ก่อนจะเป็นนายด่านจอมหนึบของ ไก่เดือยทอง ฮูโก้ โยริส (Hugo Lloris)

ก่อนจะเป็นนายด่านจอมหนึบของ ไก่เดือยทอง ฮูโก้ โยริส

ฮูโก้ โยริส เกิดวันที่ 26 ธ.ค 1986 เป็นนักฟุตบอลฝรั่งเศสที่เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตูและเป็นกัปตันทีมของทั้งสโมสร ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และทีมชาติฝรั่งเศส โยริส ถูกระบุว่าเป็นนักฟุตบอลที่ “อวดตนว่ามีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วราวสายฟ้าแลบ และมีการตัดสินใจที่ดีเยี่ยม” และยัง “เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในยามดวลหนึ่งต่อหนึ่ง” นอกจากนี้ โยริส ยังสั่งการในโซนตัวเองได้ดี สไตล์การเล่นของ โยริส ซึ่งก็คือการใช้ความเร็วในการคาดการณ์และเคลียร์บอลทิ้งได้อย่างรวดเร็วในยามที่บอลเข้ามาในโซนนั้น ทำให้เขาถูกสื่อต่างๆ เรียกว่าเป็น sweeper keeper เขาคว้ารางวัลผู้รักษาประตูลีกเอิงยอดเยี่ยมแห่งปีของ UNFP มาแล้วถึง 3 ปีด้วยกัน

นายด่าน เริ่มอาชีพค้าแข้งในบ้านเกิดตัวเอง

โยริส เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งของเขากับทีมโอจีซี นีซ สโมสรที่ตั้งอยู่ที่บ้านเกิดของเขา ได้มีโอกาสลงสนามครั้งแรกในช่วงเดือนตุลาคม ปี 2005 โดยที่เขายังเป็นวัยรุ่นอยู่ และเริ่มเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตูตั้งแต่นั้นให้กับสโมสรจนถึงปี 2006 ในรายการคูป เดอ ลา ลีกรอบไฟน่อลเป็นรายการสุดท้าย หลังจากสร้างประสบการณ์อันยอดเยี่ยมให้กับทีมมาถึง 3 ฤดูกาล โยริส ก็ได้ย้ายไปอยู่กับสโมสร โอลิมปิก ลียง เจ้าของแชมป์ลีกเอิง 7 สมัย โดยก่อนที่จะย้ายทีม โยริส ได้รับความสนใจจากสโมสรมากมาย ไม่เว้นแม้แต่ยอดทีมแดนมะกะโรนีอย่าง เอซี มิลาน โยริส คว้ารางวัลในประเทศได้ทันทีตั้งแต่ฤดูกาลแรกกับ ลียง และในฤดูกาลที่สอง ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในระดับเวทียุโรป อันมาจากฟอร์มการเล่นที่ปรากฏในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งทำให้แฟน ๆ ได้มีโอกาสเห็น ลียง ทีมรักเข้าสู่รอบตัดเชือกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร โยริส ติดทีมชาติฝรั่งเศสมาตั้งแต่รุ่นต่ำกว่า 18 ปี ต่ำกว่า 19 ปี และต่ำกว่า 21 ปีตามลำดับ ช่วงชีวิตก่อนอยู่ในชุดใหญ่ โยริส เป็นหนึ่งในขุนพลทีมฝรั่งเศสรุ่นต่ำกว่า 19 ปีชุดคว้าแชมป์ European Under-19 Football Championship ในปี 2005 เขาลงเล่นทีมชาติให้กับชุดใหญ่เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2008 โดยนัดแรกเป็นการพบกับทีมชาติอุรุกวัยในนัดกระชับมิตร ในนามทีมชาติ เขามีส่วนช่วยให้ทีมตราไก่ผ่านฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก เข้ารอบสุดท้ายที่แข่งกันในปี 2010 ได้รับคำชมจากสื่อต่าง ๆ มากมายจากฟอร์มการเล่นทั้ง 2 นัดในการเจอกับทีมชาติสาธารณรัฐไอร์แลนด์ในรอบเพลย์ออฟ เขารับตำแหน่งกัปตันทีมเป็นครั้งแรกในปี 2010 และกลายเป็นกัปตันตัวเลือกอันดับหนึ่งในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2012 นำทัพฝรั่งเศสหลุดเข้าไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในรายการยูโร 2012 และฟุตบอลโลก 2014 คว้ารองแชมป์รายการยูโร 2016 และคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2018 โยริส เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งของเขากับทีม โอจีซี นีซ สโมสรที่ตั้งอยู่ที่บ้านเกิดของเขา ได้มีโอกาสลงสนามครั้งแรกในช่วงเดือนตุลาคม ปี 2005 โดยที่เขายังเป็นวัยรุ่นอยู่ และเริ่มเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตูตั้งแต่นั้นให้กับสโมสรจนถึงปี 2006 ในรายการคูเป เดอ ลา ลีกรอบไฟนอลเป็นรายการสุดท้าย หลังจากสร้างประสบการณ์อันยอดเยี่ยมให้กับทีมมาถึง 3 ฤดูกาล โยริส ก็ได้ย้ายไปอยู่กับสโมสร โอลิมปิก ลียง เจ้าของแชมป์ลีกเอิง 7 สมัย โดยก่อนที่จะย้ายทีม โยริส ได้รับความสนใจจากสโมสรมากมาย ไม่เว้นแม้แต่ยอดทีมแดนมะกะโรนีอย่าง เอซี มิลาน โยริส คว้ารางวัลในประเทศได้ทันทีตั้งแต่ฤดูกาลแรกกับ ลียง และในฤดูกาลที่สอง ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในระดับเวทียุโรป อันมาจากฟอร์มการเล่นที่ปรากฏในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งทำให้แฟน ๆ ได้มีโอกาสเห็น ลียง ทีมรักเข้าสู่รอบตัดเชือกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร โยริส ติดทีมชาติฝรั่งเศสมาตั้งแต่รุ่นต่ำกว่า 18 ปี ต่ำกว่า 19 ปี และต่ำกว่า 21 ปีตามลำดับ ช่วงชีวิตก่อนอยู่ในชุดใหญ่ โยริส เป็นหนึ่งในขุนพลทีมฝรั่งเศสรุ่นต่ำกว่า 19 ปีชุดคว้าแชมป์ European Under-19 Football Championship ในปี 2005 เขาลงเล่นทีมชาติให้กับชุดใหญ่เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2008 โดยนัดแรกเป็นการพบกับทีมชาติอุรุกวัยในนัดกระชับมิตร ในนามทีมชาติ เขามีส่วนช่วยให้ทีมตราไก่ผ่านฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก เข้ารอบสุดท้ายที่แข่งกันในปี 2010 ได้รับคำชมจากสื่อต่าง ๆ มากมายจากฟอร์มการเล่นทั้ง 2 นัดในการเจอกับทีมชาติสาธารณรัฐไอร์แลนด์ในรอบเพลย์ออฟ เขารับตำแหน่งกัปตันทีมเป็นครั้งแรกในปี 2010 และกลายเป็นกัปตันตัวเลือกอันดับหนึ่งในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2012 นำทัพฝรั่งเศสหลุดเข้าไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในรายการยูโร 2012 และฟุตบอลโลก 2014 คว้ารองแชมป์รายการยูโร 2016 และคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2018

