เพิ่งมีการประกาศรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของยูฟ่า หรือสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยผู้เข้าชิงในครั้งนี้ประกอบไปด้วย ลูก้า โมดริช มิดฟิลด์จอมเทคนิคของ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด และทีมชาติโครเอเชีย,คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แนวรุกจาก “ม้าลาย” ยูเวนตุส และทีมชาติโปรตุเกส,โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แนวรุกจากทัพ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล และทีมชาติอียิปต์ ซึ่งผลปรากฏว่า โมดริช คว้ารางวัลนี้ไปครองอย่างยิ่งใหญ่
ต้องบอกเลยว่าหลายคนอาจไม่ได้นึกถึงเขามากนักเนื่องจากเจ้าตัวไม่ค่อยเป็นข่าวเหมือนนักเตะดังหลายคน เล่นบอลแบบเงียบๆ ในสไตล์ที่เป็นตัวเอง ทว่ากลายเป็นตัวขับเคลื่อนชั้นดีให้กับทีมชาติและสโมสร อย่างตอนที่เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ 3 สมัยติด คนมักไปชื่นชมเยินยอ โรนัลโด้ ว่าเป็นหัวใจหลักในการเล่นให้กับทีม ซึ่งหากบอกว่า โรนัลโด้ คือหัวใจ อันนี้คงไม่เถียงแต่ถ้ากำลังมองหามันสมองของทีมต้องยกให้กับมิดฟิลด์ชาวโครแอตรายนี้เลย
หลายเกมที่มาดริดลงสนามเมื่อปราศจากมิดฟิลด์ร่างเล็ก บ่อยครั้งที่เกมพวกเขาตื้อ ไปไม่เป็น ไม่รู้จะถ่ายบอลออกไปอย่างไรดีเพื่อให้ทีมได้เปรียบมากที่สุด ทว่าในทางกลับกันเมื่อมีเขาลงสู่สนาม สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นเรื่องง่ายทันทีเมื่อเจ้าตัวได้บอลแล้วมองเห็นช่องในการจ่ายแบบเนียน ๆ ชนิดที่ต่างกันหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่แปลกที่เขาจะเป็นนักเตะคนสำคัญที่พาทีมชาติโครเอเชียทะลุได้ถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2018 แม้สุดท้ายจะพ่ายให้กับฝรั่งเศสก็ตาม ทว่ามันก็ดีพอสำหรับชาติเล็กๆ ที่ก้าวมาได้ถึงระดับนี้
ความดีความชอบทั้งหมด โมดริช ถือว่ามีส่วนสำคัญมากในการพาทีมที่เขาเล่นให้พุ่งชนความสำเร็จเข้าอย่างจัง จำได้ว่าตอนที่เจ้าตัวตัดสินใจย้ายจาก “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ไปยังลาลีกา สเปน ใหม่ๆ แล้วยังปรับตัวไม่ค่อยได้ หวุดหวิดจะโดนขายทิ้งอยู่หลายรอบเหมือนกัน แต่สุดท้ายเขาได้พิสูจน์ตนเองให้เห็นแล้วว่านี่แหละคือสุดยอดมิดฟิลด์ระดับโลกของจริง
บางครั้งการเข้าชิงรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมในสถาบันต่างๆ คงใกล้หมดยุค โรนัลโด้ และ เมสซี่ เต็มแก่ เพราะด้วยอายุรวมถึงปัจจัยอื่นๆ อีกมาก อย่างผู้เข้าชิงนักเตะยอดเยี่ยมของฟีฟ่า หรือสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ที่เพิ่งประกาศออกมาก็ยังคงเป็น 3 ตัวเต็งเจ้าเดิมจากเมื่อครั้งตอนเข้าชิงรางวัลของยูฟ่า มาลุ้นกันว่าดาวเตะผู้นี้จะคว้ารางวัลไปครองได้หรือไม่ แต่บอกเลยโอกาสมีสูงมากจริงๆ