หากบอกว่าเวลานี้ทีมที่ฟอร์มร้อนแรงที่สุด คงปฏิเสธไม่ได้ว่ายังไงก็ต้องยกให้กับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่ทำสถิติคว้าชัยชนะ 3 นัดรวดในช่วงเปิดซีซั่นที่ผ่านมา แถมยังไม่เสียประตูให้ใครและยิงประตูคู่แข่งรวมไปทั้งสิ้น 7 ลูก นำเป็นจ่าฝูงแบบชิลล์ ๆ เนื่องจากบรรดาทีมที่คะแนนเท่ากันต่างก็โดนเปิดซิงไปแล้ว อีกทั้งพอนับผลต่างประตูได้เสียก็ยังไม่มีใครเทียบเท่าพวกเขาได้สักคน ทว่าหากมองให้ลึกลงไปสิ่งที่สังเกตในช่วง 2 เกมหลังคือวิธีที่คู่แข่งใช้ยามเจอกับหงส์แดงยุคนี้ ลองมาวิเคราะห์ถึงวิธีหยุดพวกเขากัน
แนวทางที่เหมาะสมขั้นแรกต้องเริ่มด้วยการตั้งรับลึกเนื่องจากแนวรุกของลิเวอร์พูลค่อนข้างเร็วมาก ดังนั้นหากปล่อยให้กองหลังลอยหรือแม้แต่แบ็ก 2 ข้างเติมเกมขึ้นไปแล้วลงไม่ทันแถมดันไม่มีตัวมาซ้อน ก็เตรียมโดนกระซวกตาข่ายได้เลย ทว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ทีมนั้นตั้งเกมรับแบบเหนียวแน่น เน้นรับลึกเอาไว้ก่อน ปัญหาที่ลิเวอร์พูลเจอคือพวกเขาไม่มีกองหน้าตัวใหญ่ ทำให้เวลาเปิดบอลจากกาบ 2 ข้างเข้าไปยังกรอบเขตโทษไร้ประสิทธิภาพ เมื่อจัดการแนวรุกความเร็วสูงของพวกเขาได้ โอกาสที่จะแบ่งแต้มเริ่มมีให้เห็นรำไร
แต่การจะเอาชนะพวกเขาเลย ไม่ใช่ว่าจะใช้การรับแล้วสวนกลับธรรมดาเหมือนที่ทำกันแล้วจะปราบพวกเขาลงได้ เนื่องจากแดนกลางของพวกเขามีตัวสกรีนบอลดี ๆ เยอะพอตัว โดยเฉพาะการได้ นาบี เกอิต้า ที่ว่ากันว่าเป็นเหมือนร่างเจอร์ราร์ด 2 ยิ่งทำให้แผงมิดฟิลด์พวกเขาแน่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในการจะเจาะประตูเข้าไปหาพวกเขาคือการวางบอลยาวแม่น ๆ แล้วใช้กองหน้าตัวใหญ่กระแทกเพื่อพักบอล ไม่ก็ปีก 2 ข้างที่ความเร็วสูงไปกับบอลได้ดี ถือว่าจะช่วยให้พื้นที่แดนกลางเปิดกว้างขึ้น ขณะที่แนวรับยังมีจุดอ่อนให้เห็นในแบ็กทั้ง 2 ข้าง จึงเป็นช่องโจมตีสำคัญที่พวกเขาจะพลาดเท่าเอาได้ง่าย ๆ
ทว่าเมื่อมาถึงปราการด่านสุดท้ายอย่าง อลิสซอน เบ็คเกอร์ ก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่งานง่ายเหมือนกัน เนื่องจากเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านี่แหละของจริงที่แฟน ๆ รอมานาน หากแนวรุกไม่แม่นจริง คงผ่านมือเจ้าตัวได้ยาก แต่ก็ถือว่าถ้าได้บุกบ่อย ๆ โอกาสจะเป็นประตูย่อมมีสูงกว่าการตั้งรับหลายเท่าอยู่แล้ว สุดท้ายนี้ลูกฟรีคิกหรือลูกเตะมุมคืออีกทีเด็ดที่หากเอาชนะแนวรับพวกเขาได้ก็มีสิทธิ์เป็นประตูสูงด้วยเหมือนกัน