นายด่าน เริ่มอาชีพค้าแข้งในบ้านเกิดตัวเอง

ชีวิตในช่วงแรก และชีวิตส่วนตัว

โยริส เกิดเมื่อ 26 ธันวาคม 1986 ในเมืองเมดิเตอเรเนียนของ นีซ ในครอบครัวที่เป็นตระกูลสูง แม่ของเขาเป็นทนายและพ่อของเขาเป็นนายธนาคารในมอนติ คาร์โล ของตระกูลกาตาลัน เขามีน้องชายชื่อว่า กูติเออร์ ซึ่งปัจจุบันเป็นนักฟุตบอลเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คให้กับโอจีซี นีช สโมสรเก่าของพี่ชาย ในปี 2008 ขณะที่ โยริส กำลังลงเล่นให้ นีซ แม่ของเขาเสียชีวิต และเพียงแค่สองวันให้หลังจากการเสียชีวิตของเธอ เขาก็ได้รับการยอมรับนับถือในระดับชาติจากการปฏิเสธไม่ยื่นขอถอนตัวจากทีมให้กับ เฟรเดริก อ็องโตเน็ตติ ผู้จัดการทีมทั้งที่เขามีสิทธิ์ใช้ bereavement leave หรือสิทธิ์ลาหยุดในกรณีคนในครอบครัวเสียชีวิต แต่กลับเลือกที่จะลงเล่นในเกมลีกให้กับ นีซ และฟอร์มของเขาในนัดดังกล่าว ก็เป็นที่ยอมรับ ในช่วงวัยเด็กของ โยริส นั้นมีความคล้ายกับเพื่อนร่วมทีมชาติของเขาที่ชื่อ โยฮันน์ กูร์กูฟฟ์ นั่นคือ โยริส มีความเก่งกาจในกีฬาเทนนิส และเล่นมาจนถึงอายุ 13 ปี ชื่อของเขาติดอยู่ในนักเทนนิสระดับสูงในวัยเดียวกัน ซึ่งเป็นการจัดอันดับระดับประเทศ ก่อนจะตัดสินใจเลือกเล่นกีฬาฟุตบอล

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2010 โยริส ถูกนำไปขึ้นปกเกม FIFA 11 เวอร์ชั่นฝรั่งเศสเคียงข้าง คาริม เบนเซม่า เพื่อนร่วมทีมชาติของเขา และเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2010 เขาก็ประกาศวันเกิดของลูกสาว

ในวันที่ 24 สิงหาคม 2018 โยริส ถูกจับจากกรณีการขับรถขณะเมาสุรา โดยถูกตำรวจเรียกตรวจในฝั่งตะวันตกของเมืองลอนดอน ในชั้นศาล Westminster Magistrates’ Court โยริส รับสารภาพว่ามีความผิดแต่โดยดี โดยยอมรับว่าตัวเขาได้ดื่มมาก่อนขับเป็นสองเท่าจากที่กฎหมายกำหนด และนั่นทำให้เขาถูกปรับเป็นจำนวนเงินถึง 50,000 ปอนด์ และถูกห้ามไม่ให้ขับขี่เป็นจำนวน 20 เดือนด้วยกัน

