หรือ ชากิรี่ คือทีเด็ดแดนกลางที่หงส์แดงกำลังมองหา

หรือ ชากิรี่ คือทีเด็ดแดนกลางที่หงส์แดงกำลังมองหา

หลังช่วงเบรคทีมชาติผ่านพ้นไป ลิเวอร์พูล กลายเป็นหนึ่งในทีมที่กำลังกุมขมับจากปัญหาผู้เล่นที่มีอาการบาดเจ็บติดตัวกลับมา และคนที่ดูจะมีอาการน่าเป็นห่วงที่สุดก็คือ นาบี เกอิต้า ที่ต้องเข้ารับการสแกนเพื่อตรวจสอบปัญหาที่กล้ามเนื้อแฮมสตริงจากการลงสนามให้กับ ทีมชาติกินี ในการพบกับ รวันดา เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ก่อนหน้านี้ กองกลางวัย 23 ปี ก็พึ่งถูกถอดออกจากสนามระหว่างเกมที่บุกไปพ่ายให้กับ นาโปลี ในบอลถ้วยยุโรปจากอาการปวดที่แผ่นหลัง และการขาดหายไปของ เกอิต้า ก็อาจสร้างปัญหาให้กับ ทีมหงส์แดง ไม่น้อยหากมองไปที่สถานการณ์ล่าสุดของพวกเขาที่กำลังประสบปัญหาเรื่องการทำประตู และขาดการสร้างสรรค์โอกาสที่เพียงพอจากพื้นที่ตรงกลางสนาม

นับจากวันแรกที่จำยอมปล่อยตัว ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ออกไปให้กับ บาร์เซโลน่า ในช่วงเดือนมกราคม ลิเวอร์พูล รู้สึกคิดถึงเวทมนต์จากปลายสตั๊ดของ พ่อมดน้อย อยู่พอสมควร แต่ทั้งนี้ก็ต้องยกเครดิตให้กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในความพยายามปรับโฉมรูปแบบการเล่นของทีมจนทำให้แฟนๆแทบจากลืมการจากไปของอดีตผู้เล่นหมายเลข 10 แถมยังพาทีมทะยานเข้าไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ได้เผชิญหน้ากับ เรอัล มาดริด จนถึงฤดูกาลล่าสุด ในช่วงแรกๆคงแทบไม่มีใครนึกถึง คูตินโญ่ เนื่องจากผลงานเก็บชัยชนะรวดใน 7 เกมแรกรวมกันทุกถ้วย แต่แล้วผลจากการขาดแคลนตัวจุดประกายในแดนกลางก็เริ่มส่งผลกระทบต่อแนวรุกในช่วงระยะหลังๆ เกมรับอันแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาของพวกเขากลับถูกชดเชยไปด้วยคุณภาพเกมบุกที่ไม่เปล่งประกายสดใสอย่างที่หลายๆคนคาดหวัง ทีมเริ่มประสบปัญหาในการทำประตูและความหาชัยชนะไม่เจอเลยใน 4 เกมหลังสุด ยิ่งไปกว่านั้นมีเพียงศูนย์หน้าตัวสำรองอย่าง แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ เท่านั้นที่ยิงประตูได้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา และนี่ก็คงเป็นสาเหตุสำคัญที่ช่วยซัพพอร์ทแนวความคิดของ คล็อปป์ ที่ต้องการจะดึงตัว นาบิล เฟคีร์ เข้ามาในช่วงซัมเมอร์ เพราะสตาร์ตัวรุกชาวฝรั่งเศสคือผู้เล่นในแบบที่ลงล็อคสำหรับทดแทนการขาดหายไป คูตินโญ่ แต่แล้วการย้ายทีมของ เฟคีร์ กลับถูกยกเลิกหลังพบปัญหาระหว่างการตรวจร่างกาย จนทำให้ กุนซือชาวเยอรมัน ตัดสินใจหันไปเซ็นสัญญากับ แซร์ดาน ชากิรี่ แทน หากแต่ปัญหาของทีมในตอนนี้ก็คือ ซุปตาร์ชาวสวิส กลับยังไม่ค่อยได้รับโอกาสสร้างสรรค์เกมรุกให้กับทีมอย่างที่ควรจะเป็น

