทศคือ พรีเมียร์ลีก มีสนามเหย้า ที่จุผู้คนได้ 30,750 คน คือ ฟาลเมอร์ สเตเดี้ยม หรือเรียกในนามสปอนเซอร์ว่า อเมริกันเอ็กเพลส คอมมูนิตี้ สเตเดี้ยม หรือ Amex สโมสรก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.1901 มีฉายาว่า นกนางนวล หรือ อัลเบี้ยน ทีมทำการแข่งขันอยู่ในลีกทางตอนใต้ของประเทศ ก่อนที่ปีค.ศ.1920 จะได้เข้าเล่นในระบบฟุตบอลลีก พวกเค้ามีชื่อเสียงมากในช่วงปีค.ศ.1979 – 1983 โดยเล่นอยู่ในดิวิชั่น 1 และในปีค.ศ.1983 พวกเค้าทะลุเข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ โดยพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนจะพ่ายในนัดรีเพลย์ และปีเดียวกันนี้พวกเค้าก็ตกชั้น

ในช่วงปลายค.ศ.1990 พวกเค้าตกชั้นไปอยู่ดิวิชั่น 4 พร้อมด้วยปัญหาทางการเงิน ปีค.ศ.1997 หลังจากที่รอดพ้นการตกชั้นจากฟุตบอลลีกหวุดหวิด ทางบอร์ดบริหารได้ประชุมและชำระหนี้สโมสรได้สำเร็จ ปีค.ศ.2001สโมสรก็ได้รับการเลื่อนขั้น และปีถัดมาก็เลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น2 ปีค.ศ.2011 สโมสรย้ายกลับมาใช้สนามฟาลเมอร์ สเตเดี้ยมเป็นสนามเหย้าอีกครั้งหลังจากใช้ครั้งสุดท้ายเมื่อ 14 ปีที่แล้ว และฤดูกาล 2016-2017 ทีมคว้าอันดับสอง อีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ และได้สิทธ์เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ เป็นระยะกว่า 34 ปี ในการก้าวสู่ลีกสูงสุดของประเทศ

History

History

ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.1901 และ 19 ปีต่อมา คือปีค.ศ.1920 ก็ได้รับเลือกให้แข่งขันในลีกใหม่อย่างดิวิชั่น3 ก่อนหน้านี้พวกเค้าเล่นอยู่ในลีกทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งตอนนั้นพวกเค้าคว้าแชมป์ระดับชาติเพียงครั้งเดียวในรายการ
เอฟเอ แชริตี้ชิลด์ ปีค.ศ.1910 โดยคัดเลือกทีมจากแชมป์ของลีกตอนใต้ มาแข่งกับ แชมป์จากฟุตบอลลีกคือแอสตันวิลล่า ปรากฏว่าพวกเค้าคว้าถ้วยแชมป์มาครองได้สำเร็จ

มาร์ค แบมเบอร์ เป็นเจ้าของทีมไบรท์ตันตั้งแต่เดือนตุลาคม 1972 จนถึงปีค.ศ.1983 ปีค.ศ.1973 เค้าได้ซื้อผู้เล่นคนดังอย่าง ไบรอัน เคล้าท์มาเล่นที่สโมสร และแต่งตั้งอดีตผู้เล่นทีมชาติอังกฤษ อลัน มูลเลลีย์ เป็นผู้จัดการทีม ไบรท์ตันประสบความสำเร็จในการแข่งขันฟุตบอลลีกน้อยมาก จนกระทั่งปีค.ศ.1979 มูลเลลีย์พาทีมคว้าอันดับสองได้สิทธิ์เลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 1982-1983 ทีมมีผลงานไม่คงเส้นคงวา เริ่มด้วยการเอาชนะทีมอย่างอาเซน่อล และพ่ายแพ้ยับเยินต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เดือนธันวาคม ปีค.ศ.1982 ผู้จัดการทีมอย่าง ไมค์ ไบเลย์ ก็ตกงานจากผลงานนั้น ปีค.ศ.1983 จิมมี่ มีเลีย ก็เข้ามาคุมทีมต่อ แต่ไม่สามารถทำให้ทีมรอดพ้นจากการตกชั้นได้ ทีมจึงจบเส้นทางลีกสูงสุดหลังผ่านไปแค่4 ฤดูกาล อย่างไรก็ตามปีเดียวกันนี้พวกเค้าได้เข้าชิงชนะเลิศในรายการ เอฟเอคัพ โดยพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเค้าเสมอกันนัดแรก 2-2 โดย กอร์ดอน สมิธ และ แกรี สตีเว่นส์ ช่วยกันทำคนละประตู และนัดรีเพลย์ปรากฎว่าพวกเค้าพ่ายต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-4 ทำได้แค่รองแชมป์เท่านั้น