อาชีพการค้าแข้ง ในช่วงต้น

อาชีพการค้าแข้ง ในช่วงต้น

โยริส เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลด้วยวัยเพียง 6 ขวบเท่านั้น โดยลงเล่นที่ CEDAC ที่ย่อมาจาก Centre de Diffusion et d’Action Culturelle ซึ่งเป็นศูนย์วัฒนธรรมพื้นเมืองที่ตั้งอยู่ในเมืองซิมิเย่ เมืองข้างเคียงของ นีซ ในตอนนั้น โยริส ได้รับบทบาทที่ทางศูนย์มอบให้ทำหลายกิจกรรมด้วยกัน และแน่นอนว่ารวมถึงฟุตบอลด้วย ซึ่งการเล่นฟุตบอลในขณะนั้นของ โยริส เขาได้รับการเลือกให้ลงเล่นในหลายตำแหน่งด้วยกันแม้ว่าจะเป็นตำแหน่งตัวรุกก็ตาม ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตูหลังจากที่โค้ชได้สังเกตเห็นแวว ว่าเขามีทักษะบางอย่างที่ส่อแววเป็นโกลด์ที่มีคุณภาพได้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการใช้มือ หรือการจับบอล และเมื่อถูกจับมาเล่นตำแหน่งนี้ โยริส ก็ฉายแววโดดเด่นขึ้นมาทันที และนั่นทำให้ไปเตะตาโดมินิก บาราเตลลี่ อดีตผู้รักษาประตูสังกัด โอจีซี นีซ และอดีตทีมชาติฝรั่งเศส และเขาผู้นี้ก็คือคนที่แนะนำให้ โยริส มาเข้าร่วมกับสโมสร นีซ ที่เป็นสังกัดเก่าของเขา และในวัย 10 ขวบ โยริส ก็ถูกบรรจุชื่อเข้าในอคาเดมี่เยาวชนของทีม นีซ ในที่สุด เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีในคลับเยาวชนในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของรุ่นอายุต่ำกว่า 17 ปี และพาทีมคว้าแชมป์รายการ Championnat Nationaux des 18 ans ซึ่งเป็นการแข่งขันรูปแบบลีกภายในประเทศที่แข่งขันกันในรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี

นีซ

หลังจากประสบความสำเร็จกับสโมสรในระดับรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี โยริส ก็เลื่อนขึ้นมาสู่ทีมสำรองของชุดใหญ่ในทันที และลงเล่นในรายการ Championnat de France amateur ซึ่งถือเป็นลีกระดับที่ 4 ของลีกฟุตบอลฝรั่งเศส ในฤดูกาล 2004-05 และยึดตำแหน่งตัวจริงมาจาก ฮิไลรี่ มูนยอซ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งที่อยู่มาก่อนเขา ภายใน 12 นัดเท่านั้น ต่อมา โยริส ถูกโปรโมทขึ้นทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2005-06 และได้รับหมายเลขเสื้อเป็นเบอร์ 1 ในตอนนั้น โยริส ถูกผู้จัดการทีม เฟรเดริก อันโตเนลลี่ วางเป็นมือหนึ่งในรายการกูเปเดอลาลีก ส่วน ดาเมียน เกรโกรินี่ ซึ่งเป็นมือหนึ่งของทีมและเป็นที่ชื่นชอบของแฟนพันธ์แท้สโมสรที่แท้จริงนั้น จะลงเล่นในลีกเสียมากกว่า กับทีมชุดใหญ่ โยริส ได้ประเดิมสนามนัดแรกวันที่ 22 ตุลาคม 2005 ในวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น และเก็บสถิติคลีนชีตเอาไว้ได้ โดยนัดนั้น นีซ เอาชนะทีม ชาโตรูซ์ ไป 2-0 และเก็บคลีนชีตได้อย่างต่อเนื่องอีกในนัดถัดมา โดยเป็นการพบกับ เซอด็อง โยริส ช่วยให้ทีมเอาชนะไปได้ และยังช่วยทีมเอาชนะทีมดังๆ อย่าง บอร์กโดซ์ และปราบคู่แข่งอย่าง โมนาโก ในศึก ดาร์บี้เฟร้นช์-ริเวียร่า จนผ่านรอบก่อนรองชนะเลิศ รอบรองชนะเลิศ และเข้าสู่นัดชิงชนะเลิศได้ในที่สุด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของสโมสรที่ผ่านเข้ามาถึงรอบนี้สำหรับรายการดังกล่าวแต่สุดท้าย นีซ ก็พ่ายให้กับ น็องซี่ กลายเป็นทีมรองชนะเลิศไปในที่สุดด้วยสกอร์ 2-1

สำหรับการแข่งขันในลีกเอิง โยริส ลงประเดิมสนามนัดแรกในวันที่ 18 มีนาคม 2006 โดยเจอกับทีม น็องซี่ และเอาชนะไป 1-0 เก็บคลีนชีตเอาไว้ได้ และยังได้ลงเฝ้าเสาอีก 4 นัดด้วยกันในฤดูกาลนั้น จนเข้าสู่ฤดูกาลต่อมา โยริส ก็ก้าวขึ้นมายึดตำแหน่งมือหนึ่งของทีมแทนที่ เกรโกรินี่ อันเนื่องมาจากเจ้าตัวขอย้ายออกจากทีมไปยังทีม น็องซี่ ในท้ายที่สุด และ โยริส ผู้มาแทนที่ ก็ลงสนามไปเกือบครบทุกนัดในลีก ขาดเพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น เก็บไป 13 คลีนชีตและพา นีซ จบอันดับที่ 16 แม้ว่าอันดับตอนจบฤดูกาลจะไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ แต่สโมสรก็ติดอันดับ 5 ทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในลีก อันเนื่องมาจากการที่ โยริส เสียประตูแค่ 36 ประตูเท่านั้น มีแค่ เกรโกรี่ กูเปต์ เซดริก การ์รัสโซ่ และ อุลริช ราเม่ เท่านั้นที่เสียน้อยกว่า ในช่วงต้นฤดูกาลที่ 2007-08 โยริส ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บบริเวณเอ็นหัวเข่าซ้าย จนต้องพักไปถึง 3 สัปดาห์ด้วยกันในเดือนกันยายน อย่างไรก็ตาม เขากลับมาสู่ทีมได้ในวันที่ 6 ตุลาคม 2007 โดยลงเฝ้าเสาในการพบกับ เลอม็องซ์ แต่ลงสนามได้ 71 นาทีก็ถูกเปลี่ยนตัวออกอันเนื่องมาจากอาการบาดเจ็บกำเริบ การบาดเจ็บครั้งนี้ส่งผลให้เขาต้องพักยาวถึง 6 สัปดาห์ด้วยกันก่อนที่จะสามารถกลับมาลงสนามได้ในวันที่ 24 พฤศจิกายน ซึ่งเขาช่วยทีมเอาชนะ ปารีส แซงต์ แชร์แมง ไป 2-1 และลงสนามต่อเนื่องจนจบฤดูกาล ช่วยทีมจบที่อันดับ 8 ซึ่งถือเป็นการทำอันดับที่ดีมากนับตั้งแต่เคยได้อันดับ 6 มาเมื่อปี 1988-89 โยริส เสียประตูแค่ 24 ลูกเท่านั้นในการลงเล่น 30 นัด เก็บคลีนชีตไปได้ 13 นัด เขามีส่วนช่วยให้ทีมเสียประตูเพียงแค่ 30 ลูกเท่านั้นตลอดฤดูกาล และฟอร์มการเล่นของเขาในฤดูกาลนั้น ช่วยชักนำให้ทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปจับตามองและคาดหวังในการเซ็นสัญญาตัวเขาเข้าทีมในอนาคตต่อไป