จริงอยู่ที่แผงกองกลางของ ลิเวอร์พูล ที่ถูกส่งลงสนามในปัจจุบันล้วนประกอบไปด้วยผู้เล่นที่มีคุณภาพ แต่ปัญหาที่เห็นได้ชัดก็คือพวกเขาเหล่านั้นมีคาแรคเตอร์ที่ใกล้เคียงกันมาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจมส์ มิลเนอร์ และ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ต่างเป็นนักเตะที่มีความขยันทุ่มเท ระเบียบวินัยสูง และถึงแม้แต่ละคนจะมีทักษะกันอยู่พอตัว แต่พวกเขาก็มีสไตล์การเล่นที่คล้ายกันเกินไปและถูกคาดเดาได้ไม่ยาก แดนกลางของพวกเขาขาดใครซักคนที่มีคุณสมบัติ เอ็กซ์ แฟคเตอร์ อยู่ในตัว

แรกเริ่มจุดประสงค์ในการดึงตัว เฟคีร์ เข้ามาอาจทำให้บางคนมองว่านี่เป็นการเซ็นสัญญาที่เกินความจำเป็นของ หงส์แดง เนื่องจากแค่จำนวนผู้เล่นกองกลางที่มีก็แทบจะตบตีกันตายอยู่แล้วสำหรับการแย่งที่ว่าง 3 ตำแหน่งตามรูปแบบการเล่นของทีม แต่นั่นก็อาจเป็นเรื่องราวก่อนหน้าที่เราจะทราบว่าอาการบาดเจ็บของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน นั้นรุนแรงกว่าที่คิด ซึ่งมันอาจถึงขั้นที่เราจะไม่ได้เห็นอดีตผู้เล่น อาร์เซน่อล มีส่วนร่วมกับทีมในฤดูกาลนี้เลยทีเดียว

มันจะดีกว่านี้ถ้ายังมีทั้งสองแข้งเทพ คูตินโญ่ & เฟคีร์

ลิเวอร์พูล อาจจะทำผลงานได้ดีกว่านี้หากพวกเขามี คูตินโญ่ หรือ เฟคีร์ อยู่ในทีม แต่จากการขาดหายไปของนักเตะประเภทนี้ทำให้พวกเขาต้องพยายามเร่งหาทางออก บางทีหาก เกอิต้า สามารถสลัดปัญหาการบาดเจ็บให้พ้นๆไปได้ เขาน่าจะเป็นคนที่ช่วยสร้างการทะลุทะลวงจากแดนกลางได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ดาวเตะวัย 23 ปี ยังไม่สามารถแสดงผลงานอะไรออกมาได้อย่างจะแจ้ง นอกจากความวูบวาบที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวนับตั้งแต่ที่ย้ายจาก แอร์เบ ไลป์ซิก เข้ามายังถิ่น แอนฟิลด์ ด้วยค่าตัว 52 ล้านยูโร แม้เขาอาจยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้ตามที่ใครๆคาดหวัง แต่ก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้เช่นกันว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับการปรับตัวเข้ากับระบบการเล่นของ คล็อปป์ ดังตัวอย่างที่เห็นกันมาแล้วจากทั้ง อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่กว่าจะได้ออกแอ็คชั่นกันเต็มที่ก็เกือบย่างเข้าสู่ช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ซึ่งแฟนๆหงส์แดงก็คงกำลังรอลุ้นว่ามันจะกลายเป็นหนังม้วนเดียวกันกับ เกอิต้า และ ฟาบินโญ่ ในอนาคตอันใกล้นี้

ในส่วนของ ชากิรี่ ก็เช่นกัน ถึงแม้อาจจะมีปัจจัยสำคัญอื่นๆร่วมด้วยอย่างเรื่องที่เขาจะได้รับบทบาทใดในสนาม เพราะมันคงไม่ใช่เรื่องยากซักเท่าไรสำหรับการปรับตัวลงเล่นเป็นผู้เล่นแนวรุกของทีม แต่หาก คล็อปป์ ต้องการใช้งานเขาในตำแหน่งมิดฟิลด์ แน่นอนว่ามันจำเป็นต้องใช้เวลาซักระยะหนึ่งเช่นกันสำหรับการทำความเข้าใจในระบบแผงกองกลางของ ลิเวอร์พูล

คล็อปป์ เคยทำการทดลองมาก่อนหน้านี้ในเกมที่เอาชนะ เซาแธมป์ตัน 3-0 เมื่อเดือนที่แล้ว แต่กุนซือชาวเยอรมันยังคงรู้สึกไม่ค่อยแฮปปี้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงแม้ ชากิรี่ จะเป็นหนึ่งในนักเตะของทีมที่ทำผลงานได้โดดเด่นในช่วง 45 นาทีแรก หากแต่เขาก็ยังถูกเปลี่ยนตัวออกไปในช่วงพักครึ่ง เนื่องจาก คล็อปป์ ยังมองเห็นช่องโหว่ของทีมอยู่ตลอดในยามที่ไม่ได้ครอบครองบอล

