เคอร์ติส โจนส์ … ถึงเวลาแจ้งเกิดของตัวทำเกมพลังหนุ่มจากอคาเดมี่

เคอร์ติส โจนส์ ... ถึงเวลาแจ้งเกิดของตัวทำเกมพลังหนุ่มจากอคาเดมี่

เคอร์ติส โจนส์ ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นดาวเด่นของ ลิเวอร์พูล ในเกมที่พวกเขาบุกไปถล่ม ปอร์โต้ ซะแด้ดิ้นคาสนาม เอสตาดิโอ โด ดราเกา ในคืนวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งผลสกอร์ 5-1 ที่ลิเวอร์พูลได้กลับไปนั้น เรียกได้ว่าทำเอาแฟนบอลปอร์โต้อยากจะกลับบ้านตั้งแต่เกมยังไม่จบด้วยซ้ำและในเกมนี้ มันคือเกมที่ โจนส์ เหมือนจะอัพเดทแพทช์ของตัวเองมาเป้นอย่างดี ว่ากันว่าฟอร์มการเล่นของเขายังโดดเด่นกว่าตัวของ โม ซาลาห์ กองหน้าฟาโรห์ที่ยิงคนเดียวสองประตูในเกมนี้ และยังทำประตูได้ติดต่อเป็นเกมที่หกให้กับลิเวอร์พูลไปแล้ว จนสถิติของเขาในเวลานี้ มันยังทำให้ ซาลาห์ กลายเป็นนักเตะแอฟริกันที่ยิงประตูแชมเปี้ยนส์ลีกมากที่สุดตลอดกาลแซงหน้าสถิติของ ซามูเอล เอโต้ ไปแล้วด้วยส่วนรายของ โรแบร์ดต้ เฟร์มิโน่ ที่ลงมายิงเอง 2 ประตูในฐานะตัวสำรอง ถึงจะมีผลงานดี แต่โดยรวมแล้วนั้น โจนส์ ยังมีส่วนร่วมกับเกมมากกว่าเช่นเดิมแม้จะสามารถสร้างความตื่นเต้นได้ตั้งแต่วันแรกที่เขาได้ลงสนามเปิดตัวในนามทีมชุดใหญ่เมื่อตอนอายุ 17 ปี แต่โจนส์เองก็ต้องยอมรับว่า มันไม่ได้เป็นช่วงเวลาสองสามเดือนที่ง่ายเลย

แฟนๆ ต่างตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะในฤดูร้อนปี 2020

แฟนๆ ต่างตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะในฤดูร้อนปี 2020

ได้มีนักเตะจากอคาเดมี่รายหนึ่งของลิเวอร์พูล ได้เปลี่ยนจากการสวมเสื้อหมายเลข 48 ของที่เขาใช้มาตลอดในตอนอยู่กับ อคาเดมี่ มาเป็นการสวมเสื้อเบอร์ 17 ตัวเดียวกับที่ สตีเวน เจอร์ราร์ด ตำนานของทีมเคยใส่ ซึ่งเขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดใหญ่อย่างถาวรมาตั้งแต่เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และยังได้ออกสตาร์ทค่อนข้างสม่ำเสมอทั้งในพรีเมียร์ลีกและแชมเปี้ยนส์ลีกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคมที่ผ่านมา โชคไม่ดีสำหรับโจนส์ที่เขาเองก็ต้องเจอกับช่วงเวลาที่นักเตะลิเวอร์พูล ทั้งพร้อมใจกันทำผลงานไม่ดี และผู้เล่นในแดนกลางเองก็มีอัตราการแข่งขันสูง และเขาเองก็ทำได้แค่นั่งสำรองในเกมที่พวกเขาพ่ายแพ้ต่อเชลซีในเดือนมีนาคม และได้ลงเป็นตัวจริงเพียงเกมเดียวจาก 11 นัดที่เหลือในลีกของทัพ “หงส์แดง” และขณะที่พวกเขาก็ต้องดิ้รรนจนนัดสุดท้ายเพื่อกระโดดจากอันดับที่ 7 มาเป็นอันดับ 3โจนส์ต้องอดทนอย่างมากตั้งแต่ในช่วงต้นฤดูกาลนี้ เพื่อคว้าโอกาสที่จะได้กลับมาลงเล่น โดยเขาไม่ได้ลงเล่นใน 4 เกมแรกพรีเมียร์ลีก และต้องรอจนกว่าฟุตบอลถ้วยคาราบาว คัพ ที่เจอร์เก้น คล็อปป์ ชอบเปิดโอกาสให้นักเตะดาวรุ่งลงสนาม ได้วนกลับมเปิดฉากการแข่งขัน ซึ่งในเกมที่ลิเวอร์พูลได้เจอกับนอริช มันคือเกมแรกของเขาประจำซีซั่นนี้ที่ได้ลงเล่นจากนั้นเขาก็ได้ลงเล่นเป็นตัวจริง แถมยังทำประตูได้ด้วย ในเกมสุดมันส์ที่ลิเวอร์พูลเสมอกับ เบรนท์ฟอร์ด ไปด้วยสกอร์ 3-3 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะดูมีความมั่นใจในการเล่นมากขึ้นเรื่อยๆ และด้วยฟอร์มของเขาในเกมกับปอร์โต้ มันก็ทำให้แฟนบอลรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นที่จะได้เห็น โจนส์ พัฒนาตัวเองสู่การเป็นแกนหลักของทีม

โจนส์ จะมีหน้าที่ในการรับผิดชอบเรื่องการสร้างสรรค์เกม

โจนส์ จะมีหน้าที่ในการรับผิดชอบเรื่องการสร้างสรรค์เกม

แถมเขายังเป็นคนที่สร้างโอกาสให้เพื่อนยิงได้ถึง 4 ประตูจาก 5 ประตูที่ลิเวอร์พูลยิงใส่ปอรร์โต้ได้ในคืนนี้ เขาสามารถดันตัวเองขึ้นสู่พื้นที่แนวรุกได้แข็งแกร่ง เป็นตัวเดินเกมรุกจากพื้นที่กองกลาง และนั่นคือระบบที่ทำให้ ลิเวอร์พูล อัดปอร์โต้จนยับ โดยเขาจะรับบอลจากเพื่อน และจากบอลตัดจากทางซ้ายเพื่อหาจังหวะพาสบอลหรือยิง ซึ่งจังหวะที่เจ้าตัวลากบอลตัดเข้าในและพาสบอลเข้าเขตโทษ มันก็ส่งผลให้ ซาลาห์ ยิงเข้าไปได้ลิเวอร์พูลภายใต้การบัญชาเกมของ โจนส์ ยิ่งเล่นยิ่งคึกคัก โดยเฉพาะในช่วง 1 ชั่วโมงแรก เขาพาบอลไปด้วยตัวเอง และป้อนให้เพื่อนร่วมทีมของเขาด้วยการผ่านบอลแบบ “คิลเลอร์พาส” เข้าไปในเขตโทษอย่างสมบูรณ์แบบ จากนั้นก็เป็น เฟร์มิโน่ ที่ยิงเข้าไปแบบง่ายๆแต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเขาเพิ่งจะอายุแค่ 20 ปีเท่านั้น ยังมีเวลาอีกมากที่จะทำให้เขาพัฒนามากกว่านี้ แต่แฟนบอลก็รอได้เลย นักเตะรายนี้จะทำให้คุณรู้สึกปลื้มใจได้แน่นอน