Hugo Lloris โอลิมปิก ลียง

โอลิมปิก ลียง

หลังจากผ่านฤดูกาลอันแสนเขี้ยวกับทีม นีซ ไปอีกหนึ่งฤดูกาล ก็เริ่มมีกระแสคาดเดากันไปต่างๆนานา ว่าสุดท้ายแล้ว โยริส จะเลือกย้ายไปลงเล่นให้กับทีมใดในฤดูกาลหน้า ในตอนแรกเขามีข่าวกับทีม โอลิมปิก ลียง คู่แข่งร่วมลีกเอิง ซึ่งต้องการ โยริส เข้ามาเพื่อทดแทน เกรโกรี่ กูเปต์ ที่ออกจากทีมไป ตามมาด้วย ปีศาจแดงดำ เอซี มิลาน ซึ่งต้องการโกลด์มือหนึ่งแทน ดิด้า มือกาวชาวบราซิเลียน และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ต้องการ โยริส ทดแทนการจากไปของ พอล โรบินสัน และหลังจากที่มีข่าวออกมาว่า โยริส มีการพูดคุยตกลงเป็นการส่วนตัวกับทีมดังจากอิตาลีแล้ว โยริส ก็ปฏิเสธ เอซี มิลาน ด้วยการตกลงย้ายมาร่วมทีม ลียง แทน ซึ่งเป็นการย้ายทีมที่เป็นข่าวดังชนิดที่รองประธานของทีมดังเมืองมิลานอย่าง อาเดรียโน่ กัลเลียนี่ ต้องออกมาประกาศภายหลังว่า แท้จริงแล้วการตกลงเรื่องสัญญาลงตัวแล้วทุกอย่าง และพูดได้ว่า โยริส เป็นนักฟุตบอลทีมเรา แต่ว่าทุกอย่างก็เปลี่ยนเพราะการที่ คริสเตียน อับเบียติ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีม ปฏิเสธการย้ายไปร่วมทีม ปาแลร์โม่ ซึ่งสำหรับกรณีนี้ ตัว โยริส ได้ออกมาเผยถึงการตัดสินใจว่า ลียง เป็นทีมที่มีความทะเยอทะยานในเวทียุโรป เขามั่นใจได้ว่าจะได้ลงเล่นใน ลียง มากกว่าการลงเล่นให้ มิลาน เพราะที่ มิลาน เขาไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่า เขาจะได้ลงเป็นตัวจริงหรือไม่ สำหรับราคาการซื้อขายของ โยริส นั้น ไม่ได้ถูกเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่มีข่าวออกมาทีหลังว่า ค่าตัว โยริส ในการย้ายมา ลียง อยู่ที่ 8.5 ล้านยูโร และที่ ลียง เขาได้รับเสื้อเบอร์ 1 พร้อมกับลงเป็นมือหนึ่งของทีมอีกด้วย

ฤดูกาล 2008-09

โยริส ประเดิมลงเฝ้าเสาให้กับ ลียง เป็นนัดแรกในนัดเปิดสนามฤดูกาลที่ 2008-09 โดยเจอกับทีม ตูลูส ในนัดดังกล่าว ลียง เอาชนะไปได้ 3-0 แน่นอนว่า โยริส เก็บคลีนชีตให้ทีมได้ตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนาม และสามารถเก็บคลีนชีตได้อย่างต่อเนื่องในอีก 3 นัดต่อมา ซึ่งเป็นการเจอกับ ลอริยองต์ เกรโนเบิล และ แซงต์ เอเตียน และแม้ว่าฤดูกาลดังกล่าว ลียง จะพลาดแชมป์ในรอบ 7 ปี แต่เมื่อจบฤดูกาล เขาเสียไปแค่ 27 ประตูเท่านั้นในลีกเอิง และเก็บคลีนชีตได้ถึง 16 นัด คนเดียวที่มีสถิติดีกว่าเขาคือ เซดริก การ์ราสโซ่ แต่ถึงกระนั้น โยริส ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้รักษาประตูชั้นนำของลีก และติดผู้รักษาประตูในทีมยอดเยี่ยมลีกเอิงอีกด้วย