หลังจากตกชั้น ปีค.ศ.1987 พวกเค้าตกชั้นสู่ดิวิชั่น 3 แต่ก็สามารถกลับขึ้นมาได้ในปีถัดไป ปีค.ศ.1991 ทีมแพ้เพลย์ออฟนัดชิงชนะเลิศต่อ น๊อต เค้าน์ตี้ 1-3 ที่เวมเบอลีย์ ปีต่อมาก็ตกชั้นลงไปดิวิชั่น2(ชื่อลีกใหม่) และปีค.ศ.1996 ก็ตกชั้นสู่ดิวิชั่น 3 สถานการณ์การเงินของสโมสรเริ่มมีปัญหารุนแรง ทำให้สโมสรตัดสินใจขายสนามแข่ง โกลสโตน เพื่อหาเงินมาใช้หนี้ของสโมสร ฤดูกาล 1996-1997 จิมมี่ เคส ถูกไล่ออกหลังจากคุมทีมได้ย่ำแย่อันดับอยู่อันดับท้ายๆของตาราง สโมสรได้แต่งตั้ง สตีเว่น กริฟฟ์ อดีตผู้จัดการทีมชาร์ลตัน แอธเลติค เป็นผู้จัดการทีมต่อ ผลงานทีมเริ่มดีขึ้น แต่สโมสรก็ถูกลงโทษโดยหัก 2 คะแนนจากการประท้วงของแฟนบอลในสนาม กรณีสโมสรต้องการขายสนามแข่งโกลสโตนให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ปีค.ศ.1997 ดิคก์ ไนท์ แฟนพันแท้ของสโมสรได้เข้ามาบริหาร โดยการนำแฟนบอลเข้ากดดันบอร์ดสโมสร หลังจากที่ขายสนามแข่งไปแล้ว

ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล พวกเค้ายังอยู่ด้านล่างของตาราง และต้องพบกับแฮร์ฟอร์ด ยูไนเต็ด หากพวกเค้าชนะ หรือเสมอจะรอดตกชั้น แต่ในช่วงครึ่งแรกของการแข่งขัน เคอร์รี่ เมย์โย ทำเข้าประตูตัวเอง ทำให้ระยะทางในลีกอาชีพของสโมสร 77 ปีแทบจบลง อย่างไรก็ตาม รอบบี้ เรเนลท์ ก็ช่วยให้ทีมตีเสมอได้สำเร็จ ทำให้พวกเค้ารอดตกชั้นได้หวุดหวิด ส่งให้ระยะเวลา 25 ปีของลีกอาชีพของ แฮร์ฟอร์ด จบลง หลังจากขายสนามโกลสโตนไปแล้ว ทางไบรท์ตันต้องไปใช้สนามที่ สนามเพรียส์ฟิลด์ ของจิลลิ่งแฮม ที่อยู่ห่างออกไปถึง 70 ไมล์ ใช้สนามแห่งนี้แข่ง 2 ฤดูกาล จนถึงฤดูกาล 1999-2000 มิคกี้ อดัม ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีม และทางไบรท์ตันได้เช่าสนามวิธดีน เป็นสนามเหย้าของตัวเอง และฤดูกาล 2000-2001 พวกเค้าคว้าแชมป์ดิวิชั่น 3 เลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 2 ได้สำเร็จใช้เวลากว่า13ปีตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสโมสร อดัมออกจากสโมสรในเดือนตุลาคม ปีค.ศ.2001 เพื่อไปเป็นผู้ช่วยของเดฟ บาสเซ็ซที่เลสเตอร์ โดยปีเตอร์ เทย์เลอร์มาคุมทีมแทน และได้เปลี่ยนแปลงทีมไปสู่แนวทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้พวกเค้าสามารถคว้าแชมป์ดิวิชั่น 2 ได้สำเร็จ หลังจาก 5 ปีที่แสนยากลำบากจนเกือบยุบทีม ไบรท์ตันก็ได้เล่นดิวิชั่น 1 และเป็นทีมที่ร่วมก่อตั้งพรีเมียร์ลีกขึ้นด้วย ในเดือนพฤษภาคม ปีค.ศ.2009 เจ้าของทีมได้เปลี่ยนจาก ไนท์ เป็น โทนี่ บลูม ซึ่งเค้าประสบความสำเร็จในการระดมทุนสร้างสนามใหม่มูลค่า 93 ล้านปอนด์ โดยสนาม ชื่อว่า ฟาลเมอร์ สเตเดี้ยม นอกจากนี้บลูมยังถือหุ้นสโมสรอีก 75% ฤดูกาลสุดท้ายที่ใช้สนาม วิธดีน ฤดูกาล 2010-2011 ไบรท์ตันคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ฤดูกาลถัดมาพวกเค้าก็ย้ายกลับมาเล่นที่สนามของตัวเอง หลังจากไม่มีสนามมาตั้งแต่ปีค.ศ.1997