มันดีทั้งหมดแต่ติดปัญหาอยู่นิดหน่อย

มันดีทั้งหมดแต่ติดปัญหาอยู่นิดหน่อย

เฮนเดอร์สัน, มิลเนอร์ และ ไวจ์นัลดุม ต่างทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในซีซั่นนี้ แต่ปัญหาของพวกเขาคือไม่สามารถช่วยทีมในการปลดล็อคแนวรับของคู่แข่งได้ซักเท่าไร ทั้งการเติมเกมรุกขึ้นไปข้างหน้าก็ยังมีไม่มากแถมช่วยยิงประตูไม่ได้ซักเท่าไร การเลือกใช้พวกเขาเพียง 2 ใน 3 คนน่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมเพราะเมื่อใดก็ตามที่ลงสนามทั้งหมดพร้อมกัน ก็มักจะส่งผลให้สามประสานแดนหน้า โมฮัมเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ได้รับการสนับสนุนค่อนข้างจำกัด นั่นคือประเด็นที่แท้จริงสำหรับพวกเขา ก่อนหน้านี้ในยามที่ 3 ประสานแนวรุกยังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มอย่างในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลที่ผ่านมา เช่น นัดที่ หงส์แดง ไล่ถล่ม โรม่า ที่ แอนฟิลด์ ยับเยิน 5-2 ก็ไม่มีใครมีปัญหากับ เฮนเดอร์สัน, มิลเนอร์ และ ไวจ์นัลดุม แต่พอมาซีซั่นนี้ที่บรรดาผู้เล่นแนวรุกกลับทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานจากปีที่แล้ว ก็ทำให้จุดบอดตรงกลางสนามของพวกเขากลับปรากฏเด่นชัดขึ้นมาในทันที

ในระยะยาวแล้ว เกอิต้า น่าจะเป็นคำตอบสำหรับทีมในเรื่องนี้ แต่หากเขาต้องพักยาวไปนานนับเดือน ก็ควรจะเป็นโอกาสของ อดัม ลัลาน่า หรือ ชากิรี่ ที่จะเข้ามามีบทบาทในการสร้างสรรค์เกมรุกตรงกลางสนาม ลัลลาน่า ในสภาพที่ฟิตเต็มร้อยน่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าทำให้กับ ลิเวอร์พูล แต่จากที่เขาต้องร้างลาสนามไปเป็นระยะเวลานานด้วยอาการบาดเจ็บที่มาจากหลากหลายสาเหตุ ก็อาจเป็นเรื่องยากที่จะตั้งความหวังไว้กับเขา บางทีหากอดีตกองกลางจาก เซาแธมป์ตัน ได้มีโอกาสลงสนามในอีก 2-3 เกมข้างหน้า ความเป็นไปได้ที่เขาจะบาดเจ็บซ้ำอาจมีพอๆกับการที่เขาจะช่วยทำแอสซิสต์หรือยิงประตูกันเลยทีเดียว ดังนั้นนี่คงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับ ชากิรี่ ในการลงทำหน้าที่ขับเคลื่อนเกมรุกอย่างที่ คูตินโญ่ เคยสร้างชื่อเอาไว้ และหากมองไปยังคุณภาพของบรรดาคู่ต่อสู้จากโปรแกรมการแข่งขันในช่วงนี้ ก็อาจไม่ใช่เรื่องที่จะเกินความคาดหวัง เนื่องจาก ฮัดเดอร์สฟิลด์, เร้ด สตาร์ เบลเกรด และ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ต่างก็ไม่ใช่สโมสรที่แสดงออกถึงความทะเยอทะยานมากซักเท่าไร

ลิเวอร์พูล กำลังต้องการจุดเปลี่ยนและนี่ก็คงเป็นช่วงเวลาที่ลงล็อคสำหรับการมอบโอกาสให้กับ ชากิรี่ ได้ทำในสิ่งที่เขาถนัด และบางทีแนวรุกของพวกเขาอาจจะกลับคืนความร้อนแรง ช่วยเรียกเสียงเฮและสร้างรอยยิ้มให้กลับมาบนใบหน้าของสาวก เดอะ ค็อป อีกครั้ง

มันจะดีกว่านี้ถ้ายังมีทั้งสองแข้งเทพ คูตินโญ่ & เฟคีร์