ฤดูกาล 2009-10

ในฤดูกาล 2009-10 โยริส ก็ยังคงเป็นมือหนึ่งของทีมเช่นเดิม และเปิดศักราชลูกหนังด้วยสถิติเก็บไป 4 คลีนชีตจาก 8 นัดแรก ด้วยฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมในเดือนกันยายน ทำให้เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งเดือนของ UNFP ซึ่งเป็นโกลด์คนที่ได้รับรางวัลดังกล่าวนับต่อจาก สตีฟ มันดานด้า ที่เคยรับรางวัลไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2008 โยริส ได้รับคำชมเป็นอย่างมากจากสื่อต่าง ๆ ในนัดที่ลียงเจอกับ ลิเวอร์พูล ในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก โดยนัดแรกที่แอนด์ฟิลด์ โยริส เซฟไปถึง 4 ครั้งช่วยให้ทีมเสียแค่ประตูเดียว และเป็นฝ่ายเอาชนะไป 2-1และในการเปิดบ้าน สตาร์ด เกอร์ลังด์ รับศึกนัดที่สอง เขาหยุดลูกยิงของทั้ง เฟอร์นันโด ตอร์เรส เดิร์ก คอยต์ และ อังเดร โวโรนิน ได้ในครึ่งแรก และแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบฉับพลันในการหยุด ลูคัส เลว่า ได้ในครึ่งหลัง แต่อย่างไรก็ตาม ลียง ก็เสียไปหนึ่งประตู ก่อนที่จะจบเกมแบบเสมอกันไป 1-1 จากการทำประตูของ ลีซานโดร โลเปซ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2009 โยริส ของ ลียง ลงเฝ้าเสาในสนามเดียวกันกับ สตีพ มันดานด้า จากทีม มาร์กเซย์ ซึ่งอยู่ในสถานะผู้รักษาประตูอันดับสองของฝรั่งเศส ในแมทช์ดังกล่าวทั้งคู่เสียไปคนละ 5 ประตู จบเกมด้วยการที่ ลียง และ มาร์กเซย์ เสมอกันไป 5-5 แต่อย่างไรก็ตาม ในนัดดังกล่าว ทั้งสื่อและผู้จัดการของทั้งสองทีม มุ่งประเด็นความผิดพลาดไปที่เกมรับอันหละหลวมเสียมากกว่าจะเป็นความผิดพลาดของผู้รักษาประตู และเมื่อ 20 ธันวาคม โยริส ก็ได้รับตำแหน่งที่ 3 ของรางวัลนักเตะฝรั่งเศสยอดเยี่ยมแห่งปี 2009 ตามหลัง นิโกลาส์ อเนลก้า ที่มาเป็นอันดับ 1 และ โยฮันน์ กูร์กูฟฟ์ ที่ตามมาเป็นอันดับ 2 จากการโหวตของสมาคมฟุตบอลฝรั่งเศส

ช่วงต้นปี 2010 โยริส ก็ยังคงรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีไว้ได้ โดยเขาเสียประตูไปแค่ 2 ลูกเท่านั้นจากการลงเล่น 4 นัดแรกของปี และพา ลียง ชนะรวดทุกนัด และเก็บคลีนชีตไป 2 นัด ในวันที่ 16 ก.พ. โยริส พา ลียง ลงสนามดวลกับ “ราชันย์ชุดขาว” เรอัล มาดริด ทีมยักษ์ใหญ่จากสเปน ในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบน็อคเอ้าท์นัดแรก และเก็บคลีนชีตไว้ได้ เขาปฏิเสธลูกยิงของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในนาทีที่ 61 และในอีก 3 นาทีต่อมาก็ใช้ปฏิกิริยาฉับพลันเซฟลูกยิงของ กอนซาโล่ อิกวาอิน เอาไว้ได้ ช่วยให้ ลียง เอาชนะทีมแกร่งจากแดนกระทิงดุไปด้วยสกอร์ 1-0 ก่อนจะผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศจากการเสมอกัน 1-1 ในนัดที่ 2 ซึ่ง โยริส เสียประตูจากลูกยิงจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในนาทีที่ 6 และนั่นทำให้เขาถูกบันทึกสถิติว่าเป็นผู้รักษาประตูคนแรกที่เสียประตูแรกหลัง 620 นาที ในวันที่ 2 พฤษภาคม โยริส ป้อนลูกแอสซิสต์ใส่พานให้ มิเชล บาสตอล เบิกสกอร์ให้ทีมและเอาชนะ มงต์โปลิเย่ร์ ไปได้ 1-0 สัปดาห์ต่อมา ชื่อของเขาก็ถูกประกาศในตำแหน่งผู้รักษาประตูแห่งปีของลีกเอิง โดย UNFP ซึ่งถือเป็นการคว้ารางวัลปีที่ 2 ติดกัน

ฤดูกาลที่ 2010-11

ในฤดูกาลที่ 2010-11 โยริส ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่าคลับ ในรายการยูฟ่าคลับฟุตบอลอวอร์ด แต่ก็พ่ายให้กับ ฮูลิโอ เซซ่าร์ จากทีม อินเตอร์ มิลาน ที่คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ไปในท้ายที่สุด ฤดูกาลนี้ โยริส ยังคงสร้างผลงานที่ดี แม้ว่าจะเสียประตูสูงถึง 40 ลูกในลีก และ ลียง คว้าแชมป์ไม่สำเร็จเป็นปีที่ 3 ก็ตาม โยริส ได้รับบทเรียนสำคัญจากนัดที่เสมอกับ นีซ ทีมเก่าของเขาไป 2-2 ในนัดดังกล่าว ลียง ขึ้นนำ 2-0 ล่วงเลยไปจนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่ ลียง ก็มาเสียประตูถึง 2 ประตูในช่วง 2 นาทีสุดท้ายก่อนหมดเวลา โดยเป็นลูกจุดโทษของ อีริค มูลูนกุย และประตูโกงความตายจาก เรนาโต้ ซิเวลลี่ แบ่งกันไปคนละแต้มในตอนจบ ในนัดนั้นสร้างความผิดหวังให้กับตัว โยริส เป็นอย่างมาก เพราะก่อนจะเสียประตู ก็เป็นตัวเขาที่เซฟลูกจุดโทษได้ก่อน 1 ครั้ง มีข่าวว่าเขาสบถคำผรุสวาทออกมามากมายในห้องล็อกเกอร์ และสงสัยในฟอร์มของทีม อย่างไรก็ดี ในสัปดาห์ต่อมา เขาก็เก็บคลีนชีตช่วยให้ ลียง เอาชนะ ล็องส์ ไปได้ 3-0 ซึ่งเป็นการเก็บคลีนชีตในรอบเดือนของเขา โยริส ตอบกลับคำติชมเกี่ยวกับตัวเขาในนัดที่เจอกับ นีซ ว่า “มันก็เป็นปฏิกิริยาปกติของมนุษย์ มันมีความสับสนวุ่นวายใจและมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดที่จะทนในการที่จบเกมแบบเสมอ 2-2 ทั้งที่นำอยู่ 2-0