brighton & hove albion stadium

สนามฟาลเมอร์ เปิดใช้ครั้งแรกในฤดูกาล 2011-2012 โดยต้อนรับการมาเยือนของดอนคาสเตอร์ โรเวอร์ ไบรท์ตันเอาชนะไป 2-1 ฤดูกาล2012-2013 พวกเค้าจบด้วยการได้อันดับที่4 ของตารางได้สิทธิ์เพลย์ออฟเพื่อเลื่อนชั้น แต่พวกเค้าแพ้ต่อคริสตัลพาเลซในรอบก่อนรองชนะเลิศ ในขณะที่ผู้จัดการทีมอย่างโปเยท์ ถูกห้ามคุมทีมหลังจากไปสัมพาษก์หลังการแข่งขัน และเมื่อเค้าถูกไล่ออก ออสการ์ การ์เซียร์ ก็มาคุมทีมแทน นัดสุดท้ายของฤดูกาล 2013-2014 ไบรท์ตันชนะน๊อตติ้งแฮม ฟอเรสท์ 2-1 จากการทำประตูนาทีสุดท้ายของ ลีโอนาโด อูลลัว ทำให้พวกเค้าได้อันดับที่ 6 ของตาราง ได้สิทธิ์เพลย์ออฟ แต่หลังจากแพ้ต่อ ดาร์บี้ เค้าตี้ ในรอบเพลย์ออฟ การ์เซียร์ก็ลาออกไป ฤดูกาล 2014-2015 ซามี่ ฮูเปีย อดีตกองหลังลิเวอร์พูลเข้ามาคุมทีมแทน แต่เค้าก็ลาออกไปหลังจากคุมทีมได้เพียง 4 เดือน คริส ฮิวตันมาคุมทีมต่อ และคุมทีมโดยไม่แพ้ใครถึง 22 เกมส์ เริ่มจากวันที่พวกเค้าแพ้ต่อ มิดเดิ้ลสโบร์ 0-3 จนนัดสุดท้ายของฤดูกาล พวกเค้าไปเยือนมิดเดิ้ลสโบร์ และต้องการคว้า 3 แต้มเพื่อการันตีการเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก แต่ทำได้เพียงแค่เสมอ 1-1 ได้อันดับที่ 3 ต้องไปแข่งรอบเพลย์ออฟ โดยแพ้ต่อเชฟฟิลด์ เว้นเดย์ ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งเป็นการแพ้รอบเพลย์ออฟ 3 จาก 4 ฤดูกาลที่มีโอกาสแข่งขันรอบนี้

ไบรท์ตันเริ่มฤดูกาล 2016-2017 โดยการไม่แพ้ใครเลย 18 นัด เป็นทีมนำของตารางจนถึงเดือนมกราคม และพวกเค้ายังคงรักษาฟอร์มการเล่นได้ดี วันที่ 17 เมษายน 2017 พวกเค้าเปิดบ้านเอาชนะวีแกน 2-1 ทำให้พวกเค้าเลื่อนชั้นขึ้นพรีเมยร์ลีกโดยอัตโนมัติ และในช่วงหน้าร้อนนั้นพวกเค้าทำสถิติซื้อ ขาย นักเตะหลายคน โดย อิสเควียโด มีค่าตัวเป็นสถิติถึง 13 ล้านปอนด์ ฤดูกาลแรกของพวกเค้าในการกลับขึ้นมาพรีเมียร์ลีกค่อนข้างดี สโมสรมีอันดับครึ่งบนของตาราง ไม่หล่นไปอยู่ในโซนตกชั้น แม้มีช่วงที่พวกเค้าชนะเพียง 1 นัดจาก 12 นัด แต่พวกเค้าก็เรียกฟอร์มกลับมาได้และจบฤดูกาลโดยได้อันดับ 15 มีอันดับเยอะกว่าโวนตกชั้นถึง 7 แต้ม