สิงโตคำราม สไตล์ กับศึกเนชั่นส์ ลีก

สิงโตคำราม สไตล์ กับศึกเนชั่นส์ ลีก

ในช่วงสัปดาห์นี้ บอลลีกหลักของยุโรปทั้งหมดต้องหลีกทางให้กับโปรแกรมทีมชาติอีกครั้งหลังเปิดลีกกันมาได้พักใหญ่ ๆ โดยเป็นเกมที่เพิ่งคลอดออกมาสด ๆ ร้อน ๆ อย่างศึก เนชั่นส์ลีก ของยูฟ่า อธิบายให้เข้าใจแบบคร่าว ๆ ก็คือเหมือนมีการจัดอันดับของบรรดาทีมชาติต่าง ๆ ในยุโรปให้เป็นลีกย่อยออกไป โดยทีมเก่งจะได้อยู่ร่วมกัน มีโอกาสเจอกันบ่อย ส่วนทีมระดับเดียวกันก็จะถูกจับให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งการแข่งขันเนชั่นส์ลีก นี้ไม่เหมือนกับเกมกระชับมิตรแบบเดิม ๆ ที่เคยเตะ เนื่องจากมันมีผลต่อการคัดทีมไปเล่นในศึกยูโร 2020 ด้วย

เรื่องราวของทัพสิงโตคำราม

แต่สิ่งที่อยากพูดถึงวันนี้คือเรื่องราวของทัพ “สิงโตคำราม” อังกฤษ ภายใต้การคุมทัพของ แกเร็ธ เซาท์เกต กุนซือคนเก่งผู้พาอังกฤษได้อันดับ 4 ในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ผ่านมา ซึ่งสไตล์การเล่นของกุนซือรายนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นไปตามหลักการ สูงสุดคืนสู่สามัญ สไตล์ดังกล่าวมันหมายถึงวิถีการเล่นแบบดั้งเดิมของบอลอังกฤษ ทำนองไม่ต้องสนใจเรื่องของลีลาท่าทาง , การต่อบอลแบบสวยงามเหมือนสเปน ความสามารถเฉพาะตัวไม่ต้องสูงเหมือนพวกบราซิล หรืออาร์เจนติน่า , ไม่ต้องเล่นประเภทตีหัวเข้าบ้านเหมือนอิตาลี แต่พวกเขาสามารถประสบความสำเร็จได้สูงกว่าทีมที่เอ่ยมาทั้งหมด สไตล์การเล่นดังกล่าวคือใช้รูปร่างและการเข้าชนอันแข็งแกร่งของนักบอลอังกฤษเป็นหลัก ทำนองโยนอย่างเดียวเดี๋ยวเขาก็จัดให้

รูปแบบการเล่นของ เซาท์เกต ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “อิงแลนด์ สไตล์” นั่นคือพยายามผ่านบอลไปข้างหน้าให้ได้เยอะที่สุดโดยไม่ต้องสนใจว่ามิดฟิลด์ต้องครองบอลนาน ต้องต่อบอลแบบไหลลื่นหรือไม่ สิ่งที่เขาทำมีเพียงเอาแบบไหนก็ได้ให้บอลเข้าไปอยู่บริเวณกรอบเขตโทษให้เยอะที่สุด เมื่อบอลเข้าไปอยู่ตรงนั้นได้ โอกาสที่นักเตะอังกฤษจะทำประตูได้ก็สูงด้วยเหมือนกัน อีกจุดเด่นที่เขาสร้างให้กลายเป็นความน่ากลัวของอังกฤษชุดนี้ไปเลยนั่นคือเรื่องลูกตั้งเตะ ไม่ว่าจะเป็นฟรีคิกหรือลูกเตะมุมต้องบอกว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ จะยิงหรือจะโยน บรรดาแนวรับคู่แข่งต่างขวัญผวาไม่น้อย

บางทีการเล่นแบบเดิม ๆ ไม่ต้องคิดเยอะ มันเหมาะกับสไตล์บอลของนักเตะอังกฤษเอามาก ๆ ในแบบที่ เซาท์เกต กำลังแสดงให้เห็น เขาไม่ต้องการนักเตะลีลาดี ไม่ต้องการนักเตะที่ครองบอลเหนือ แต่เขาต้องการแค่คนผู้สร้างลูกบอลให้เข้าไปหน้าประตูคู่แข่งให้ได้เร็วที่สุด แม่นยำที่สุด เพียงแค่นี้การคว้าชัยของอังกฤษก็ขยับเข้าใกล้ไปแล้วเกินกว่าครึ่งหนึ่งที่พวกเขาจะทำได้

เรื่องราวของทัพสิงโตคำราม