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ กับ โยริส

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์

โยริส ถูกทีม ”ไก่เดือยทอง” ซื้อตัวเข้าทีม เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2012 ตัวค่าตัว 10 ล้านยูโร และเพิ่มเติมอีก 5 ล้านยูโร ซึ่งในสัญญาระบุอีกด้วยว่า ลียง จะได้รับเงิน 20% จากค่าตัวในการซื้อขายในอนาคตอีกด้วย เขาลงประเดิมสนามเฝ้าเสาให้กับ สเปอร์ นัดแรกในศึกยูฟ่ายูโรป้าลีก โดยเป็นการเจอกับ ลาซิโอ จากอิตาลี ในวันที่ 20 กันยายน 2012 ผลคือเสมอกันไป 0-0 โยริส ลงเล่นศึกพรีเมียร์ลีกนัดแรกโดยพบกับทีม แอสตัน วิลล่า วันที่ 7 ตุลาคม 2012 ซึ่งพาทีมชนะ 2-0 เปิดบ้านเก็บคลีนชีตเอาไว้ได้ การมาของเขาหยุดการลงเฝ้าเสาของ แบรด ฟรีเดล อดีตนายทวารมือสองของ ลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นมือหนึ่งของ สเปอร์ ก่อน โยริส เอาไว้ที่ 310 นัดติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก หลังจากเสียเพียง 4 ประตูใน 6 เกม เขาก็ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกแห่งเดือนธันวาคม 2012 แต่คนที่ได้ไปคือ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โยริส จบฤดูกาล 2012-13 ด้วยการลงเฝ้าเสา 25 เกมและเก็บไป 9 คลีนชีต

ฤดูกาลที่ 2013-14

ช่วงต้นฤดูกาล โยริส ตกเป็นเป้าหมายการซื้อตัวของ โมนาโก แต่ โยริส ก็ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวโดยกล่าวชัดว่า เขาออกจาก ลียง เพื่อจะไปเล่นในลีกต่างแดน ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2013 ในนัดที่เจอกับ “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน โยริส ประสบเหตุถูกเข่ากระแทกหัวจากการชนกันกับ โรเมลู ลูกากู กองหน้าของ เอฟเวอร์ตัน แต่ทั้งนี้ แม้ อังเดร วิลลาส โบอาส จะเสนอการเปลี่ยนตัวผู้เล่น แต่ โยริส ยืนกรานจะเฝ้าเสาต่อ และ โบอาส ก็ปล่อยให้เขาอยู่ในสนามต่อไป พร้อมชื่นชม โยริส ด้วยว่าเขา “โชว์ความเป็นมืออาชีพได้อย่างยอดเยี่ยม” แต่ในการตัดสินใจครั้งดังกล่าว ถูกตำหนิอย่างแรงจาก FIFPro ซึ่งมองว่าเป็นการไม่เป็นห่วงสุขภาพร่างกายนักเตะ

โยริส เซ็นขยายสัญญากับทีม สเปอร์ ออกไปอีก 5 ปีในเดือนกรกฎาคม 2014 เขากล่าวว่า เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ผู้จัดการทีมคนใหม่ของ สเปอร์ ได้ชักชวนให้เขาขยายสัญญาออกไปด้วยการบอกกล่าวถึงทัศนคติของเขาซึ่งมีความเฉียบขาดและมุ่งหวังจะทำให้ทีมมีเกณฑ์มาตรฐานแบบใหม่

ฤดูกาลที่ 2014-15

ในศึกยูฟ่ายูโรป้าลีก 2014-15 รอบแบ่งกลุ่มในวันที่ 23 ตุลาคม 2014 ขณะที่ สเปอร์ ขึ้นนำทีม เอสเตราส ตรีโปลี่ ไป 5-0 โยริส โดนจับโปรเฟสชั่นนัลฟาวล์จากการสกัด ทาซอส โซกานิส ซึ่งขณะนั้นทีมเปลี่ยนตัวครบ 3 คนแล้ว ทำให้ แฮรี่ เคน กองหน้าดาวยิงของทีม ต้องมาสวมถุงมือรับหน้าที่ผู้รักษาประตูจำเป็นแทน ก่อนจะมาเสียประตูจากลูกฟรีคิกทำให้จบเกม สเปอร์ เอาชนะไป 5-1 ในรายการลีกคัพ ทีม สเปอร์ สามารถผ่านเข้าไปได้ถึงรอบสุดท้าย โดยเป็นการเจอกับ เชลซี ในสนามเวมบลีย์ โยริส ลงเป็นตัวจริงพร้อมความหวังในการช่วยทีมคว้าถ้วย แต่ก็พ่าย เชลซี ไป 2-1 ในท้ายที่สุด

ฤดูกาลที่ 2015-16

ในเดือนสิงหาคม 2015 เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ผู้จัดการทีม สเปอร์ มอบปลอกแขนกัปตันทีมให้ โยริส ทำให้เขากลายเป็นกัปตันทีมอันดับหนึ่งแทนที่ ยูเนส กาบูล ที่จากทีมไปทันที

ฤดูกาลที่ 2016-17

ในฤดูกาลที่ 2016-17 ในศึกยูฟ่ายูโรป้าลีกรอบแบ่งกลุ่มในวันที่ 18 ตุลาคม 2016 สเปอร์ พบกับทีม เลเวอร์คูเซ่น ซึ่งในนัดดังกล่าว โยริส ออกแรงเซฟหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงการปฏิเสธลูกยิงของ ฮาเวียร์ เออร์นันเดซ ด้วยมือเดียวอีกด้วย ซึ่ง โปเช็ตติโน่ กล่าวชื่นชมลูกทีมของเขารายนี้ในครึ่งหลังว่า “อัจฉริยะ” ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2016 โยริส เซฟลูกจุดโทษที่ยิงโดย ราดามัล ฟัลเกา ในนาทีที่ 11 ซึ่งกล่าวกันว่ามันคือการเซฟระดับเวิร์ลคลาส และยังสกัดลูกวอลเล่ย์ของ กามิล กลิค ในนาทีที่ 68 ได้อีกด้วย ในศึก UCL รอบแบ่งกลุ่มนัดไปเยือน โมนาโก แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อจบเกม สเปอร์ เป็นฝ่ายแพ้ไป 2-1 และต้องตกรอบไปในที่สุด

ในเดือนธันวาคม 2016 โยริส จัดการขยายสัญญากับทีมไก่เดือยทองออกไปถึงปี 2022 ซึ่งในฤดูกาลนี้ โยริส ช่วยให้ทีม สเปอร์ มีเกมรับที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร โดยเสียไปทั้งสิ้นเพียงแค่ 26 ลูกทั้งฤดูกาลในพรีเมียร์ลีก และเป็นการเสียประตูในบ้านเพียง 9 ลูกเท่านั้น เสียน้อยกว่าสถิติเดิม 32 ประตูอยู่ 6 ลูก ซึ่งในตอนนั้นเป็นฤดูกาลที่ 1908-09 สมัยที่ยังอยู่ดิวิชั่น 2 ตัว โยริส เก็บไปได้ 15 คลีนชีต แต่พลาดรางวัลถุงมือทองคำไป อันเนื่องมาจากเกมสุดท้ายที่พ่ายให้กับ ฮัลล์ ซิตี้ ไปอย่างย่อยยับ 7-1

ฤดูกาลที่ 2017-18

ในวันที่ 17 เมษายน 2018 โยริส ลงเล่นนัดที่ 250 ให้กับ สเปอร์ เสมอกับ ไบรท์ตัน ไป 1-1 ซึ่งนั่นทำให้เขาเป็นนักเตะคนที่ 61 (โกลคนที่ 6) ที่ทำสถิติดังกล่าวกับ สเปอร์ ได้

การลงเล่นทีมชาติของโยริส

การลงเล่นทีมชาติ

โยริส ติดทีมชาติฝรั่งเศสมาจนถึงปัจจุบัน โดยนัดแรกที่เขาลงให้ทีมตราไก่นั้น เป็นชุดอายุต่ำกว่า 18 ปี ลงประเดิมสนามเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2004 ซึ่งเป็นนัดกระชับมิตรกับทีมอินทรีเหล็กเยอรมนี ต่อมา โยริส ได้ขยับขึ้นมาเล่นให้กับชุดอายุต่ำกว่า 19 ปี และเป็นส่วนหนึ่งของทีมในการคว้าชัยศึก 2005 European Under-19 Football Championship โดย โยริส ลงเฝ้าเสาให้ทีม 5 นัดด้วยกัน ต่อมาเขาติดทีมรุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี และลงสนามไป 5 นัดก็ได้รับการเลื่อนให้ขึ้นทีมชาติชุดใหญ่ จนมาวันที่ 11 ตุลาคม 2008 ทีมฝรั่งเศสรุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปีต้องเจอนัดสำคัญในการพบกับเยอรมนี ในรอบคัดเลือกรายการ 2009 UEFA European Under-21 Football Championship ซึ่งทางโค้ช อีริค มอมแบรตส์ เรียกให้ โยริส กลับมาเฝ้าเสา แม้ว่าจะถูกเรียกขึ้นทีมใหญ่แล้วก็ตาม และนั่นก็เป็นนัดสุดท้ายที่เขาเฝ้าเสาให้กับทีมรุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี ซึ่งในนัดแรกนั้น ฝรั่งเศสเสมอกับเยอรมนีไป 1-1 แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็เป็น เบเนดิกต์ โฮวีเดส จากเยอรมนีที่ทำประตูชัยช่วยให้เยอรมนีเอาชนะฝรั่งเศสไปได้ 1-0 และเขี่ยทีมชาติฝรั่งเศสตกรอบ ปิดฉากการเฝ้าเสาของ โยริส กับชุดดังกล่าว

นัดแรกที่ โยริส ถูกเรียกให้มารวมในทีมชุดใหญ่ คือนัดวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2008 ซึ่งฝรั่งเศสพบกับสเปน อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้รับการวางให้ลงเฝ้าเสาให้ทีมชุดบีก่อน ซึ่งแมทช์แรกก็คือนัดที่พบกับ คองโกดีอาร์ ซึ่งเตะกันก่อนทีมชุดใหญ่เจอสเปนเพียงแค่วันเดียว และหลังจากที่ถูกเรียกติดทีมชุดใหญ่อีก 2-3 ครั้ง เขาก็ได้ลงเฝ้าเสาเป็นตัวจริงในที่สุด ในนัดที่พบกับอุรุกวัย และเสมอกันไป 0-0 วันที่ 9 กันยายน 2009 เป็นวันแรกและครั้งแรกของเขาในนามทีมชาติ ที่ได้รับใบแดง นัดดังกล่าวพบกับเซอร์เบีย ซึ่งเป็นการทำฟาวล์ นิโกลา ซิกิค ในเขตโทษ ถึงแม้ว่าภาพรีเพลย์จะบอกว่าเขาไม่ได้ทำฟาวล์ก็ตาม โยริส กลับมาลงเฝ้าเสาได้อีกครั้งวันที่ 14 ตุลาคม และลงเล่นครบ 90 นาทีในนัดดังกล่าว ซึ่งฝรั่งเศสเอาชนะออสเตรียไป 3-1

โยริส ได้รับคำชมจากสื่อต่าง ๆ และนักเตะมากมาย ในฟอร์มการเล่นของเขานัดที่ฝรั่งเศสพบกับสาธารณรัฐไอร์แลนด์ทั้งเหย้าและเยือน และนัดดังกล่าวทำให้ทีมฝรั่งเศสผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้ายในที่สุด เกรโกรี่ กูเปต์ อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติฝรั่งเศส กล่าวชื่นชมฟอร์มการเล่นของ โยริส ว่า “เป็นปรากฏการณ์” ขณะที่สื่อของฝรั่งเศสขนานนามเขาว่า “เซนต์ โยริส” ซึ่งเป็นการล้อเลียนมาจาก อิเกร์ กาซิยาส ของทีม เรอัล มาดริด ซึ่งถูกระบุว่าเป็นมือหนึ่งของยุโรปและของโลกในขณะนั้น

วันที่ 11 พฤษภาคม 2010 โยริส ถูกเรียกตัวติดทีมชาติฝรั่งเศสในการคุมทีมของ โดเมเนค ในรายการฟุตบอลโลก 2010 โดยเป็นการเรียกตัว 30 รายก่อนตัดเหลือ 23 ราย และแน่นอนว่า โยริส รับตำแหน่งผู้รักษาประตูมือหนึ่ง และในวันที่ 11 มิถุนายน 2010 โยริส ก็ลงเฝ้าเสาในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก โดยประเดิมสนามพบกับอุรุกวัย และเก็บคลีนชีตไปได้ โดยเสมอกันไป 0-0 โยริสลงเฝ้าเสาเช่นเดิมกับทีมอื่น ๆ ในรอบแบ่งกลุ่ม ก็คือเม็กซิโก และแอฟริกาใต้ ในนัดเจอแอฟริกาใต้ ซึ่ง โยริส ยอมรับว่าในนัดนั้น เขามีข้อผิดพลาดแม้จะสามารถเซฟไว้ได้หลายครั้งก็ตาม ทำให้จบเกมฝรั่งเศสแพ้แอฟริกาใต้ไป 2-1 และต้องตกรอบในที่สุด

ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2010 โยริส รับตำแหน่งกัปตันทีมชาติฝรั่งเศสเป็นครั้งแรก และนัดดังกล่าว ฝรั่งเศสเอาชนะอังกฤษไป 2-1 ณ สนามเวมบลีย์ และหลังจากรับหน้าที่กัปตันทีมชั่วคราวไปมากกว่า 6 นัด เขาก็กลายเป็นกัปตันทีมอันดับหนึ่งของทีมไปในที่สุดจากการเลือกของ โลรองต์ บลอง ผู้จัดการทีมตราไก่ ในการลุยศึกยูฟ่ายูโร 2012 โยริส ลงเฝ้าเสาในรายการดังกล่าวเป็นครั้งแรก และพาทีมเข้าไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ก่อนจะตกรอบด้วยน้ำมือของสเปนที่เอาชนะไปได้ 2-0

ในรายการฟุตบอลโลก 2014 โยริส ก็ลงเฝ้าเสาในตำแหน่งโกลด์มือหนึ่ง และพาทีมเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนจะพ่ายให้กับความแข็งแกร่งของทีมอินทรีเหล็ก เยอรมนี

ในศึกยูโร 2016 โยริส ก็รับตำแหน่งโกลด์มือหนึ่งเช่นเดิม และพาทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ ซึ่งนัดชิงชนะเลิศนั้นเตะในถิ่นตัวเองเสียด้วย แต่ก็พ่ายให้กับทีมฝอยทอง โปรตุเกส ไป1-0 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

ในวันที่ 2 มิถุนายน 2017 โยริส ลงเฝ้าเสาให้กับฝรั่งเศสเป็นนัดที่ 88 และพาทีมเอาชนะปารากวัยในนัดกระชับมิตรไปได้ 5-0 และทำลายสถิติเฝ้าเสาให้ทีมตราไก่มากที่สุดของ ฟาเบียน บาร์กเตซ ลงได้ในที่สุด และต่อมาทีมก็เอาชนะบัลแกเรีย และเบลารุสไปได้ ทำให้ฝรั่งเศสของ โยริส ผ่านเข้ารอบสุดท้ายรายการฟุตบอลโลก 2018 ไปได้อย่างฉลุย

ในวันที่ 21 มิถุนายน 2018 โยริส ติดทีมชาติเป็นนัดที่ 100 นัดดังกล่าวฝรั่งเศสเอาชนะเปรูไป 1-0 ในรอบแบ่งกลุ่มที่ 2 ของฟุตบอลโลก 2018 ในนัดพบกับอุรุกวัยรอบ 8 ทีมสุดท้าย โยริส เซฟลูกสำคัญจากการโหม่งของ มาร์ติน กาเซเรส ช่วยทีมเก็บคลีนชีต และเอาชนะไปได้ 2-0 วันที่ 15 กรกฎาคม โยริส ก็ชูถ้วยฟุตบอลโลกสำเร็จ ด้วยการช่วยทีมเอาชนะโครเอเชียไป 4-2 แม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดให้ มาริโอ มานด์ซูคิค ทำประตูไปได้ก็ตาม

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2018 เขาทำสถิติเซฟไปทั้งหมด 9 ครั้งในนัดพบกับเนเธอแลนด์ ในรายการยูฟ่าเนชั่นส์ลีก ซึ่งนัดดังกล่าว ฝรั่งเศสแพ้ไป 0-2

ชีวิตในช่วงแรก และชีวิตส่วนตัว